ตอนที่6 ไม่ได้เป็นอะไรกัน
แม้ไม่อยากลง แต่พลับพลึงกลับไร้แรงต้านของเวกัสได้ เขาจูงมือหรือจะเรียกว่าลากก็ไม่แน่ใจ พาเธอลงจากรถเข้าไปในจุดรวมตัวของนักแข่งฝั่งเขา
พอเดินไปถึงก็ได้รับสายตาจากคนไม่น้อย และส่วนใหญ่แทบจะทั้งหมดเป็นคนที่เธอรู้จักทั้งนั้น เพียงแต่สถานะและความสัมพันธ์มันต่างกับอดีตไปแล้ว
“จำไอ้เนมได้ไหม นักแข่งที่เคยเอาชนะไอ้วินตอนนั้น” หลังจากเวกัสดันพลับพลึงนั่งเก้าอี้เสร็จก็หันมาพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มและแววตาร้ายกาจ
“.....” พลับพลึงมองสบตากับเขาโดยไม่ได้ตอบรับ
หัวสมองของเธอรื้อฟื้นความทรงจำในอดีต เพียงเล็กน้อยก็จำได้เพราะว่าวินหรือมาวินคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของเวกัส และเขาก็เป็นอีกคนที่ขับรถแข่งเก่งมาก ดริฟท์รถก็เก่งไม่น้อยไปกว่าเวกัสเลย
แต่ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เธอเคยดูมาวินแข่งกับนักแข่งระดับเดียวกัน แล้วเป็นฝ่ายแพ้ ทำให้เธอจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ แม้จะจำหน้าของนักแข่งคนนั้นไม่ได้ก็ตาม
และ...
“วันนี้มันลงแข่งอีกครั้ง นอกจากเงินเดิมพันแล้ว...”
“ก็ยังเป็นเรซควีนของแต่ละฝ่ายด้วย” แล้วเขาก็ให้ความกระจ่างแก่เธอออกมา
“.....” พลับพลึงได้ยินแบบนั้นใจบางก็กระตุกวูบอย่างหวาดหวั่นด้วยความกลัว
เพราะหากผลออกมาเป็นเหมือนรอบก่อน นั่นหมายความว่าเธอจะตกเป็นของเดิมพันหรือของกำนัลให้อีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ
ยอมรับเลยว่าความรู้สึกเต็มไปด้วยความน้อยใจ เสียใจ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่เวกัสกล้าเอาเธอเป็นของเดิมพัน กล้าผลักไสเธอให้กับชายอื่นอย่างไม่นึกเห็นใจ
แต่... แล้วหลังจากนั้นล่ะ ถ้าเขาผลักไสเธอขนาดนั้นแล้ว เขาจะยังดึงเธอกลับมาระบายความโกรธแค้นที่เธอทำให้ผู้หญิงที่เขารักเจ็บปางตายอีกไหม หรือว่ายอมปล่อยเธอไปเพราะสะใจแล้ว
“เกมนี้ เดาไม่ได้เลยจริงๆ” เขาพูดขึ้นลอยๆ ปลุกเร้าความกลัวให้กับพลับพลึงอย่างอารมณ์ดี
แต่... ใครจะรู้ว่าเกมนี้เขามั่นใจอย่างมากกว่านัดครั้งนั้น ฝั่งของเขาจะเป็นฝ่ายชนะ
ไม่ใช่กลโกงใดๆ จากเจ้าของสนามอย่างเขาหรอก แต่เพราะเขาพึ่งทำเครื่องรถให้เพื่อนมาใหม่ ลองหลายรอบ ทำลายสถิติอย่างน่าพึงพอใจ
เพราะแบบนั้น เขาถึงได้กล้าเอาพลับพลึงมาเป็นเดิมพัน(?)
“.....” พลับพลึงนั่งฟังสิ่งที่เวกัสพูดเงียบๆ แต่มือไม้ของเธอกลับเย็นเฉียบและชื้นเหงื่อเพราะความกลัว
ตอนนี้เธอบอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วทางไหนเป็นทางที่ดีกับเธอมากที่สุด ระหว่างฝ่ายเวกัสแพ้แล้วตกเป็นของเดิมพัน ห่างจากรัศมีอำนาจของเขาเพื่อจะได้หนีไปในที่สุด แม้อาจจะแลกมาด้วยความขมขื่นที่อาจหนีไม่พ้น
หรือสุดท้ายแล้ว ยอมอยู่ภายใต้อาณัติของเวกัสต่อไปอย่างไม่ต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่จะเจอจากบุคคลอื่น…
หลังจากเขากระตุ้นความกลัวให้ใจเธอพอใจ บรรยากาศระหว่างเวกัสกับพลับพลึงมีความเงียบขั้นกลาง
กระทั่งเวกัสได้รับสัญญาณเรียกจากเพื่อนสนิททำให้เขาลุกไปหา แต่ไม่ลืมสั่งคนงานจับตาเฝ้าพลับพลึงไม่ให้หนีไปไหนได้
“มีอะไร”
“ฝั่งนั้นเปลี่ยนตัวคนแข่ง” เตวิชหนึ่งในเพื่อนสนิทอีกคนของเวกัสบอกเรื่องที่ได้รับรายงานล่าสุดมา
“ใคร”
“ไอ้คิม”
“.....” ชื่อที่ดังขึ้นทำให้เวกัสกำหมัดแน่นหันไปมองด้านหลังอีกครั้ง สายตาเจาะจงไปยังคนที่เคยนั่งข้างกายเขาก่อนหน้านี้
พลับพลึง
“กูจะแข่งเอง!” เวกัสหันกลับมาพูดกับเพื่อนของตัวเองขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งติดเย็นชา
“แล้วแต่มึง” มาวินไม่ได้ติดขัดกับการตัดสินใจของเพื่อน เพราะทุกคนในกลุ่มต่างรู้ดีว่านักแข่งที่เปลี่ยนตัวรายนี้ เป็นใคร
เวกัสไม่ได้พูดอะไร พาตัวเองกลับไปยังอาคารของสนามแข่ง จัดการเปลี่ยนชุดนักแข่งของเขา ขับรถคู่ใจของตัวเองออกจากห้องจอดหรูหราราวกับของโชว์จับต้องไม่ได้
กระทั่งรถแล่นมาจอดในจุดเช็กความเรียบร้อยเพื่อตรวจเช็กความพร้อม ปกติเขาดูแลอย่างดีตลอด แต่เพื่อความไม่ประมาทยังไงก็ต้องดูอย่างละเอียดก่อนนำลงแข่ง
และแน่นอนว่าพลับพลึงที่เห็นรถคันนั้นขับมาจอดหัวคิ้วก็เผลอขมวดขึ้นอย่างแปลกใจ
เธอจำได้ว่านั่นคือรถคู่ใจและรถคันรักของเวกัส รถที่เขาหวงมากโดยมีคนเคยนั่งหลังพวงมาลัยไม่กี่คนเวลาทำเครื่องหรือตรวจเช็ก โดยปกติเวลาอื่นเขาไม่ให้ใครขึ้นขับ ยกเว้น…เธอ
การที่เขาขับรถมาตรงนี้ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นคนลงแข่งเองหรอกเหรอ ไหนตอนแรกว่ามาวินเป็นคนแข่งล่ะ แล้วทำไมเปลี่ยนไปแข่งเอง
แล้วทำไมพอรู้ว่าเวกัสเป็นคนลงแข่งเอง ใจไม่รักดีกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้ล่ะ ทำไมเธอต้องมั่นใจว่าเขาจะชนะด้วย
แล้วถ้าเขาชนะจริงนั่นไม่แปลว่า เธอไม่มีโอกาสหนีหรอกเหรอ
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ใจลึกๆ เธอรู้ดีว่ามันดีกว่าเธอต้องตกไปเป็นของใครที่ไม่รู้จักและไม่เต็มใจ
เธอเกลียดตัวเองที่เอาแต่เชื่อใจเขา ทั้งที่เขาเปลี่ยนไปไม่เหลืออะไรคงเดิมแล้ว โดยเฉพาะความรักที่มีให้เธอ
หลังจากหมดเวลาเตรียมตัว นักแข่งก็ขับรถของตัวเองไปสู่ถนนในสนาม ด้านข้างสนามบนสแตนเชียร์มีคนมากมาย ส่วนใหญ่ก็คนในวงการที่มักมาดูทุกนัดของสนามแข่งแห่งนี้ หอบหิ้วมาด้วยคนของตัวเอง และมีคนภายนอกที่ชอบความเร็วบ้างอีกส่วน
เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นเมื่อผู้ชมเห็นว่าในสนามเป็นใคร นักแข่งสองคนที่อดีตเคยลงแข่งบ่อยๆ แต่ปัจจุบันนานๆ จะได้เห็นที วันนี้กลับได้เห็นทั้งสองพร้อมกัน และกำลังจะแข่งกัน
“ลงสิ หรืออยากนั่งไปกับฉัน” เวกัสพูดกับตุ๊กตาหน้ารถของตัวเองขึ้นเมื่อรถจอดสนิทในจุดออกตัว
แม้ใจหนึ่งไม่อยากให้เธอลงจากรถตอนนี้ แต่การพาเธอนั่งรถแข่งไปด้วยมีแต่ผลเสียต่อตัวเขาทั้งนั้น สุดท้ายก็ต้องเอ่ยปากไล่ออกไป
และ...
“พลับ” ประตูรถแข่งคันซ้ายมือถูกผลักออกมาพร้อมกับคนขับที่รีบเสนอหน้าอย่างเร็ว เรียกตุ๊กตาหน้ารถของเขาไว้ทันที
“พี่คิม” พลับพลึงไม่คิดว่าจะได้เจอกับรุ่นพี่ที่สนิทในสนามแห่งนี้
หรือเพราะเป็นเขา เวกัสจึงเลือกจะลงแข่ง
“กลับไปคบกับมันเหรอ” คิม หรือ คิมหันต์ ถามพลับพลึงขึ้นด้วยความอยากรู้
เขาติดต่อเธอไม่ได้หลายวัน และวันนี้บังเอิญเห็นเธอมาที่นี่กับเวกัส นั่นเลยทำให้เขาเลือกลงแข่งเองเพราะมีการเดิมพันผู้หญิงด้วย
จากการแต่งตัวของเธอที่เขาเห็น เขามั่นใจว่าต้องเป็นเธอที่ถูกนำมาเดิมพัน
เวกัสกล้าทำขนาดนี้แล้วเหรอ?
“ทำไม อยากเสียบซ้ำรอยกู?” เวกัสลงจากรถ ยืนท้าวแขนกับประตูและหลังคารถ ตะโกนข้ามรถพูดกับคิมหันต์อย่างเกลียดขี้หน้า
“เปล่าค่ะ พลับกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน” พลับพลึงหันไปมองเวกัสเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาตอบคิมหันต์ออกไปในความจริง
แต่ไม่รู้ทำไมจิตใจกลับทำเพราะอยากประชดเขา
“ไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่เอากันทุกคืน” เวกัสเสริมส่วนต่อให้คิมหันต์ได้รับรู้ พูดขณะมุมปากกระตุกยิ้มเย้ยหยัน
แต่แววตากลับแข็งกร้าว เหมือนมีลมออกหู เหมือนมีความร้อนรุ่มแผดเผากลางอกและความรู้สึกที่กำลังจะควบคุมเท้าตัวเองไม่อยู่
“ตั้งใจขับนะคะ พลับอยากให้พี่ชนะ” พลับพลึงพยายามเก็บสีหน้าและอารมณ์ของตัวเอง เมินคำพูดประจานของเวกัสราวกับไม่มีความหมาย พูดกับคิมหันต์ด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ไว้หน้าคนข้างหลัง
และรู้ดีว่าตอนนี้หากเขามีเวลา คงเข้ามากระชากเธอแล้วลากออกไปหาเรื่องให้เธอเจ็บตัวเป็นแน่
“พี่จะทำให้ได้” คิมหันต์พูดพร้อมกับวางฝ่ามือใหญ่บนหัวทุยของพลับพลึงด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์อย่างไม่ปิดบัง
และทุกอย่างอยู่ในสายตาและประสาทสัมผัสของเวกัสหมด
หมัดใหญ่กำแน่น กรามแกร่งขบไม่คลาย
สุดท้ายความโกรธของเขาก็ทำให้ใช้อารมณ์มากกว่าสิ่งใด
“ขึ้นรถสิ พลับพลึง”
