ตอนที่ 1 ปิดเทอม
“ปิดเทอมอีกแล้วววว” เสียงใสๆเอ่ยขึ้นเมื่อนั่งลงที่ไม้หินอ่อนในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง
“บ่นๆ บ่นทั้งวัน ฉันฟังแกบ่นตั้งแต่เช้าแล้วนะยัยมุก” และแล้ววีต้าก็เอ่ยขึ้นหลังจากฟังเพื่อนบ่น
“ก็ฉันเบื่อหนิ ไม่อยากให้มอปิด อยากมาเรียนมากกว่า” ฉันบอกวีต้าออกไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
อ้อลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อไข่มุก เป็นนักศึกษาปี 3 กำลังขึ้นปี 4 ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าและวันนี้ก็เป็นวันสอบวันสุดท้าย ซึ่งฉันไม่อยากให้เป็นวันสุดท้ายเลยหรือไม่ก็ขอข้ามให้พรุ่งนี้เป็นวันเปิดเทอมปี 4 ยิ่งดีใหญ่
สงสัยใช่ไหมล่ะคะ ทำไมฉันจึงไม่อยากให้ปิดเทอมก็เพราะ มหาวิทยาลัยเป็นที่เดียวที่ทำให้ฉันมีความสุข เป็นที่เดียวที่ฉันจะทำอะไรก็ได้ และที่สำคัญไม่ต้องทำตามคำสั่งใคร..
“เอาหน่า แค่เดือนเดียวเองทนๆ เอาหน่อย” ยัยวีต้ายังคงพูดปลอบฉันต่อ
วีต้าคือเพื่อนสนิทคนเดียวของฉัน คนเดียวที่ฉันสามารถระบายได้ทุกเรื่อง แต่ถามว่าคนอย่างไข่มุกมีเพื่ิอนแต่ยัยวีต้าคนเดียวเหรอ
ตอบเลยค่ะ ไม่ใช่แน่นอน เพราะฉันเป็นเด็กอัธยาศัยดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและทุกคน ไม่ว่าจะคณะเดียวกันหรือต่างคณะก็เป็นเพื่อนฉันไปทั่วแหละค่ะ
“นี่ฉันทนมาหลายเดือนแล้วน่ะโว้ยย ฉันต้องทนอีกเท่าไหร่” ฉันตอบวีต้าออกไป
และคนเดียวที่ทำให้ฉันต้องทน ก็คือ ปอร์เช่ หรือ เฮียปอร์เช่ เป็นลูกเจ้าของบ้านที่ฉันอยู่ร่วมชายคาเดียวกันตั้งแต่เกิด แต่สถานะต่างกันมากเพราะฉันเป็นแค่เด็กรับใช้ในบ้าน ฉันเป็นเด็กกำพร้า เมื่อก่อนพ่อฉันก็เป็นคนสวนที่บ้านอนันต์พัฒน์ จนกระทั่งพ่อฉันเสียไปและฉันก็มีแต่พ่อ เมื่อไม่มีท่าน เด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็คงถูกส่งไปมูลนิธิเป็นแน่
แต่เจ้าสัววรรณก็ใจดีรับฉันเลี้ยงไว้เป็นเด็กรับใช้ในบ้านแถมยังใจดีมากกก ส่งฉันเรียนจนตอนนี้ใกล้จะจบแหละ
โชคดีก็มักจะมากับโชคร้ายเพราะถึงจะได้อยู่คฤหาสน์หรูแต่หาความสุขไม่ได้เลย ไหนจะเฮียปอร์เช่ลูกเจ้าสัววรรณที่แกล้งฉันเช้าเย็นค่ำ ไม่เว้นพักให้ฉันหายใจได้เลย และยังมีป้าแม่บ้านที่ชอบกระแนะกระแหนเป็นว่าเล่น
งื้ออออ ชีวิตหน่อชีวิตชั่งเศร้ายิ่งหนักยัยไข่มุกเอยยย~
จนกระทั่งเฮียปอร์เช่ไปเรียนต่อ คฤหาสน์หลังงามก็น่าอยู่ขึ้นเยอะถึงจะมีใครค่อยกระแหนะกระแหนแต่ก็ยังดีกว่าโดนกระทำจากเฮียปอร์เช่ทั้งเยอะ
แต่..
ความสุขสงบก็แค่พริบตาเดียวจริงๆ หลังจากเฮียปอร์เช่กลับมามันก็หายไปจนหาความสุขไม่ได้อีกเลย แต่ละวันจะต้องทนเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา วุ่นวายที่สุด
มีเพียงเฮียพอร์ชสุดหล่อลูกคนโตของตระกูลอนันต์พัฒน์คนเดียวที่เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆเพราะเฮียพอร์ชไม่เคยแกล้ง แถมยังใจดีเป็นห่วงเป็นใยฉันตลอด แต่เฮียพอร์ชก็ไม่ได้อยู่ค่อยช่วยฉันจากเฮียปอร์เช่ตลอดเวลา ฉันเลยต้องเลือดตกยางออกอยู่บ่อยๆ
“เห้อ...”
“...ไข่มุกน้อยกลอยใจ ทำไมชีวิตเจ้าต้องน่าสงสารเยี่ยงนี้”
“...”
“เมื่อไหร่จะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยบางหน่า”
“ตื่นนนนนนน!!” และยัยวีต้าก็ทำความฝันฉันสลายลงในพริบตา~
…
แสงไฟสว่างวิบวับไปมา ประกอบกับเพลงนุ่มนวลละมุนอารมณ์ พร้อมกับโซฟานุ่มๆ ทำให้รู้สึกอบอุ่นสบาย และที่สำคัญรอบข้างมีสิ่งชวนสะดุดตามากมาย จนไม่อาจจะถอนตัวลุกจากไปสถานที่แห่งนี่ได้ ใครที่หลงเข้ามาต่างก็ติดกับดักจนไม่อาจหาทางกลับบ้านได้
“โธ่เว้ย!!” ปอร์เช่เริ่มอารมณ์เสีย เมื่อตัวเองไม่ได้ตามที่ต้องการ
“เฮ้ย มึงไปแลกชิพให้กูหน่อย”
“ได้ครับ” เด็กในบ่อนเดินเข้ามารับเช็คเงินสดจากปอร์เช่
.
.
“ดื่มอะไรก่อนไหมครับ คุณปอร์เช่”
“ไม่ กูต้องการชิพ ทำไมนานจังวะ” ยิ่งนั่งนานปอร์เช่ก็ยิ่งเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ตามฉบับนักพนันที่ต้องการถอนทุนคืน
ทุกวันหลังจากที่เขารู้จักสถานที่แห่งนี้ เขาก็มักมาคลุกคลีอยู่จนเช้า และเป็นที่เดียวที่เขารู้สึกดวงขึ้น เล่นเท่าไหร่ก็มีแต่ชนะ จนวันนี้แค่วันเดียวกลับทำให้กำไรที่เล่นมาเริ่มหายไปแค่พริบตาเดียว
“ได้ยังวะ”
“ใจเย็นสิค่ะ” เพื่อนในวงเอ่ยเสียงหวานเมื่อเห็นปอร์เช่ตวาดเสียง
“ได้แล้วครับ คุณปอร์เช่” เด็กหนุ่มถือถาดชิพมาบริการปอร์เช่ถึงโต๊ะ
และไม่นานชิพมากมายก็หายไปในแวบตาเดียวอีก
“แม่งเอ้ย อะไรวะ...”
“...พวกมึงโกงกู!!” ปอร์เช่เริ่มอาละวาดเมื่อไม่ได้ดังใจ และเขาคิดว่ามีการโกงเกิดขึ้น