บท
ตั้งค่า

ขอพิชิตใจตัวร้าย (ตอนที่5)

ซื่อบื้อ

นี้คือคำที่เธอนิยามขึ้นมาให้คุณพระเอกในเวลานี้เขาคิดได้ยังไงชวนเธอมาหาซื้อของขวัญวันเกิดให้กับลานิล ตลอดเวลาที่ไพรินพยายามจะให้เขามองเธอมากกว่าน้องสาวนี้เจ้าตัวมองไม่ออกเลยเหรอ

ทีแรกก็คิดจะโทรหาเขานัดคุยเรื่องที่เธอจะไม่ฝึกงานด้วยแต่จังหวะมันพอดีที่อีกคนมาหาถึงที่บ้านชายหนุ่มพาเธอมาห้างพอมาถึงได้รู้ว่าเจ้าตัวให้มาด้วยเรื่องเมื่อข้างต้นตอนแรกว่าจะขอตัวกลับแต่เธอพึ่งจะคิดออกว่าใช้เรื่องนี้ต่อรองเรื่องที่จะไม่ไปฝึกงานกับเขาได้

“รินยอมไปช่วยพี่ซื้อของขวัญ”

“น่ารักมาก” วายุเอ่ยชมเธอ

“แต่มีข้อแม้นะ” ประโยคของเธอต่อมาทำให้เขาหน้ายุ่ง

“ข้อแม้อะไรของเรา”

“รินยังไม่บอกแต่พี่วายุต้องรับปากก่อนว่าเรื่องที่รินพูดพี่จะไม่ห้ามริน”

“เจ้าเล่ห์นะเราพี่ยอมก็ได้” แบบนี้สิค่อยง่ายหน่อยเธอละนั่งคิดหาวิธีตั้งนาน

“รินว่าพี่ควรซื้ออะไรดี” หญิงสาวถอนหายใจกับท่าทีดูกังวลผ่านนำ้เสียง

แค่นี้ก็คิดหนักยังไงซะต่อให้เขาให้ดอกไม้หนึ่งดอกกับนางเอกเธอก็คิดว่าแค่นี้อีกคนคงดีใจจนยิ้มไม่หุบแล้ว ในนิยายเคยมีเหตุการณ์ก่อนวายุจะรักนางเอกแต่ไม่รู้ว่าหญิงสาวรักเขาตั้งแต่แรกพบเขาเคยให้ลูกอมกับเธอไปหนึ่งเม็ด

แค่นั้นอีกคนก็เก็บเอาไปเพ้อฝันได้เป็นเกือบอาทิตย์ตอนที่ได้อ่านมันเธอเชื่อหมดใจเลยว่ารักลานิลรักวายุมากจริงๆ

“เค้กก็ได้นิค่ะ” เราสองคนยังคงเดินดูรอบๆห้างไม่ได้แวะเข้าไปดูสักร้าน

“พี่อยากให้เป็นของที่เก็บไว้ได้ไม่ใช่แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็หายไปอยากให้เธอเห็นแล้วนึกถึงพี่” เลี่ยนจนเธออยากขอตัวไปอ้วก

นึกแล้วก็หงุดหงิดคนข้างๆตัวไพรินในนิยายรึก็อุตส่าห์ทำทุกอย่างให้แล้วแต่กลับมองข้ามไปแม้แต่ความรู้สึกที่เจ้าตัวพยายามแสดงออกมาชัดเจนว่ารักมากขนาดไหน

เขาก็ไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย...

“ตุ๊กตาไหมค่ะ” เธอเสนอด้วยนำ้เสียงที่พยายามไม่ให้แสดงความเบื่อหน่าย

“พี่ว่ามันดูเด็กไป”

“กำไลข้อมือ”

“เห็นมีใส่เยอะแล้ว”

“งั้นสร้อยคอ”

“ลานิลไม่ชอบใส่สร้อยคอ” นั้นก็ไม่ได้นี้ก็ไม่เอานึกว่าเธอมีความอดทนสูงนักรึไงไพรินละนึกอยากจะไปเขย่าตัวแม่นางเอกแล้วเอ่ยถามเธอเลยว่าของขวัญวันเกิดนี้อยากจะได้อะไรกันแน่จะได้ซื้อไปให้ถูก

“งั้นรินก็คงไม่รู้แล้ว” หญิงสาวพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองยับยั้งเอาไว้ก่อนอย่าพึ่งระเบิดลงมาตอนนี้

เรื่องของเธอยังไม่ทันจะได้พูดเลย...!

“พี่ขอโทษ เราคงหงุดหงิดขึ้นมาสินะ” ที่เขาเคยว่ารู้นิสัยไพรินดีท่าจะจริงแต่บางเรื่องที่ควรรู้กลับไม่รู้นี้สิแบบนี้ที่ทำเธอหงุดหงิดมากกว่าอีก

“เปล่าค่ะ”

“ถ้าเป็นรินอยากจะได้อะไร” ถ้าเป็นเธอนะเหรอ...พาไปกินของหรูๆนี้แหละคือสิ่งที่อยากจะได้ของกินทำให้เธออารมณ์ดีได้เสมอ

“ถ้าเป็นรินคงจะเป็นของกิน” เธอเอ่ยตอบเขาตามจริงออกไปชายหนุ่มหัวเราะกับประโยคนั้นเขายื่นมือมาเคาะที่หัวหญิงสาวเบาๆด้วยความรู้สึกเอ็นดู

“เห็นแก่กินนะเรา” เธอพยักหน้ารับคำพูดไม่คิดจะปฏิเสธ

“รินว่านาฬิกาก็ดูเหมาะกับผู้หญิงวัยทำงานดี” ลานิลอายุเท่ากับเธอหญิงสาวอายุได้ยี่สิบสี่ปี

“เข้าท่าดี พี่มีร้านประจำอยู่”เมื่อได้ข้อสรุปเราทั้งสองก็ไปที่ร้านนาฬิกาที่ชายหนุ่มซื้อเป็นประจำแน่นอนเรือนที่จะซื้อไปให้ผู้หญิงคงหนีไม่พ้นสีชมพูสีฟ้าไม่งั้นก็สีทองอ่อน

เขาเลือกสีฟ้าให้เป็นของขวัญพอเธอเห็นราคาของนาฬิกาเรือนนี้แล้วก็อึ้งไม่น้อย

ถ้าเป็นเธอคงได้ปาดเหงื่อสักทีก่อนจะซื้อแน่

.

.

.

“พี่พารินมาร้านอาหารทำไม” ตอนแรกนึกว่าเขาจะพาเธอกลับบ้านเมื่อซื้อของเสร็จเธอตั้งใจว่าจะไปคุยเรื่องของเธอที่บ้านแทน

“เห็นว่าเราชอบของกิน พี่ก็เลยพามาถือว่าขอบใจเราด้วย” เธอยิ้มรับกับความใส่ใจที่เขามีให้

ถ้าไพรินในนิยายคิดกับวายุแค่สถานะพี่ชายทั้งสองคนคงจะเป็นคู่พี่น้องที่น่ารักมากไม่น้อยเลย...

“สั่งตามใจเราเลย” หญิงสาวมองดูเมนูแล้วก็ตาลุกวาวมีหลายอย่างที่น่ากินไปหมด

“แต่ถ้ากินไม่หมดพี่ไม่ให้เรากลับแน่” นึกว่าเธอจะกลัวคำขู่เหมือนเด็กของเขารึไงกัน

“รินไม่ได้เป็นคนจ่ายสักหน่อยเรื่องอะไรจะอยู่ตามที่พี่บอกกัน”

“อื้ออเจ็บนะพี่วายุ!” เขาพัฒนาจากสัมผัสแค่หัวเธอมาเป็นบีบแก้มเธอแทน

ซำ้หมดแล้วมั้งเนี่ย!

“ดื้อ”

“รินไม่ได้ดื้อ”

“ยังจะเถียงพี่อีก” เธอทำหน้ามุ่ยกลับไปให้อีกคน

หญิงสาวเลิกต่อล้อต่อเถียงกับชายหนุ่มเมื่อพนักงานเข้ามารับออเดอร์เมนูอาหาร

อยู่ๆก็นึกอยากจะแกล้งตอบกลับอีกคนเลยเลือกสั่งแต่เมนูที่มีราคาแพงหูฉีกพอลอบมองหน้าคุณพระเอกแล้วก็ได้แต่หัวเราะสะใจเงียบๆสีหน้าที่ดูอยากจะจับเธอมาตีของเขาพร้อมกับปากที่ขยับไร้เสียอ่านได้ใจความว่า

ยัยตัวแสบ

วายุลอบมองใบหน้าของหญิงสาวที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทานอาหารมาได้สักพักเขาสักเกตถึงสีหน้าที่ดูจะกระอักกระอ่วนของเจ้าตัวแล้วก็พลางให้รู้สึกวุ่นที่ใจขึ้นมาจนต้องเอ่ยถาม

“เรามีอะไรอยากจะพูดกับพี่รึเปล่า” เขาเอ่ยเสียงนุ่มหญิงสาวเงยหน้ามามองเขาด้วยดวงตาน่าเอ็นดูเหมือนลูกแมวของเจ้าตัว

“เอ่อ ก็เรื่องข้อแม้ที่รินว่าไว้” สีหน้าดูจริงจังฉายชัดขึ้นมาวายุเห็นแล้วก็เผลอจริงจังตามหญิงสาวไปด้วย

“เราอยากได้อะไรหรือเปล่า”

“ไม่ใช่รินไม่ได้จะขออะไร แต่เป็นเรื่องที่พี่วายุจะฝึกงานให้รินคือว่า...” ไอ้เราก็นึกว่าอะไรทำสีหน้าซะดูเครียดพอจะเข้าใจอยู่บ้างว่าไพรินอยู่เฉยๆสบายจนเคยตัวคงยังไม่ยากจะทำอะไรตอนนี้

“เราอยากจะยืดเวลา?”

“เปล่า พี่ฟังรินพูดให้จบก่อนสิ” ไม่ทันไรเขาก็โดนดุมาซะได้เดี่ยวนี้วายุเริ่มรับมือกับแม่ตัวเล็กตรงหน้าไม่ทันปกติแทบจะฟังแทบจะอ่อนข้อให้เขาอยู่เสมอแต่มาตอนนี้สิ...

ทั้งดื้อและรั้นใส่

เธอหละรู้สึกเริ่มหงุดหงิดกับคุณพระเอกของเรื่องยังไม่ทันจะเอ่ยพูดจบเจ้าตัวก็คิดไปเองหมดซะแล้ว คนยิ่งกังวลใจอยู่ว่าถ้าพูดออกไปแล้วผลที่ออกมาจะเป็นยังไงใจมันเต้นตุ่มๆต่อมๆเข้าใจกันบ้างไหมเนี่ย!

พอเธอบอกให้ฟังเขาก็นิ่งเงียบซะจนเธอเริ่มจะไปไม่เป็นแต่ก็พยายามสงบสติกลับมาไว้กับตัวเอง

“รินว่า...รินจะไปฝึกงานกับพี่เพลิงแทน” เธอพูดเข้าเรื่องอย่างเส้นตรงไม่คิดจะอ้อมค้อมมันไปไหนทั้งนั้น ดวงหน้าหวานมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปทางเคร่งขรึมแล้วใจของเธอก็เริ่มรู้สึกไม่ดี

“ทำไม” นำ้เสียงเย็นชาที่พึ่งจะเคยได้ยินทำเอาหญิงสาวรู้สึกเกร็งตัวไม่น้อย

“รินแค่บอกพี่วายุ ยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของริน”เธอใจดีสู้เสือตรงหน้าจากแต่ก่อนเป็นเสืออบอุ่นตอนนี้รังสีความดุร้ายกำลังแผ่ออกมาใส่ตัวเธอให้ได้รู้สึกร้อนๆหนาวๆ

“ไพริน” ชื่อเต็มยศถูกเอ่ยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของอีกคนอยู่ในระดับไหนเธอนิ่งเงียบเป็นฝ่ายฟังเขาพูดบ้าง

“ปกติเราแทบจะไม่สนใจมันเลยสักครั้ง แล้วทำไมถึงพูดแบบนี้กับพี่” หญิงสาวรู้สึกกระตุกกับคำว่า‘มัน’ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคงเป็นรอยแยกที่น่าจะลึกอยู่มากโข

“ก็รินอยากไปฝึกกับพี่เพลิง”

“พี่ไม่ยอม”

“รินแค่บอก” บรรยากาศก่อนหน้ายังดีๆอยู่เลยตอนนี้มันน่าอึดอัดไปหมด

“ไม่รู้รึไงว่ามันไว้ใจไม่ได้!” เป็นครั้งแรกที่เธอโดนเขาขึ้นเสียงใส่เสียงของชายหนุ่มทำเอาเธอยั้งความรู้สึกสั่นที่ใจของตัวเองไม่ได้ร่างของเธอสะดุ้งกับนำ้เสียงดีที่ตรงนี้เป็นโซนที่นั่งวีไอพี

“ไม่ รินก็ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่พี่ว่าเลย” เธอเถียงกลับเขาเสียงแข็งได้ยินเสียงพ่นลมหายใจเหมือนกำลังระบับอารมณ์ของตัวเองดังมาจากอีกคน

“รินยังไม่รู้จักมันดีพอถึงเราจะเห็นมันมาตั้งแต่เด็กก็เถอะ” เขาใช้วิธีเอานำ้เย็นเข้าลูบบอกเธอ

“ทำไมพี่วายุถึงว่ารินไม่รู้ พี่วายุไม่ได้อยู่กับรินตลอดสักหน่อย” เคยสนใจกันด้วยเหรอทุกครั้งไพรินเป็นฝ่ายเข้าหาตามตื้อตลอดโดยเฉพาะเมื่อนางเอกเข้ามาเรียกได้ว่าในสายตาของเขาแทบจะไม่เห็นหัวของเธอ ดูอย่างวันนี้สิเขายังมาหาเธอเพราะเรื่องของอีกคน

อยู่ๆความรู้สึกนึกคนของไพรินคนเก่าก็ตีขึ้นมาในใจของเธอทำเอาความน้อยใจความเสียใจต่อคนตรงหน้ามันจุกอยู่ที่อกขอบตากำลังเริ่มร้อนผ่าวเธอพยายามห้ามนำ้ตาของตัวเองไม่ให้ไหล

“ริน” วายุเอ่ยเรียกเธอเสียงอ่อนลงเขาคงสังเกตเห็นสีหน้าของเธอที่กำลังกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้หญิงสาวสะบัดหน้าหนีใส่อีกคน

“พี่วายุเคารพการตัดสินใจของรินด้วยค่ะ” พูดโดยที่ไม่หน้าหันไปมอง

“งั้นพี่ขอเหตุผลของเรา” เหตุผลของเธองั้นหรอ...

“รินก็แค่ไม่อยากจะไปฝึกงานกับพี่นั้นแหละค่ะเหตุผลของริน” รู้ว่ามันอาจทำร้ายจิตใจคนฟังแต่ตลอดเวลาเขาก็ไม่เคยจะสนเลยว่าการกระทำของตัวเองมันทำร้ายจิตใจของไพรินซำ้แล้วซำ้เล่าขนาดไหน

เธอรู้ว่าหญิงสาวไม่ได้จะอยากร้ายแต่การถูกแย่งคนที่เป็นทุกอย่างสำหรับเธอไปจนหมดมันทำให้เลือกทางเดินที่ผิดเพื่อให้เขากลับมาเป็นคนเดิมที่สนใจแค่ตัวเธอ

ไพรินลุกขึ้นยืนเดินออกจากโต๊ะอาหารไปได้แค่สองสามก้าวก่อนจะหยุดยืนนิ่งเอ่ยบอกกับอีกคนโดยไม่หันหลังกลับไปมอง “รินจะกลับเอง อยากจะอยู่คนเดียว” พูดง่ายๆคือเธอไม่อยากจะเห็นหน้าเขา

ฝีเท้าเธอก้าวเดินอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างดีที่เขาไม่ได้ตามเธอมาอย่างที่บอกไว้ หญิงสาวนึกด่าตัวเองในใจไม่รู้ทำไมนำ้ตาเธอมันถึงเริ่มจะไหลออกมาไม่หยุดภาพประตูทางออกตรงหน้าเริ่มจะพร่ามัวเพราะม่านนำ้ตาของตัวเองอยากจะรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

อึก!

อะไรใครมาดึงแขนเธอไว้กัน!?

“ทำไมร้องไห้” นำ้เสียงที่ดูคุ้นเคยที่เธอจำมันได้ขึ้นใจทำให้หญิงสาวเบิกตากว้าง เธอกำลังยกมือข้างที่ว่างเช็ดนำ้ตาออกเพื่อมองว่าคนตรงหน้าใช่อย่างที่คิดไว้รึเปล่า แต่มันก็ช้ากว่าอีกคนมือหนาที่ดูจะหยาบกร้านเช็ดที่ขอบตาไล่นำ้ตาออกให้เธออย่างเบามือ

ใจของหญิงสาวเต้นรัวพอมองเห็นได้ชัดใบหน้าของเพลิงกัลป์ก็ฉายชัดอยู่ตรงหน้าเขากำลังมองมาที่เธอด้วยสีหน้าดูสงสัยเธอยิ้มที่ได้เห็นหน้าเขา

ยิ้มออกมาอย่างดีใจกว่าทุกครั้งที่ได้เจอ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel