บท
ตั้งค่า

ตอนที่4 เข้าหอ

หลังจากร่วมส่งแขกกับฮูหยินผู้เฒ่าและนายท่านผู้เฒ่ากลับไปจนหมดแล้ว เฮ่อเหลียนก็กลับเข้าเรือนของตนเอง โดยมีสาวใช้คนสนิทคอยมองอย่างห่วงใย

“ข้าไม่เป็นไร” นางกัดฟันเอ่ยเสียงแผ่วกับซือจิง สาวใช้รุ่นใหญ่ที่เป็นสินเดิมมาจากบ้านตน

ซือจิงจึงดูแลอาบน้ำเปลี่ยนผ้าให้เฮ่อเหลียนแล้วส่งเข้านอนอย่างเอาใจใส่ ก่อนจะขอนั่งเป็นเพื่อนโดยไม่ยอมออกไปที่ใด

เมื่อนายสาวเห็นบ่าวทำเช่นนี้ก็ให้รู้สึกประหนึ่งว่าสิ่งที่กดทับหนาหนักในอกถูกกะเทาะจนปริแตก นัยน์ตาของนางร้อนผ่าว ก่อนที่น้ำตาจะไหลรินออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้

เฮ่อเหลียนร้องไห้ปานเขื่อนแตกทลาย

นางคิดถึงสามีที่เคยโอบกอดนางทุกคืน แต่วันนี้เขากำลังโอบกอดสตรีอื่นที่ไม่ใช่นาง

มิรู้ได้ว่าเขากำลังกระทำการแบบใดกับสตรีนางนั้น

จะเหมือนกันที่เคยทำกับนางหรือเปล่า

เขาเต็มใจร่วมรักกับสตรีอีกคนมากน้อยเพียงใด

ความคิดฟุ้งซ่านรวมกับจินตนาการมืดหม่นฉุดเฮ่อเหลียนให้จมดิ่งลงหลุมดำลงเรื่อยๆ

เนิ่นนานผ่านไปจนน้ำตาเริ่มเหือดแห้ง หญิงสาวจึงมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

หากนางจักต้องนอนอย่างเดียวดายพลางจินตนาการว่าสามีของนางกำลังทำสิ่งใดกับภรรยาคนใหม่ของเขา แล้วให้รู้สึกอึดอัดทรมานเหลือเกินกับจินตนาการนี้ มิสู้ไปมองให้เห็นกับตา เพื่อที่ว่าจะได้ข้ามผ่านความรู้สึกเจ็บปวดที่สุดไปได้ วันต่อไปหากต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันจะได้ไม่รู้สึกทรมานมากไปกว่านี้

ความคิดเช่นนั้นจะว่าตื้นเขินเช่นคนโง่เขลาก็ใช่ จะว่าหยั่งเชิงความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้งเยี่ยงผู้กล้าก็ไม่เชิง

หากต้องการทำอาหารเลิศรสย่อมต้องไม่กลัวมีดบาด แต่หากต้องการเป็นสตรีที่ดีของสามี ย่อมต้องทนได้กับทุกการกระทำของเขา โดยเฉพาะยามที่เขาต้องมีอนุภรรยาเพื่อสืบทายาทให้วงศ์ตระกูล

หลังจากคิดออกมาก็บอกกับคนสนิทตามตรงทุกอย่าง

ซือจิงยังคงเป็นสาวใช้แสนดี นางอายุยี่สิบกว่าปี เป็นคนที่เลี้ยงดูเฮ่อเหลียนแทนมารดาที่สิ้นใจตั้งแต่แรกคลอด แม้ยามนั้นยังเป็นเด็กหญิง แต่ก็คอยประคบประหงมเฮ่อเหลียนมาโดยตลอดตั้งแต่เยาว์วัย ทั้งยังโขกศีรษะจนเลือดอาบหน้า เพื่อร่ำร้องบอกว่าไม่คิดแต่งงานกับใคร เพราะต้องการติดตามดูแลเฮ่อเหลียนตลอดไป

ซือจิงจึงเป็นพี่สาวแสนดีตามใจนายสาวทุกสิ่ง นางไม่เอ่ยปากห้ามปรามสักคำ เจ้านายของนางต้องการสิ่งใด นางล้วนเข้าใจและเต็มใจทำตาม

สองนายบ่าวพากันเดินลัดเลาะมาตามมุมอับ เป้าหมายปลายทางคือเรือนหลังน้อย อันเป็นสถานที่เข้าหอระหว่างหลี่ชางและอนุคนงามของเขา

ทันทีที่ปลายเท้าน้อยๆ ของเฮ่อเหลียนเหยียบย่างใกล้ริมหน้าต่างของห้องหอ ท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาลตรงมุมอับร้างผู้คน หญิงสาวพลันได้ยินเสียงครวญครางแว่วหวานและเสียงหอบต่ำสั่นพร่าดังระงม

ร่างงามพลันแข็งทื่อในบัดดล เฮ่อเหลียนรู้สึกตัวชาวาบปวดหนึบเสียดลึกไปถึงกระดูก

เสียงครางทุ้มต่ำนั้นเป็นเสียงที่นางคุ้นเคยเป็นอย่างดี เสียงนี้มิใช่ใคร เจ้าของเสียงคือหลี่ชางสามีของนาง

ส่วนเสียงครวญที่แสนหวานนั่นย่อมเป็นเสียงของอนุคนงามแห่งค่ำคืน

เสียงหอบครางของสองชายหญิงดังผสานกับเสียงเตียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดเป็นจังหวะน่าอายชวนวาบหวามและร้อนเร่าแก่คนฟังยิ่งนัก ซือจิงที่ยืนอยู่ข้างกายเจ้านายหน้าแดงซ่านไปหมด ในขณะที่เฮ่อเหลียนคล้ายกับกำลังยืนท่ามกลางกองฟืนที่กำลังถูกไฟเผาไหม้จนแสบร้อนไปทั้งตัว

เพลิงสวาทของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแห่งค่ำคืนนี้กำลังลุกโชนโหมกระพือจนร้อนลวกไปถึงกลางใจของเฮ่อเหลียน

หญิงสาวปิดเปลือกตาลงอย่างยากลำบาก พยายามซ่อนหยดน้ำตาร้อนผ่าวที่หางตาเอาไว้อย่างสุดจะกลั้น ข่มความรู้สึกแตกสลายในอกเอาไว้ให้ลึก ทับความรู้สึกเศร้าเสียใจและสิ้นหวังที่กำลังหยั่งลึกไปทุกสัดส่วนอย่างทรมาน

แต่กระนั้นนางยังคงยืนฟังเสียงแห่งการร่วมรักระหว่างสามีของนางกับสตรีอื่นอย่างอดทน

บางที...หลี่ชางคงกำลังทำไปเพราะฤทธิ์ของสุรา เขาเมามายถึงเพียงนั้น อารมณ์กระสันย่อมพลุ่งพล่านเกินยับยั้งชั่งใจ

เฮ่อเหลียนยังคงพยายามคิดการณ์เข้าข้างสามี เพื่อทำให้ตนเองสบายใจ พยายามกดทับความรู้สึกไม่สบายใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

สตรีที่ใช้สามีร่วมกับสตรีอื่นมิใช่ว่าไม่มีเสียหน่อย บ้านใดๆ ล้วนมีทั้งนั้น นางต้องใจกว้างเข้าไว้ ทำใจให้กว้างเข้าไว้

หญิงสาวยังคงหลอกหลอนตนเองด้วยประโยคเดิมๆ แม้หัวใจจะกำลังถูกบีบเค้นจนแทบแตกยับอยู่ทุกขณะจิต

เสียงครวญครางไม่เป็นภาษายังคงดังเล็ดลอดออกมาจากในห้องหอ

“อา...ท่านพี่...อา”

“อืม...”

เสียงหวานเริ่มกรีดร้องคล้ายกำลังถูกทรมาน โดยมีเสียงหอบแหบต่ำตอบรับอย่างสุดจะกลั้นในอารมณ์กำหนัดของเขา ยังมีเสียงขาเตียงกระทบพื้นดังเอี๊ยดอ๊าดไม่เบา

ทั้งยังเสียงขอบเตียงโยกคลอนกระทบกับผนังที่ดังขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกได้ดีว่าจังหวะเสพสมกำลังจะไต่ขึ้นสูงจนทะลุเพดานสวรรค์

“อา...ท่านพี่...ไม่ไหวแล้ว...อ๊า...”

เสียงร้องของสตรีนางนั้นเสียดแทงทะลุใจของคนฟังที่ริมหน้าต่างปานใบมีดคมกริบเชือดเฉือนกระนั้น ตามด้วยเสียงหอบกระชั้นสั่นพร่าของหลี่ชาง

“อ่า...”

และเสียงของเตียงนอนโยกโยนไหวเอนในจังหวะที่เร็วรัวฟังไม่ทัน จากนั้นก็ค่อยๆ ผ่อนลงจากเดิมที่ดังเอี๊ยดอ๊าดเป็นดังครืดคราดเบาๆ

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองได้ปลดปล่อยอย่างสุขสมเป็นที่เรียบร้อย

เฮ่อเหลียนได้แต่ยืนฟังด้วยสมองดำดิ่งนิ่งอึ้งขาวโพลน นางยืนโงนเงนจนลำตัวโยกโยน ก่อนจะแข้งขาอ่อนยวบนั่งลงบนพื้นหญ้าโดยมีซือจิงคอยจับประคองเอาไว้

หญิงสาวกำมือจนห้อเลือดกัดฟันเม้มปากแน่นไม่ให้เสียงสะอื้นไห้ดังออกมา

นางมีน้ำตาและร้องไห้ตั้งแต่เมื่อได้มิอาจทราบ เมื่อรู้ตัวอีกทีร่างนี้ของนางก็กำลังสั่นเทาเหลือเกิน หยาดน้ำตาร้อนผ่าวเสียดแทงดวงตาทั้งคู่ของนางจนแสบไปหมด ในโพรงอกทรมานเกินจะพรรณนา

ซือจิงลูบไหล่ของเฮ่อเหลียนเบาๆ พยายามใช้สายตาปลอบโยนโดยไร้เสียง

ทุกกิริยาของนายบ่าวเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบตรงมุมมืด

ใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยความข่มขื่นของเฮ่อเหลียนพยายามแขวนรอยยิ้มส่งให้คนสนิทที่นางเคารพรักไม่ต่างจากมารดา อยากบอกเหลือเกินว่าข้าไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรือเป็นกังวล แต่ทว่า...ช่างยากเย็น

หญิงสาวคิดจะจากไปจากริมหน้าต่างบานนี้ แต่ติดตรงที่แข้งขาอ่อนแรง ไม่อาจฝืนยืนได้ ความเจ็บปวดลึกๆ เกาะกุมใจอย่างแน่นหนาจนนางไม่อาจก้าวขาเดินหน้าได้ต่อไป

ในขณะที่กำลังต่อสู้กับปลายเท้าน้อยๆ ของตนว่าควรจากไปได้แล้ว เสียงสวบสาบเสียดสีระหว่างผิวเนื้อกับผ้าปูเตียงก็เกิดขึ้นอีกครา เสียงนั้นคือพายุอารมณ์รอบใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย

“อา...ท่านพี่ อีกแล้วหรือเจ้าคะ”

“อืม...”

ประโยคคำถามและตอบรับช่างชัดเจน เพียงอึดใจก็เกิดเสียงขาเตียงโยกโยนในจังหวะเนิบช้า ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นทีละน้อย

ดวงตาของเฮ่อเหลียนพลันเบิกกว้าง ในขณะที่ม่านตาหดเล็กลงแบบเฉียบพลัน

แน่นอนว่าฤทธิ์ของเหล้าช่างเข้มข้นและยาวนาน

บางทีหลี่ชางคงยังไม่สร่างเมา...

ใบหน้าสะคราญโฉมของเฮ่อเหลียนปรากฏรอยยิ้มหยัน นางหัวเราะตนเองอย่างขมขื่น

นางกำลังช่วยตัวเองโดยการหลอกตัวเองอยู่หรือไม่หนอ?

ครานี้เฮ่อเหลียนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยแม้แต่จะคิดที่จะจากไป นางอยากรอให้แน่ใจถึงความรักที่ยึดมั่นของบางคน

และแล้วหญิงสาวก็ได้ประจักษ์ เมื่อคืนนี้ทั้งคืน สามีของนางได้มอบบทเพลงแห่งรักให้สตรีอีกคนได้ตลอดคืน

เสียงครวญคราง อา อา อือ อือ ดังเล็ดลอดเสียดแทงหัวใจของนางทั้งคืน...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel