EP.2 ผัวทรยศ [3] จบตอน
ฉันยืนอยู่หน้ากระจก ตาบวมเพราะแอบไปยืนร้องไห้ในห้องน้ำ แล้วกดโทรหาครามไปด้วย แต่ก็โทรไม่ติดเหมือนเดิม
ฉันบอกตัวเองในกระจกว่าเลิกพะวงถึงเขาก่อนเถอะ ไม่ใช่ว่าเพิ่งโดนทิ้งครั้งแรกนี่ เราคบๆ เลิกๆ กันมาไม่รู้กี่ครั้งกี่ครา นี่อาจจะเป็นครั้งที่ร้อยของทุกครั้งก็ได้ ยังไงก็ตาม วันนี้มันเป็นวันของครอบครัวนะ
ใช่ ฉันคิดอย่างนั้น
แต่พอไปถึง เข้าไปในบ้านอย่างคุ้นชิน เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่เป็นสามีพี่เหมียวในห้องนั่งเล่น
ใจฉันหล่นลงไปเลย เพราะว่ามันคือคราม
คือแฟนของฉันเอง
เขาบล็อกฉันทุกอย่าง บล็อกฉันทุกทาง เพื่อมาเปิดตัวว่าเป็นสามีของพี่สาวของฉันน่ะเหรอ
“นะ นี่มันอะไรกันคะพี่เหมียว!” ฉันสติแตกจนต้องโพล่งขึ้นมา พ่อกับแม่มองฉันอย่างตกใจ “นี่คือแฟนของมิว ทำไมถึงเป็นสามีพี่ได้...!”
พี่เหมียวนิ่งไป ในขณะที่ใบหน้าของครามไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เขาเหมือนไม่ตกใจเลยที่มาเจอฉันที่นี่
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ฉันเห็นว่าพี่เหมียวเบิกตากว้างเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“อะไรนะ...” เธอพึมพำอย่างไม่เชื่อหู ฉันได้แต่ตกตะลึง ก่อนที่จะยิ่งกว่าตะลึงเมื่อเธอจงใจตบไปที่ใบหน้าของครามอย่างแรง
เพี้ยะ!
“คะ คราม ไหนบอกว่าเลิกแล้ว เลิกหมดทุกคน ทำไม... ทำไมถึง” ฉันหน้าชา รับรู้ได้ในทันทีว่าเธอกำลังเล่นละคร พี่เหมียวสะอื้นอย่างหนัก ในขณะที่ครามที่โดนตบหน้าจะหันกลับมา
แววตาที่เลือดเย็นของเขาสบตากับฉัน ใบหน้าแดงเป็นปื้นแค่นยิ้มหยัน
“น้องเธอบอกว่ารักพี่ แล้วทึกทักเอาเองว่าพี่เป็นแฟน” เขาแค่นหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก ฉันหน้าชาไปเลย “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
ขาฉันอ่อนแรงจนล้มลงไปกองกับพื้น น้ำตาไหลลงมา พ่อกับแม่มองฉันอย่างตกใจ ในขณะที่ครามจะลุกขึ้นยืน
“ขอตัว”
เขาพูดเหมือนไม่อยากทนเห็นฉันที่นั่งน้ำตานองหน้าอยู่แม้แต่นาทีเดียว พูดขึ้นอย่างเห็นแก่ตัว ครามเดินออกไปเลย เดินผ่านฉันไปราวกับว่าฉันไม่มีตัวตน
ทั้งที่เขามีอะไรกับฉันแล้ว ทั้งๆ ที่...
“คราม!” ฉันสติแตกสุดๆ วิ่งไปกอดท่อนขาของครามไว้ต่อหน้าพ่อกับแม่และพี่สาวที่หักหลังฉันจนไม่เหลือชิ้นดี “ไม่นะคราม ฮึก... ครามอย่าทิ้งมิวไปง่ายๆ แบบนี้”
“...”
“ครามรู้จักพี่เหมียวเหรอ ทำไม...”
“กูทำมันท้อง เข้าใจมั้ยมิว” เขาสะบัดมือฉันออก พร้อมกับกระซิบเสียงหนัก “ระหว่างสองปีกับห้าเดือนที่คบกับมึง กูรู้ว่ากูจะเลือกใคร”
สะ... สองปี
นี่มันหมายความว่ายังไง?
“แล้วที่บอกว่ารักกัน” ฉันพูดออกมาเสียงดัง “ที่บอกว่าจะเลิกกับทุกคนเพื่อมิว นี่ไปแอบคบกับพี่เหมียวลับหลังเหรอ?”
ครามเงียบสนิท เขาไม่ยอมตอบ จนฉันมารู้สึกตัวอีกที
“... จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะมิวน้อย” ฉันสะดุ้งเมื่อพี่เหมียวเดินมาสมทบ เห็นครามถูกยื้อกลับไปยืนเคียงข้างอสรพิษที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สาวของตัวเองตลอดมา “พี่คบกับครามมาสองปีแล้ว พอพี่ทิ้งครามไปญี่ปุ่นครามถึงได้มาคบกับมิวน้อย”
“...!”
“นั่นก็หมายความว่า... มิวน้อยมาทีหลังนะ”
ฉันโกรธมาก และไม่สามารถให้อภัยทั้งพี่เหมียวและครามได้
พ่อแม่ที่คิดว่าเราคือพี่น้องที่รักกันดีได้ตาสว่างก็วันนั้น เขาเรียกเรามาคุยกัน แต่ฉันไม่อยากทนเห็นหน้าพี่เหมียวในบ้านหลังนี้ได้อีกแล้ว เธอแสดงออกชัดเจนว่าเธอยังคงเกลียดฉันไม่เปลี่ยน แล้วจงใจหักหลังกัน
ฉันหนีออกจากบ้าน ยกผู้ชายสารเลวให้พี่เหมียวได้ครอบครองสมใจอยาก แล้วตั้งใจว่าจะเปลี่ยนตัวเองใหม่ แล้วจะไม่ผูกมัดกับใครอีกเลย
พอฉันอายุยี่สิบ ฉันรวบรวมเงินทั้งหมดที่มีและโทรบอกพ่อแม่ผ่านทางโทรศัพท์ว่า ฉันจะไปทำงาน เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก แล้วกลับมาเรียนต่อที่นี่ตอนอายุยี่สิบสอง
ฉันจำเป็นต้องพึ่งพาพ่อแม่ เพื่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งยิ่งใหญ่
ตอนแรกพ่อแม่คัดค้าน แต่ฉันขู่ว่าถ้าพวกเขาไม่ยอม ฉันจะหนีไปไม่กลับ และไม่ติดต่อกับทางบ้านอีกเลย
ฉันเลือกไปอยู่ที่เกาหลีเพราะเรียนเอกภาษาเกาหลีอยู่แล้ว ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองปี หัดเข้าผับกินเหล้า แล้วเริ่มทำตัวเองให้เปรี้ยวขึ้น คบเพื่อนผู้ชายที่นั่นเยอะแยะ แล้วคนพวกนั้นก็คอยสอนให้รู้จักมองคนให้ออก
ผู้ชายเกาหลีน่ะไม่ใช่เล่นๆ กันสักคนหรอก ฉันเชื่อว่าก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าครามเลย
และนี่ก็เป็นเหตุผล ที่ทำให้ฉันได้กลับมาใหม่ตอนอายุยี่สิบสอง ในฐานะมิวคนใหม่
ที่จะไม่มีวันร้องไห้ให้กับผู้ชายหน้าไหนอีก
