บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ขอโทษที่ไม่รัก

เสียงเปิดประตูดังขึ้นในห้องรับแขกที่เงียบงัน ดารัญวางแก้วน้ำลงช้าๆ ก่อนหันไปมองเขาที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ดวงตาจับจ้องใบหน้าเรียบนิ่งของเขา เหมือนพยายามมองหาความลังเล หรือสับสนในดวงตาคู่นั้น แต่มันไม่มีเลย

ธาวินทร์นั่งลงตรงข้ามเธอ ความเงียบปกคลุมอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เขาจะพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ฉันอยากยุติสถานะของเราไว้แค่นี้ ฉันยังลืมลูกพีชไม่ได้”

เธอเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ แม้จะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่พอได้ยินจากปากเขาจริงๆ น้ำตาก็เอ่อขึ้นมาทันที

“ฉันมั่นคงกับความรักของฉันนะคะคุณวิน อยู่กับคุณมาสามปี ฉันไม่เคยคิดมีใคร ไม่เคยแม้แต่จะมองคนอื่น แต่คุณไม่เห็นใจฉันเลยเหรอ...”

เขาเงียบไปครู่ ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่นุ่มนวล

“ผมเองก็มั่นคงกับความรักของผมเหมือนกัน

ผมผิดตรงไหน.ที่ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง”

ดารัญกลั้นสะอื้น กำมือแน่น รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก เธอถามเขาด้วยเสียงสั่นเครือ

“งั้นทำไม… ทำไมถึงต้องแต่งกับฉัน ทั้งที่คุณก็รู้ว่าคุณไม่เคยรักฉันเลย”

ธาวินทร์สบตาเธอ ดวงตาที่เคยไม่เคยเผยความรู้สึก บัดนี้กลับสะท้อนความสำนึกบางอย่าง

“แล้วคุณล่ะ... ทำไมถึงแต่งกับผม ทั้งที่คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้รัก”

ประโยคนั้นทำให้เธอเงียบงัน ใช่… เพราะเธอหวัง เพราะเธอเชื่อคำพูดของพ่อแม่ว่าเดี๋ยวก็รักกันเอง เพราะเธอคิดว่าแค่ความดี ความอดทน ความพยายามจะชนะใจเขาได้

แต่เธอรู้แล้วว่าความรักมันไม่ใช่สูตรคณิตศาสตร์ ไม่ได้มีคำว่า ‘เท่ากัน’ สำหรับทุกคน

น้ำตาเธอไหลเงียบๆ ขณะที่ชายตรงหน้าลุกขึ้น เดินเข้ามาหาเธอ แล้วดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนแน่นหนา

กอดของเขาอบอุ่น อ่อนโยน และจริงใจ แต่มันคือกอดที่เกิดขึ้นหลังจากเขาบอกว่าจะทิ้งเธอไป

“ขอโทษนะดารัญ... ฉันขอโทษจริงๆ ที่รักเธอไม่ได้” เสียงของเขาอยู่แสนใกล้ แต่หัวใจเธอกลับรู้สึกว่าระหว่างกันมีโลกทั้งใบคั่นอยู่

เธอกอดเขาตอบ ปล่อยน้ำตาให้รินไหล กอดแน่นราวกับจะเก็บสัมผัสสุดท้ายนี้ไว้ให้นานที่สุด เพราะเธอรู้ดีว่า นี่คือกอดครั้งแรกและคงเป็นกอดสุดท้าย ที่เธอจะได้รับจากผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ

************************

ในตอนเช้า แสงแดดลอดผ่านม่านสีครีมเข้ามาอย่างเช่นเคย แต่วันนี้มันกลับดูมืดมนไม่เหมือนทุกเช้า

ดารัญยืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีน้ำตา แม้แต่หัวใจที่เคยเต้นอย่างหวั่นไหวเมื่ออยู่ในห้องนี้ ตอนนี้กลับว่างเปล่า

เธอค่อยๆ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ข้าวของบางชิ้นที่เธอเคยตั้งใจจัดไว้ในบ้านหลังนี้ด้วยมือของเธอเอง

วันนี้ต้องถูกพับเก็บอย่างเงียบเชียบ

ธาวินทร์ยืนอยู่ที่ประตูห้องเงียบๆ เขาไม่ได้รั้ง เขาเพียงส่งซองเอกสารซองหนึ่งมาให้ พร้อมคำพูดเรียบๆ

“นี่เป็นเงินที่ฉันควรให้ ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่สามีคนนี้จะทำเพื่อเธอได้ ชดเชยสามปีที่เธอเสียเวลากับฉัน”

เธอรับมันไว้ ไม่ใช่เพราะอยากได้ แต่เพราะเธอรู้ว่า หากไม่รับ ธาวินทร์จะยิ่งรู้สึกผิด และเธอเองก็ไม่มีที่พึ่งอื่นในชีวิตอีกแล้ว

ดารัญไม่ได้ไปบอกเรื่องนี้แก่มารดาของเขา แม้จะรักและผูกพันกับท่านเพียงใด แต่เธอกลัวธาวินทร์จะเข้าใจว่าเธอหวังพึ่งแม่ของเขาเพื่อรั้งตัวเองไว้

ทั้งที่ความจริง แม้ความจริงเธอแค่อยากลาอย่างมีมารยาท

แต่ไม่เป็นไร เธอเลือกเดินออกมาเงียบๆ คงจะดีกับทุกฝ่ายมากกว่า

เธอมีเพียงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบที่บรรจุเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ขับรถออกไปเอง บุญวาดแม่บ้านมองตามเธอด้วยแววตาเวทนา แต่พูดอะไร เพราะรู้ดีว่าสถานการณ์ของนายทั้งสองนั้นเป็นอย่างไร

พอถึงช่วงบ่าย เธอก็ย้ายของไปบ้านหลังใหม่ เธอเลือกเช่าบ้านเพื่อที่จะมองหาที่อยู่ใหม่อย่างถาวรในภายหลัง เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวในโครงการหมู่บ้านเล็กๆ แม้จะไม่กว้างเหมือนบ้านของธาวินทร์ก็ตาม

โชคดีที่บ้านเช่าหลังนี้มีเฟอร์นิเจอร์ครบและทำความสะอาดเป็นประจำ เธอเพียงแค่จัดของวางเรียงเข้าที่ ปูผ้าปูเตียงใหม่ด้วยลายที่เธอชอบ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอที่จะพักอยู่ชั่วคราว

************************

คลิปข่าวบันเทิงที่เธอเลื่อนผ่านดังขึ้นในห้องนั่งเล่นของบ้านเช่าหลังเล็กๆ ดารัญนั่งเหม่อมองภาพข่าวบันเทิงที่กำลังรายงานข่าวของสิริพิชญ์ ดาราสาวชื่อดังที่เพิ่งกลับจากเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ

พร้อมชายหนุ่มที่มารอรับที่สนามบินซึ่งสื่อบอกว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มชื่อดัง

ไม่ต้องเดาเธอก็รู้ว่าใคร

หัวใจดารัญเจ็บจี๊ดเหมือนถูกมือมองไม่เห็นบีบเอาไว้ แต่เธอไม่เสียน้ำตาอีก เพียงแค่เลื่อนไปดูข่าวอื่น แล้วถอนหายใจช้าๆ

“จบแล้ว… เรื่องของฉันกับเขามันจบแล้ว”

ก่อนที่ความเงียบจะกลืนกินบรรยากาศทั้งบ้าน

เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ดารัญยิ้มออกมา เธอบอกเพื่อนๆ ว่าเธอเลิกกับสามีและย้ายมาอยู่บ้านเช่าหลังใหม่ และทั้งสามจึงจะมาฉลองให้เธอ

ดารัญลุกไปเปิดประตูแล้วก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็น กิ่งแก้วเพื่อนสนิทคนแรกที่ผลักเข้ามาพร้อมกล่องไมโครเวฟขนาดพอดี

ตามมาด้วย ชรัญรัตน์ที่หอบหม้อหุงข้าวมาแบบแน่นแขน และท้ายสุดคือ สิริญาที่เดินตามมาด้วยกระทะไฟฟ้าในมือ

“เซอร์ไพรส์!” ทั้งสามพูดขึ้นพร้อมกันแล้ววิ่งเข้ามารุมกอดเธอ

ดารัญยิ้มทั้งน้ำตา ทั้งขำ ทั้งซึ้ง ไม่ทันไรก็ถูกเพื่อนๆ จับเธอนั่งรอที่โซฟา แล้วทั้งก็แยกย้ายกันคนละมุม วางของลงแล้วจัดแจงนำอาหารที่ซื้อมาจัดจานพร้อมปาร์ตี้

“นี่มันบ้านคนหรือหอพักนักศึกษา” ดารัญพูดเสียงล้อๆ พลางมองเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพื่อนแต่ละคนหอบหิ้วมา

กิ่งแก้ววางกล่องไมโครเวฟบนชั้นด้วยท่าทางภูมิใจ “ความรักมันกินไม่ได้ แต่ไมโครเวฟมันอุ่นอาหารให้แกอิ่มท้องได้”

ชรัญรัตน์วางหม้อหุงข้าวลงบนโต๊ะ “หุงข้าวกิน เองไม่ต้องง้อใคร “

สิริญาเดินเข้ามานั่งข้างดารัญ “จากนี้คือบ้านของแก และพวกฉันคือครอบครัวใหม่ของแก”

เสียงหัวเราะดังลอดออกมาจากบ้านเช่าเล็กๆ ในซอยเงียบ เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ได้ดังเพราะความสุขสมบูรณ์แบบ แต่เป็นเสียงหัวเราะของคนที่ยังมีรักจากคนรอบข้างแม้หัวใจจะบอบช้ำ

ดารัญมองเพื่อนๆ ทีละคน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ ที่ไม่ทิ้งกัน”

และนั่นคือค่ำคืนแรกในบ้านใหม่ ที่หัวใจของเธอเริ่มอบอุ่นอีกครั้ง แม้ยังไม่หายดี แต่ก็ไม่เดียวดาย

************************
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel