
ขอให้เธอคือรักของฉัน
บทย่อ
"ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับคนที่เทียมหน้าเทียมตาใครในสังคม แต่ต้องการคนที่เดินเคียงข้างไปด้วยกัน ไม่ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราสองคนจะจับมือช่วยกันฝ่าฟันประคองครอบครัวของเราไปด้วยกัน ฉันขอให้การแต่งงานนี้คือเครื่องยืนยันว่า ฉันพร้อมจะสนับสนุนและช่วยสานฝันในสิ่งที่ลักษณ์ต้องการ ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของเธอด้วย ลักษณ์นันท์" "คุณเพชร" ลักษณ์นันท์กอดเขาตอบด้วยความซาบซึ้ง "ได้โปรดแบ่งพื้นที่ให้ฉันได้ยืนข้างๆ คอยเป็นกำลังใจยินดีด้วยในวันที่เธอมีความสุข ให้เราได้จับมือประคองกันไปในวันที่มีเรื่องร้ายๆ ได้ไหม ลักษณ์นันท์" ร่างเล็กในอ้อมกอดเขาสะท้านด้วยความตื้นตัน เขาเองก็ไม่คิดเลยว่าจุดเริ่มต้นของคำว่าครอบครัวคือคำว่าแบ่งปันความรู้สึก มันเป็นเช่นนี้ ดีเช่นนี้เอง "ที่นี้ตกลงแต่งงานได้แล้วใช่ไหม ยายเด็กดื้อ"
บทที่ 1
บทนำ
“คุณเพชร”
เสียงหวานครางเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา
ร่างสูงในสภาพเปลือยเปล่าทาบทับอยู่บนเรือนกายของเธอ ต่างฝ่ายต่างสานความสัมพันธ์ที่แนบแน่นด้วยความเต็มใจ สัมผัสที่ร้อนแรงเต็มไปด้วยความวาบหวามให้กับหัวใจ เนื้อตัวสั่นสะท้านเพราะแรงปลุกเร้าที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความเป็นเจ้าของ
“ลักษณ์”
เขากระซิบเรียกชื่ออย่างอ่อนหวาน ยามที่ไฟปรารถนาในกายลุกโชนเต็มที่ พชรพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้เตลิดเปิดเปิงไปกับความสนุกสนาน
ใช่ …
เขาเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบในเรื่องบนเตียง แต่ต้องกับผู้หญิงที่พึงพอใจและยินดีจะร่วมทางไปจนถึงฝั่งฝันนะ เขาไม่ชอบการผูกมัดก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้กับทุกคนเสมอไป
‘ผู้หญิงของพชร’
ต้องรู้จักคำนิยามที่กำหนด และอยู่ภายใต้ขอบเขตนั้นอย่างไม่มีปากมีเสียง ซึ่ง ‘ลักษณ์นันท์’ มีคุณสมบัตินี้อย่างครบถ้วน
พชรบรรเลงจังหวะเพลงรักที่คุ้นเคยกับเธออย่างพลิ้วไหว กายสาวแอ่นกายตอบสนองอย่างถูกจังหวะ ต้องเรียกว่าลักษณ์นันท์เต็มใจและยินดีปรนนิบัติ ให้ผู้ชายคนนี้อิ่มเอมและมีความสุขที่สุด
ก็เขา ... คือเจ้าของชีวิตเธออย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
และจะไม่มีวันโกรธ หากว่าสักวันจะเขี่ยเธอให้พ้นไปจากชีวิต …
เขาคือผู้ชายคนแรก และคนสุดท้ายที่มอบกายถวายชีวิตให้
ไม่ว่าสิ่งใดที่เจ้าชีวิตต้องการ เธอก็พร้อมเต็มใจและยินดีเสมอ
สัมผัสเร่าร้อนที่เขาเร่งเร้าให้ไปแตะขอบฝัน เสียงครางหวานหูอย่างสุขสมกับแรงตอบสนองที่ไม่ลดละ ไม่ช้าไม่นานพชรก็คำรามอย่างมีความสุขแล้วซบหน้าลงที่กลางอกอิ่มด้วยรอยยิ้ม
เธอหอบหายใจสะท้านด้วยความเหน็ดเหนื่อย และกอดรัดเขาไว้อย่างหวงแหนราวกับไม่อยากให้จากไปไหน ใบหน้าคมเงยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เคลื่อนมาจูบเบาๆ ที่หน้าผากนวลของเธอ จากนั้นลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ปล่อยให้ลักษณ์นันท์ได้พักผ่อนสักพัก ก่อนจะต้องกลับมาทำหน้าที่
‘ผู้หญิงของพชร’ จนกว่าเขาจะพอใจ
บทที่ 1
“จอดตรงนี้เลยค่ะ”
สาวน้อยหน้าหวานบอกให้คนขับสุดหล่อชะลอความเร็วลงที่ข้างทางเหมือนเช่นทุกวัน ลักษณ์นันท์เตรียมตัวที่จะลงจากรถ แต่คนที่นั่งข้างๆ ฉุดมือเธอไว้
“อะไรคะ” เธอหันไปมองด้วยความสงสัย
“วันนี้ฉันต้องออกไปข้างนอกทั้งวัน เย็นนี้ก็มีนัดกินข้าวเย็นกับลูกค้าอีก เธอกลับไปรอที่คอนโดก่อนแล้วฉันจะตามไป อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลาแล้วถ้าง่วงก็นอนก่อนเลยไม่ต้องรอ พอเสร็จธุระแล้วฉันจะรีบกลับไปหานะ” พูดจบเขาก็เคลื่อนตัวมาใกล้แล้วจูบเบาๆ ที่ข้างแก้มสาว
“ค่ะ”
ลักษณ์นันท์ยิ้มรับคำสั่งแล้วลงจากรถหยุดยืนมองจนกระทั่งรถเคลื่อนออกไป จากนั้นจึงค่อยๆ ก้าวเดินอย่างช้าๆ เป้าหมายคือตึกสูงใหญ่ที่อยู่ริมถนนไม่ไกลจากนี้ เจพีจิวเวอร์รี่กรุ๊ป บริษัทจิวเวอร์รี่ยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยนั่นเอง
ใช้เวลาไม่นานลักษณ์นันท์ก็มาถึงจุดหมาย เธอใช้ชีวิตเฉกเช่นพนักงานคนอื่นทั่วไปได้อย่างกลมกลืน ไม่มีใครรู้เลยว่าก่อนหน้าที่จะถึงบริษัทนั้น สาวน้อยนั่งรถมากับใคร และมีสถานะไหนกับคนที่นั่งมาด้วย
ไม่มีใครรู้ …
และเธอเองก็ไม่ปรารถนาให้ใครรู้ว่า เบื้องหลังตำแหน่งเลขาส่วนตัวของท่านประธานนั้น ในทุกค่ำคืนหวานชื่นและเร่าร้อนมากแค่ไหน
ทุกวันลักษณ์นันท์จะให้พชรจอดรถก่อนจะถึงบริษัท ทั้งคู่แยกจากกันโดยคนหนึ่งขับรถคันหรูในฐานะท่านประธาน และอีกคนจะเดินเลาะริมฟุตบาทมาทำงานในฐานะเลขา เธอพอใจและเต็มใจที่จะทำเช่นนี้
แน่นอนว่าลักษณ์นันท์ไม่เคยรู้สึกว่านี่คือความลำบากใดๆ ทั้งสิ้น ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสบายใจด้วยซ้ำ ที่ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกผิดปกติกับตน
“หนูลักษณ์ คุณเพชรไม่อยู่หรือจ้ะ” คุณทับทิม เลขาสาวใหญ่ของคุณหญิงมุกดา อดีตประธานบริษัทหรือก็คือมารดาของพชรเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
แม้ว่าคุณหญิงมุกดาจะยกกิจการทั้งหมดให้บุตรชายดูแลแล้วก็ตาม แต่คุณทับทิมก็ยังถือเป็นคนเก่าแก่ที่ยังทำงานอยู่ที่นี่ ในตำแหน่งเลขาท่านประธานใหญ่มีหน้าที่หลักคือทำตามคำสั่งคุณหญิงที่มีโดยตรงมายังพชร
“คุณเพชรมีนัดกับลูกค้าค่ะ คุณทับทิมมีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ” สาวน้อยรู้ดีว่าถ้าคุณทับทิมมาหา แสดงว่ามีธุระของคุณหญิงมุกดาสั่งมาแน่ๆ
“ฝากบอกคุณเพชรหน่อยว่า คุณหญิงมีธุระสำคัญจะพูดด้วย วันนี้ให้กลับบ้านเร็วหน่อยจ้ะ” ลักษณ์นันท์รับคำทันที พร้อมทั้งหาทางติดต่อเพื่อแจ้งให้พชรรู้ตามที่คุณทับทิมบอกมา
สาวน้อยนั่งอยู่ที่หน้าห้องท่านประธานเพียงลำพัง จนกระทั่งเวลาเลิกงาน ก็กลับบ้านตามปกติเหมือนพนักงานคนอื่นทั่วไป หลังเวลาเลิกงานแล้วคือความอิสระในความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง เวลาที่ทั้งคู่โหยหากันและกันมากที่สุด
ลมหายใจอุ่นๆ ที่รดข้างแก้มสาวและเคลื่อนมาที่ซอกคอเรื่อยจนเกือบถึงเนินอกทำให้ลักษณ์นันท์รู้สึกตัว กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้สาวน้อยยิ้มออกเมื่อรู้ว่าเขากลับมาถึงแล้ว
“คุณเพชร” หญิงสาวดันตัวเขาออกห่างแล้วขยับลุกขึ้นมานั่ง
“หลับสบายเลยนะ” พชรยิ้มอย่างเอ็นดู เขากลับมาได้สักพักเห็นเธอหลับสบายจึงไม่อยากปลุก ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงกลับมาหาอีกครั้ง
“คุณเพชรไปพบคุณหญิงมาหรือยังคะ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง” สาวน้อยขยับลุกขึ้นมองนาฬิกาตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงคืนเท่านั้น
“โทร.คุยกันแล้ว ฉันเพิ่งแยกจากลูกค้าเมื่อตอนสามทุ่มจะกลับไปหาแม่ก็เกรงว่าจะดึกไป” ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนแผ่กลางเตียง วันนี้เขาคุยกับลูกค้าทั้งวันจนรู้สึกเหนื่อย ได้กลับมาบ้านเห็นหน้าหวานๆ ของลักษณ์นันท์แล้วค่อยยังชั่ว
“กินอะไรมาหรือยังคะ ลักษณ์ไปหาอะไรมาให้กินไหม” ลักษณ์นันท์เห็นเขานอนแผ่กลางเตียงด้วยท่าทางหมดแรงแล้วสงสาร
หลายปีที่ใกล้ชิดรู้ดีว่าพชรทำงานหนักแค่ไหน ดังนั้นอะไรที่เธอช่วยได้หรือทำให้เขาหายเหนื่อยได้ก็ยินดีจะทำ มากน้อยสุดแท้แล้วแต่โอกาสจะอำนวย
“กินข้าวกับลูกค้ามาแล้ว ยังอิ่มอยู่เลย ตอนนี้เมื่อยมากกว่าต้องยิ้มทั้งวัน”
“เมื่อยตรงไหนคะ ลักษณ์นวดให้เอาไหม”
ลักษณ์นันท์อาสาขยับตัวมานั่งใกล้ๆ แล้วค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วนวดคลึงเบาๆ ที่ขมับทั้งสองข้าง ไล่ลงมาที่หัวคิ้วอย่างเบามือ นวดคลึงเบาๆ ไปมาเรื่อยจนถึงขอบตาและสันจมูก ท่าทางของชายหนุ่มผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อยบ่าไหมคะ”
สาวน้อยถามอย่างเอาใจแล้วค่อยๆ กดปลายนิ้วลงที่บนบ่า น้ำหนักที่กดมากำลังพอดีทำให้รู้สึกสบาย ลักษณ์นันท์ทำด้วยความตั้งใจอยากให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
พชรคงจะเหนื่อยจริงๆ เพราะเพียงไม่นานก็หลับไป ลักษณ์นันท์ค่อยๆ ขยับตัวเขาให้นอนสบายขึ้น แต่เมื่อถูกตัวเขากลับลืมตาแล้วส่งยิ้มที่ทำให้เธอหัวใจสั่นให้
“นอนเถอะค่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” หญิงสาวเอนตัวลงนอนข้างๆ
พชรยิ้มตอบแล้วดึงเธอเข้ามาใกล้ๆ กลิ่นกายสาวทำให้เขาตาสว่าง เนื้อนิ่มในอ้อมกอดทำให้อยากสัมผัส วันนี้ทั้งวันอยู่กับคนอื่นจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ได้กลับมาอยู่กับใครคนหนึ่งที่เป็นตัวเองที่สุด ความเมื่อยล้าที่มีก็หายไปจนหมดสิ้น
“คุณเพชร”
ลักษณ์นันท์ครางเสียงสั่น เมื่อฝ่ามือร้อนสัมผัสมาที่สะโพกสาว แล้วลูบไล้ไปมาอย่างรู้จังหวะ
พชรขยับตัวให้อีกฝ่ายนอนได้สบายขึ้น แล้วค่อยๆ ปลดเปลื้องสิ่งไม่จำเป็นออกจากเรือนร่างงาม ก่อนจะจุดไฟเสน่หาที่ไม่เคยดับของทั้งคู่ขึ้นอีกครั้ง เสียงครางหวานหูอันเกิดจากแรงเย้ายวนของฝ่ามือและริมฝีปาก
แรงสนองกลับของคนใต้ร่างที่ทำให้เขามีแรงทะยานสู่ขอบฟ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่รู้สึกเบื่อ ความหวานหอมจากรสเสน่หาที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันและกันอย่างลงตัว
แค่นี้พชรก็ลืมคำสั่งของคุณหญิงมุกดาไปจนหมดสิ้น เขาไม่จำเป็นต้องมีใครเชิดหน้าชูตาในสังคม แค่มีผู้หญิงที่ชื่อลักษณ์นันท์คนนี้ก็พอแล้ว
เสียงพระสงฆ์กล่าวคำกรวดน้ำด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเสนาะหู ลักษณ์นันท์เทน้ำใส่ถ้วยรองจนหมดแล้วหลับตาตั้งจิตอธิษฐาน ส่งความรักความปรารถนาดีและความคิดถึงที่ประมาณค่าไม่ได้แด่บุคคลที่ล่วงลับไปอย่างตั้งใจ
พชรอาสาเอาน้ำในถ้วยไปเทรดต้นไม้ใหญ่ที่อยู่นอกศาลา แล้วกลับมานั่งพับเพียบข้างหญิงสาว เพื่อรับการประพรมน้ำพระพุทธมนต์จากพระสงฆ์เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากทำสังฆทานเนื่องในโอกาสครบรอบวันจากไปของบิดาบังเกิดเกล้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็เดินมาที่กำแพงโบสถ์อันเป็นที่บรรจุอัฐิของผู้ล่วงลับ
“พ่อคะ ลักษณ์มาหา ลักษณ์คิดถึงพ่อนะคะ” ปลายเสียงหญิงสาวสั่นเครือเล็กน้อย พชรเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวดี เขาคุกเข่าลงนั่งข้างๆ แล้วยกมือขึ้นโอบไหล่เบาๆ
“อย่าเศร้าซิ ลักษณ์มาเยี่ยมพ่อนะ” พชรสิ่งยิ้มให้กำลังใจ
ลักษณ์นันท์พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเขา เธอปาดน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่นให้แห้งแล้วหันมายิ้มให้รูปภาพของบิดาที่จากไป ก่อนจะค่อยๆ เล่าเรื่องราวในชีวิตที่เกิดขึ้นให้ฟังราวกับความคนที่อยู่ในรูปปรากฏกายอยู่ตรงหน้า
พชรให้เวลาลักษณ์นันท์อยู่กับบิดาบังเกิดเกล้าจนกว่าจะพอใจ เมื่อลักษณ์นันท์ได้ระบายความคิดถึงที่มีอยู่เต็มหัวใจออกมาบ้างแล้ว เธอจึงหันมาใส่ใจคนที่อยู่ข้างๆ และนึกได้ว่าเขามีธุระสำคัญกับลูกค้าในอีกครึ่งชั่วโมง
“ลักษณ์ทำให้คุณเพชรช้าหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามระหว่างที่เดินกลับมาที่รถ
“ไม่เลย ไปช้านิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย
ลักษณ์นันท์โล่งอกแต่กระนั้นก็พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อไม่ให้เขาต้องเสียเวลางานสำคัญ
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ไปหาข้าวกินกันก่อน” พชรยิ้มเมื่อเห็นท่าทางสาวน้อยเร่งรีบเหลือเกิน
“คุณเพชรจะเสียเวลานะคะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยความเกรงใจ
“ฉันเลื่อนเวลานัดแล้ว รู้ว่าเธออยากอยู่กับพ่อนานๆ”
“คุณเพชร” คนฟังรู้สึกซึ้งใจเหลือเกิน
นับจากวันที่บิดาจากไปด้วยโรคร้าย ชีวิตที่ดูเหมือนจะอ้างว้างของลักษณ์นันท์ก็มีเขาก้าวเข้ามา บิดาของเธอเป็นพนักงานขับรถของบริษัทมาตั้งแต่รุ่นมารดาของพชร และทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้พชรเมื่อเข้ามาบริหารกิจการ พชรคุ้นเคยกับคนขับคนนี้
หลายครั้งที่เขาได้รับน้ำใจจากพนักงานเก่าแก่ที่คงความซื่อสัตย์ในการทำงาน น่าเสียดายที่บิดาของลักษณ์นันท์เป็นโรคร้ายที่ไม่อาจรักษาได้ แม้ในยามที่เจ็บป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พชรก็ให้ความช่วยเหลือเกินกว่าที่กฎเกณฑ์ของบริษัทตั้งไว้
หรือกระทั่งรับปากเรื่องสำคัญก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ ว่าจะช่วยดูแลบุตรสาวคนเดียวให้อยู่รอดปลอดภัยในสังคมที่อ้างว้าง พชรจัดการเรื่องของลักษณ์นันท์หลังจากที่งานศพเรียบร้อยแล้ว
เขาเป็นธุระเรื่องการเรียนในเทอมสุดท้ายจนลักษณ์นันท์เรียนจบ และใช้ความเป็นท่านประธานดึงเธอมาทำงานเป็นเลขาหน้าห้อง ทุกอย่างดำเนินไปตามฐานะเจ้านายและลูกน้อง จนกระทั่ง...
พชรเริ่มเบื่อหน่ายผู้หญิงที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิต และลักษณ์นันท์ทำหน้าที่เลขาไม้กันหมาด้วยความจำเป็น ความใกล้ชิดที่ทั้งคู่เริ่มมีต่อกัน กลายเป็นสายใยให้ลักษณ์นันท์ตอบแทนด้วยการมอบกายถวายชีวิตให้ด้วยความเต็มใจ
เธอยินดีเป็นผู้หญิงของพชร ไม่มีปากมีเสียง ไม่ร้องขอสิ่งตอบแทนใดๆ ไม่แสดงตนหรือประกาศความสัมพันธ์ให้คนอื่นรับรู้ ยอมอยู่ในที่ของตัวเองอย่างเจียมตัว และทำทุกอย่างให้เจ้าชีวิตคนนี้มีความสุข
สำหรับพชรนั้น ความจริงแล้ว …
เขาไม่ได้ปรารถนาให้ลักษณ์นันท์มาเป็นแค่ผู้หญิงของตนแต่อย่างใด แต่เพราะความอ่อนหวานน่ารักและความเข้าอกเข้าใจคนอื่น เป็นเสน่ห์ดึงให้สนใจอย่างห้ามไม่ได้
ยิ่งเมื่อลักษณ์นันท์มาเป็นผู้หญิงของเขาอย่างเต็มตัวแล้ว สิ่งที่เธอเป็นทั้งเรื่องบนเตียงและนอกเตียง ช่างถูกใจไปเสียทุกอย่างจนลืมเลือนผู้หญิงอื่นที่เคยข้องแวะ
ลักษณ์นันท์เป็นผู้หญิงคนแรก ที่พชรให้ความสำคัญในทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเธอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะแสดงออกต่อหน้าได้หรือลับหลังก็ตามที
สายตาของหญิงวัยกลางคนที่จับจ้องมองตลอดเวลา ไม่ทำให้พชรรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขาใช้รอยยิ้มอันเป็นเสน่ห์ประจำตัว พร้อมทั้งส่งสายตาออดอ้อนกลับไปให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลงได้อย่างไม่ยาก
“นี่เราสองคนแม่ลูก จะต้องนัดกินข้าวนอกบ้านแล้วใช่ไหม เพชรถึงจะยอมคุยกับแม่” คุณหญิงมุกดาเอ่ยเสียงเรียบ
“แหม คุณแม่ครับ ช่วงนี้งานผมยุ่ง คุณแม่ก็รู้ว่าผม...”
“นั่นมันข้ออ้างของเราทั้งนั้น แม่สงสัยจริงๆ ว่างานอะไรมันหามรุ่งหามค่ำนัก บ้านช่องแทบไม่กลับ จะเจอกันแต่ละทีก็แสนยากลำบาก” หญิงวัยกลางคนดักคอบุตรชาย
ตั้งแต่ที่วางมือให้พชรบริหารงานทั้งหมดแทน คุณหญิงมุกดาก็ใช้เวลาพักผ่อนและหากิจกรรมที่สนใจทำเป็นการแก้เหงา ซึ่งเมื่อก่อนถึงลูกชายจะกลับดึกแค่ไหน แต่สองแม่ลูกก็ยังไม่พบหน้ากันบ่อย ไม่เหมือนตอนนี้
พชรอ้างว่างานกำลังขยายและไม่อยากเสียเวลาเดินทาง ลูกชายสุดที่รักจึงซื้อคอนโดไว้ใกล้บริษัท และบางครั้งเมื่อเลิกงานดึกก็ไม่อยากเสียเวลากลับบ้าน
แต่สิ่งที่คุณหญิงมุกดาสงสัยก็คือ ห้องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าคอนโดมีอะไรดีหนักหนา ถึงทำให้พชรอยากจะกลับไปนอนที่นั่น มากกว่าบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดและมีแม่คนนี้รออยู่
“โธ่ ผมเพิ่งกลับบ้านไปกินข้าวกับคุณแม่เมื่อวันก่อนเองนะครับ”
“นั่นเพราะแม่สั่งเลขาลูกไว้ กำชับแล้วกำชับอีก ไม่งั้นคงไม่ได้เจอหน้าแน่”
“ผมจะจัดเวลาใหม่ให้คุณแม่ อย่างอนผมเลยนะครับ” บุตรชายยิ้มประจบ
“ย่ะ แม่จะรอ แล้วเรื่องที่คุยกันเมื่อวันก่อน เพชรคิดว่าไงลูก”
“เรื่องไหนครับคุณแม่ อ๋อ เรื่องที่เราจะขยายการลงทุนไปที่จีนน่ะเหรอครับ ผมก็เห็นด้วยกับคุณแม่” พชรเฉไฉไปเรื่องงาน เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการมาของมารดาวันนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร
“แม่ไม่ได้หมายถึงเรื่องงาน และแม่ก็รู้ว่าลูกรู้ว่า แม่หมายถึงเรื่องอะไร” คุณหญิงมุกดาดักคอลูกชายอย่างรู้ทันเช่นกัน
นางอุตส่าห์ใจเย็นรอฟังคำตอบอยู่ที่บ้าน เพื่อหวังให้ลูกชายตัวดีตอบตกลงเรื่องที่คุยกันไว้เมื่อหลายวันก่อน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นว่าพชรจะมีท่าทีใดๆ ตอบสนองกลับมา และแน่นอนว่าคนอย่างคุณหญิงมุกดาก็จะไม่เสียเวลาอดทนรอคอยเช่นกัน
“ว่าไง” หญิงวัยกลางคนถามย้ำอีกครา
“คุณแม่ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม” ชายหนุ่มแอบถอนหายใจเบาๆ อย่างอึดอัด
“แล้วเมื่อไรเพชรจะพร้อม หรือว่ายังจัดการปัญหาไม่ลงตัว” สายตานางจับจ้องไปที่บุตรชายจนอีกฝ่ายต้องเบือนหน้าหนี
คุณหญิงมุกดารู้ทุกเรื่องที่ต้องการอยากรู้ และสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการจะทำได้อย่างไม่สนใจสิ่งใด นางปรารถนาให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝามีคนดูแล และผู้หญิงคนนั้นก็ควรเป็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะมาเป็นศรีสะใภ้ของตระกูล
ที่สำคัญนางอายุมากขึ้นทุกวัน ย่อมอยากจะได้เห็นหน้าหลานก่อนจะล้มหายตายจากไป ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คืออยากเป็นผู้ที่เลือกแม่ของหลาน หรือเมียของลูกด้วยตัวของตัวเอง
ไม่ใช่ให้พชรไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้าบ้าน หรือเลี้ยงเป็นเมียเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง และใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ยอมแต่งงาน
“งานที่บริษัทวุ่นวายยังไม่ลงตัว ถ้าแต่งงานไปตอนนี้ผมเกรงว่าจะทำงานได้ไม่เต็มที่ครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจเอ่ยตรงไปตรงมา
“บริษัทเรามีคนเก่งๆ ตั้งมาก ตั้งแต่สมัยคุณพ่ออยู่ก็มีคนที่ไว้ใจได้ หรือถ้าเพชรคิดว่างานมันมากเกินไป แม่จะเข้าไปช่วยอีกแรงก็ได้ เพชรจะได้มีเวลาไปสร้างครอบครัวมีเมียมีลูกให้สมบูรณ์เสียที”
“ผมว่า อย่าเพิ่งพูดเรื่องแต่งงานเลยครับ ผมยังไม่อยากคิดตอนนี้ ผมอยากทำงานให้เต็มที่เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
“ถ้างั้นยังไม่แต่งก็ได้ แต่ถ้าแม่อยากจะให้เพชรหมั้นไว้ก่อนล่ะ” หญิงวัยกลางคนยอมถอย เพราะรู้ดีว่าถ้าขืนดึงดันจะเอาชนะคงมีแต่แพ้กับแพ้แน่
“จะให้หมั้นกับใครล่ะครับ ผมยังไม่เห็นจะมีใครที่รู้สึกอยากจะหมั้นด้วยเลยสักคน” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ใจนึกถึงใครบางคนที่ป่านนี้คงอยู่ที่คอนโดแล้ว
“เรื่องนี้แม่จัดการให้ รับรองว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้ลูกแม่มีความสุข อยู่ด้วยแล้วมีแต่เรื่องดีๆ สบายใจไม่ปวดหัว ที่สำคัญคุณสมบัติเหมาะสมกับลูกชายแม่ที่สุด”
“คุณแม่ครับ ผู้หญิงที่คุณแม่พูดไม่ได้หากันได้ง่ายๆ นะครับ ใครสักคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ใช่ว่าจะเจอทุกคนเสียเมื่อไร” เขาส่ายหน้าเล็กน้อย รู้สึกอยากจะกลับไปหาที่สบายใจส่วนตัวของตนเองแล้ว
“เพชร ฟังแม่นะลูก ชั่วคราวกับถาวรแค่ชื่อมันก็ต่างกันแล้ว คนที่เราจะใช้ชีวิตอยู่กันไปจนแก่เฒ่าหรือตายจากกัน มันควรเป็นอะไรที่ต้องเกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งทางใจและทางสังคม แม่ไม่รู้ว่าผู้หญิงของเพชรให้ความสุขกายสบายใจในแบบไหน แต่ผู้หญิงที่แม่เลือกให้รับรองว่าชาตินี้ลูกจะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว และเธอจะเป็นนางแก้วที่ประเสริฐเหมาะสมในการเป็นเมียและแม่ของลูกมากที่สุด”
“ครับ ผมเชื่อคุณแม่ แล้วผมจะรอดูว่านางแก้วของคุณแม่จะจุติลงมาจากฟ้าตอนไหน หวังว่าจะเป็นนางแก้วที่ไม่ต้องให้ผมตามง้องอนเอาใจ หรือหาของดีๆ แพงๆ ไปประเคนเพื่อประดับบารมีนางแก้วนะครับ”
“ย่ะ รับรองว่าฉันจะหานางแก้วคนนั้นมาให้ได้ คอยดูเถอะ”
เสียงเปิดประตูทำให้ลักษณ์นันท์วางหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ แล้วหันไปมองหาต้นเสียงทันที พชรก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเขา
วันนี้ชายหนุ่มมีนัดไปกินอาหารเย็นกับมารดา ทีแรกหญิงสาวคิดว่าเขาจะกลับไปนอนบ้านเสียด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะกลับมาที่คอนโดอีก
“ทำไมกลับเร็วจังคะ ลักษณ์คิดว่าคุณเพชรจะกลับไปนอนบ้านเสียอีก” หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้ม เอื้อมมือไปรับเสื้อสูทจากมือชายหนุ่ม
“ก็กินข้าวเสร็จต่างก็แยกย้าย ปล่อยให้คุณแม่ไปตามหานางแก้วในฝันต่อไป ส่วนฉันกลับมาหาเธอดีกว่า” พชรรวบเอวสวยได้รูปเข้ามาใกล้ แล้วก้มลงหอมแก้มสาวให้ชื่นใจ
“กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนไหมคะ” ลักษณ์นันท์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ก็ดีเหมือนกัน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ลักษณ์นันท์รีบไปจัดการความเรียบร้อยในห้องน้ำ ในขณะที่พชรเดินตามไปอย่างสบายใจ
น้ำในอ่างใกล้เต็มแล้วและเชื่อว่ามันคงอุ่นได้ที่ ลักษณ์นันท์เตรียมทุกอย่างพร้อม เหลือแค่รอให้พชรก้าวลงไปเท่านั้น หญิงสาวหันมาจัดการกับเสื้อผ้าของชายหนุ่มทีละชิ้นจนเขาพร้อมที่จะอาบน้ำแล้ว
“ฉันจัดการต่อเอง ออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวตามไป” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำ ลักษณ์นันท์เก็บเสื้อผ้าที่ถอดออกแล้วเดินออกไปอย่างรู้หน้าที่
เสียงจากในครัวทำให้พชรเดินออกมาดู ลักษณ์นันท์กำลังเก็บล้างอะไรอยู่ที่อ่างล้างจาน ที่แท้เธอออกมาอุ่นนมให้เขาและกำลังจะเอาเข้าไปให้
