บทนำ
หลายครั้งที่ฉันเฝ้าแต่ถามตัวเอง....
หากไร้ซึ่งอ้อมกอดของคนคนนั้นแล้ว
ชีวิตฉันจะเป็นยังไง
ท่ามกลางความวุ่นวายนอกร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง แสงสลัวสีส้มอ่อนๆ บนท้องฟ้าที่กำลังจะลาลับ บ่งบอกให้ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งได้รับรู้…ว่าการรอคอยที่แสนจะเนิ่นนานของเธอนั้น มันกำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่ช้านี้แล้ว
ความอ้างว้างฉับพลันเข้าจู่โจมทันทีที่สำนึกได้ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่นี้ มันช่างเป็นเรื่องที่แสนจะโง่เง่าสิ้นดี ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพียงการรอคอยโง่ๆ ของคนโง่ๆ ที่ได้นั่งอยู่นอกระเบียงร้านสายตาเฝ้าชะเง้อมองหาใครบางคนที่จนป่านนี้ก็ยังไม่มาสักที
‘สิบโมงตรงเจอกันที่ร้านกาแฟ อย่าไปสาย’
ยูได
ข้อความที่ได้รับทำให้เธอต้องมาที่นี่ทั้งๆ ที่วันนี้ควรจะเป็นอีกวันที่ได้หยุดพักผ่อนแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเลือกที่จะมาอยู่ดี
มาเพื่อให้ได้รู้ ว่าเป็นอีกครั้งแล้วที่เขาปล่อยให้เธอรอเก้อ
เป็นอีกครั้งแล้ว…ที่การรอคอยของเธอต้องสูญเปล่า!
[ย้อนไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน]
เสียงฟ้าที่คำรามก้อง ส่งผลให้ร่างบางในชุดลำลองสุดแสนจะธรรมดา พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือบางกำร่มสีแดงที่เป็นดั่งเครื่องช่วยให้รอดพ้นจากเม็ดฝนที่โปรยปรายเอาไว้มั่น ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าซอยเพื่อกลับไปยังบ้านหลังเล็กของตนเองอย่างรวดเร็ว ทว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลับไปสะดุดเข้ากับร่างสูงของใครบางคน ซึ่งกำลังยืนพิงรถสปอร์ตคันหรูด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่ได้มีทีท่าหวั่นเกรงต่อเสียงฟ้าร้องแต่อย่างใด
“มายืนทำอะไรตรงนี้ ถ้ายังไม่รีบหาที่หลบฝน เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ยามเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของชายหนุ่มแปลกหน้าในระยะใกล้ ทั้งๆ ที่ใจจริงอย่างจะรีบพาตัวเองให้กลับถึงบ้านหลังเล็กที่มีผู้อาศัยอยู่เพียงคนเดียวให้เร็วที่สุดมากกว่า แต่ก็อดห่วงเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกตรงหน้าไม่ได้อยู่ดีกลัวว่าเขาอาจจะไม่สบายขึ้นมา
และทันทีที่สายตาคมกริบเงยขึ้นมาสบสายตากัน ร่างบางก็ถึงกับสั่นไหวอย่างหนัก ให้กับเครื่องหน้าที่เข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยมของเขา เรือนผมสีเทาเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาเอาเรื่องได้เป็นอย่างดี ดวงตาสีเทาของเขากำลังมองมาที่หญิงสาวนั้นเป็นไปอย่างเรียบเฉย ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้รับรู้ความหมายของมัน
ผู้ชายคนนี้...ตาเศร้าจัง!
ทำไมต้องรู้สึกเศร้าไปกับดวงตาคู่นั้นด้วยนะ?...หญิงสาวนึกถามตัวเองด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ ต่อสิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้น
“ว่าไง...ถ้าไม่รังเกียจเอาร่มของฉันไปก่อนไหม” ใบหน้าหล่อคมคายตวัดมองร่มในมือหญิงสาวด้วยสายตาเรียบเฉยเหมือนเช่นเดิม ในมือเธอมีร่มที่กำลังกางอยู่เพียงคันเดียวเท่านั้น
“ฉันว่านายคงต้องการมันมากกว่า รับไปสิ” ร่างบางพูดพร้อมกับยื่นร่มในมือไปให้อย่างไม่เกรงกลัวว่าตัวเองจะเปียกปอนแค่ไหน จนร่างสูงอดจะสงสัยถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอไม่ได้
“ก็แค่อยากจะช่วยน่ะ ไม่งั้นจะเป็นหวัดเอาได้นะ รีบๆ รับไปสิ อ๊ะ!” หัวใจกระตุกวูบทันทีที่ร่างสูงปัดร่มทิ้งลงพื้นก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามาบดขยี้ริมฝีปากที่กระทั่งนาทีนี้ก็ยังพูดไม่ยอมหยุดอย่างบ้าคลั่ง มือหนาของเขาเลื่อนมาจับคอขาวเนียนของเธอให้เงยขึ้นเพื่อควานหาความหอมหวานจากริมฝีปากบางได้อย่างถนัดถนี่ ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน มีเพียงรสสัมผัสที่จาบจ้วงจนดวงตากลมโตของร่างบางซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์จูบกับชายใดมาก่อนในชีวิต ต้องเบิกกว้างอย่างตกใจกับการกระทำอุกอาจของคนตรงหน้า จนกระทั่งเวลาผ่านพ้นไปเนิ่นนานหลายนาที เขาจึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า...
“จูบแรกของเธอสินะ” เพียงเพราะคำพูดนั้น...มันทำให้เธอหลงเข้ามาในความว่างเปล่าที่เขาคนนั้นได้มอบให้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เธอไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่ทำอย่างนั้น แต่การพบกันครั้งนั้นมันเป็นเหมือนโชคชะตาที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยง เหมือนพระเจ้าประทาน ‘บทพิสูจน์’ มาให้ซึ่งมันก็คือเขาคนนั้น
ผู้ชายที่ชื่อยูได!!
ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคนธรรมดาอย่างฉัน แต่นั่นล่ะคือจุดเริ่มต้นในการเป็นแฟนกันของเราทั้งคู่ เพราะนับตั้งแต่วันนั้น ที่เขาได้ช่วงชิงจูบแรกที่แสนล้ำค่าที่มีเพียงครั้งเดียวของฉันไปอย่างอุกอาจ ยูไดก็แทบไม่ต่างอะไรกับเงาที่คอยตามตัวเธออยู่ตลอดเวลาเลยสักนิด ยิ่งพยายามหนีเขาก็ยิ่งไล่ต้อน ยิ่งพยายามตีตัวออกห่าง เขาก็ยิ่งเข้ามาใกล้หัวใจมากขึ้นเท่านั้น จนท้ายที่สุดแล้ว...เธอก็ไม่อาจหนีผู้ชายคนนั้นไม่พ้นอยู่ดี
‘เป็นแฟนฉัน...แล้วฉันจะทำให้เธอมีความสุข’ ไม่มีการสารภาพรักเกิดขึ้น ในวันที่ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่แปรเปลี่ยนจากคนแปลกหน้าที่บังเอิญพบกันมาเป็นคนรัก เธอไม่รู้กระทั่งว่าอะไรทำให้เผลอตอบตกลงเป็นแฟนกับเขา แต่ที่รู้ๆ ในเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น เขาทำให้เธอมีความสุขมาก เขาทำให้เธอรู้ว่าการอยู่คนเดียวบนโลกที่แสนจะน่าเบื่อใบนี้ มันจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปเมื่อมีใครสักคนอยู่ข้างๆ ใครสักคนที่จะเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย
เขาทำให้เธอรู้ว่าบางครั้ง...ชีวิตของเธออาจไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะอยู่คนเดียว ถึงแม้จะรู้ตัวดีว่าสถานะของเธอนั้น คงเป็นได้แค่ตัวแทนของใครอีกคนก็ตามที ใครอีกคนที่เขารักหมดใจ
ซึ่งคนที่ว่านั้นก็ไม่ใช่เธออยู่ดี!
♫ ♫
เพราะเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้เธอละสายตาจากถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย หันเหความสนใจทั้งหมดมาที่มือถือเครื่องเล็ก ที่กำลังโชว์เบอร์คนที่เธอรอมานานอยู่...ยูได!
[พอดีว่าวาโยไม่สบาย ฉันเลยต้องอยู่เฝ้า เธอ...รอนานรึเปล่า] น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากปลายสาย ฉันอดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง และอีกครั้ง!
“ฉะ...ฉันกลับมาตั้งนานแล้วล่ะ ใครกันจะบ้ารอนานตั้งเจ็ดชั่วโมงแบบนั้นล่ะจริงไหม” ทำไมเธอถึงไม่บอกเขานะ ว่าเธอรอมาตลอด ทำไมไม่บอกไปเลย ว่าเธอเองในตอนนี้ก็กำลังไม่สบายอย่างหนัก เพราะตากฝนรอเขาเป็นชั่วโมง
หัวใจเกิดรอยแผลฉกรรจ์ทุกครั้งที่เขาเอ่ยชื่อผู้หญิงคนนั้น...มันเพราะอะไรกันแน่นะ อาจจะเพราะเธอรู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น ยูไดก็พร้อมที่จะพาตัวเองไปจากเธอในทันที ความรู้สึกของเธอคงเป็นสิ่งสุดท้ายบนโลกที่เขาจะให้ค่า!
[ไว้จะโทรหา]
“ได้สิ แล้วฉันจะรอนะ” ถึงจะรู้ดีว่ายูไดจะไม่โทรหาเธอจนกว่าวาโยจะหายป่วยก็ตามที แต่เพื่อรักษาสถานะที่เธอเป็นคนยอมรับมันเองเธอจึงจำต้องพูดสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจออกไป
เรื่องราวของเราสามคน...เริ่มต้นมาจากคำบอกเลิกของผู้หญิงคนนั้น วาโยคืออดีตคนรักของยูไดที่เคยรักกันมาก จนกระทั่งเมื่อยัยนั่นเกิดรู้ใจตัวเองว่ารักผู้ชายอีกคน ก็ทิ้งเขาไปอย่างไม่คิดที่จะแยแส และในวันนั้นที่ยัยนั่นเลือกที่จะเดินจากไป ก็เป็นวันเดียวกันกับที่เธอและยูไดเจอกันครั้งแรก เธอในตอนนี้ก็เลยแทบไม่ได้ต่างอะไรจากตัวแทนของผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด!
แต่แล้วไม่นานจากนั้นเวรกรรมก็ตามทันวาโย เมื่อเธอถูกผู้ชายคนนั้นทิ้ง ดับทุกๆ ความฝันที่คิดจะร่วมกันไปตลอดกาล
‘ขอโทษนะมันนี่ แต่ว่าฉัน…ฉันขอยูไดคืนได้ไหม เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม ถ้าฉันจะบอกว่าเขาต้องการฉันมากกว่าเธอ ขอคืนนะ...ทุกอย่างที่เป็นของยูได!’ นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของคำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดออกมาจากปากของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีรอยยิ้มสดใสดูไร้เดียงสา และนับจากวันนั้นมา วาโยก็เหมือนจะกลายเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของความรักระหว่างฉันกับยูไดไปโดยปริยาย ทุกครั้งที่เธอต้องการใครสักคน...ยูไดก็จะไปหาเธอแล้วทิ้งฉันให้เฝ้าแต่มองเขาจากข้างหลัง แน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้ว...ดูเหมือนว่าคนที่จะเป็นส่วนเกินที่ควรถูกตัดทิ้ง จะเป็นเธอคนนี้สินะ
