บท
ตั้งค่า

บทที่๒...ซื้อของเล่น (๔)

คนที่เก็บอาการไม่เก่งรีบหลบตาแล้วหยิบนมมาดื่มจนหมดแก้ว พยายามไม่สบสายตากับแม่ให้ความลับที่ปิดไว้หลายปีรั่วไหล เธอไม่ต้องการให้ใครล่วงรู้ความในใจของตนเอง อุตส่าห์ปิดได้หลายปีก็อยากให้เป็นความลับเช่นนี้ตลอดไป

“ไม่...” คิดจะปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง แต่กลายเป็นถูกรู้ทันจนได้

“สายตาไม่ได้บอกแบบนั้นนะ แกชอบคุณทัพพ์ใช่ไหมยัยเพียง ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้อย่าโกหกแม่” คว้ามือบางมากุมเอาไว้ บังคับเสียงดังจนหญิงสาวสะดุ้ง รีบเม้มปากแน่นแล้วเบนสายตาไปทางอื่นไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

เธอไม่อยากให้ท่านรู้ว่าตนแอบหวังสูงรักคนไม่คู่ควร อุตส่าห์เก็บเงียบมาได้หลายปี แต่คนที่ผ่านโลกมามากดูเหมือนจะจับได้ในทันที

“มันเป็นไปไม่ได้ เขากำลังจะแต่งงานกับแฟนที่คบกันมาหลายปี ผู้หญิงคนนั้นก็เหมาะสมกับเขา แล้วหนูมีอะไรคู่ควรกับเขาบ้างล่ะ คงทำได้แค่อยู่ในที่ตัวเอง” สุดท้ายก็หันมาสบตาแม่แล้วหลุดความในใจออกไปจนได้ คนฟังยิ้มกว้างตาเป็นประกาย ปล่อยมือลูกแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะมนด้วยความเอ็นดู

ความหวังของนางอยู่ที่ลูกสาวเพียงคนเดียว...

“ไม่ต้องห่วงหรอก แค่แกชอบเขา...ก็พอแล้ว” ยิ้มกริ่มแววตาเจ้าเล่ห์ ทำเอาลูกสาวเริ่มรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง จึงต้องรีบห้ามปรามมารดาของตัวเองเอาไว้

“แม่คิดจะทำอะไร อย่าคิดอะไรแผลงๆ นะ” ส่ายหน้าไม่เห็นด้วยเพราะรู้ดีว่าคุณปาริฉัตรคงมีแผนในใจเป็นแน่ แต่หล่อนไม่รู้ว่าท่านคิดจะทำอะไร

ที่มั่นใจคงไม่ใช่เรื่องดี...

“ไม่หรอก แม่ทำเพื่ออนาคตของแกทั้งนั้น” เธอไม่ค่อยไว้ใจกับท่าทีของท่าน แต่เหมือนว่าถามไปจะไม่ได้คำตอบอย่างที่ต้องการจึงต้องยอมปล่อยไปก่อน ไม่นานมารดาก็ออกจากห้องเมื่อได้คำตอบที่น่าพึงพอใจ

ต่อจากนี้คงต้องทำตามแผนเพื่อให้ได้ลูกเขยที่จะเป็นธนาคารให้ถลุงเงินได้ตามใจ และทัพพ์ก็เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง สิ่งแรกที่ต้องทำคือการนัดพบชายหนุ่มพร้อมกันนั้นก็ต้องให้ลูกสาวอยู่ด้วย ทุกอย่างจะได้เป็นตามที่ตนต้องการ

ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว...

“คุณทัพพ์ทางนี้ค่ะ” นั่งในห้องอาหารของโรงแรมชื่อดังแล้วโบกมือเรียกชายหนุ่มที่สวมสุดสูทเต็มยศ เขาเหลียวมองตามเสียงค่อยก้าวเข้าไปหาคนที่สามารถแทรกนัดเข้ามาในตารางงานแสนยุ่งของเขาได้ ใบหน้าคมเรียบเฉยติดเย็นชา

ทั้งที่ไม่สนิทสนมกันแต่เขาก็อยากรู้ว่าปาริฉัตรเรียกตนมาทำไมจึงมาตามนัด ดวงตาสีเข้มมีแววขุ่นมัวค่อยนั่งลงที่เก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้าม พอดีกับที่บริกรนำน้ำมาเสิร์ฟเขาจึงหยิบแก้วขึ้นจิบคลายความกระหาย รีบเข้าเรื่องอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากอยู่ที่นี่นานนัก

ผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ เขาจึงต้องระมัดระวังเอาไว้ก่อนน่าจะดีกว่า

“สวัสดีครับ คุณนัดผมมาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่า” เข้าเรื่องทันทีแต่ไม่นานอาหารที่ถูกสั่งไว้ก็นำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ อีกทั้งประโยคดังกล่าวก็ทำให้ทราบว่าไม่ได้มีธุระสำคัญที่จะเอ่ย ความจริงก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะระหว่างเราทั้งสองไม่มีสิ่งใดเชื่อมโยงกัน

นอกจากอีกฝ่ายเป็นแม่เลี้ยงของเพื่อนสนิทเขา...

“น้าแค่อยากพูดคุยตามประสาคนบ้านใกล้เรือนเคียงน่ะค่ะ คุณทัพพ์กินข้าวสิคะ เพิ่งเลิกงานน่าจะหิวไม่ใช่เหรอน้าสั่งไว้ให้แล้ว” ยิ้มเล็กน้อยแล้วพยักหน้า

“ครับ” ตักอาหารรับประทานเพราะอยากทราบเหมือนกันว่าแผนของคนตรงหน้าคืออะไรกันแน่ อีกทั้งก็เริ่มหิวเพราะกินข้าวเที่ยงไปนิดเดียว จึงไม่ได้ปฏิเสธกับข้าวที่วางเรียงรายตรงหน้า อย่างไรเขาก็ต้องเป็นคนจ่ายมื้อนี้อยู่แล้ว

กินเข้าไปนิดหน่อยไม่เห็นเป็นอะไรเลย คิดเช่นนั้นก็ตักข้าวเข้าปากคำแล้วคำเล่า จนคนมองแทบซ่อนรอยยิ้มพึงพอใจเอาไว้ไม่อยู่

แผนการใกล้สำเร็จแล้ว หวังก็เพียงแต่ฝั่งลูกสาวจะราบรื่น

“แม่นัดมาที่นี่ทำไม...น้ำส้ม” ร่างบางเดินวนเวียนอยู่ในห้องพักของโรงแรมเมื่อได้รับข้อความจากแม่ให้มารอที่นี่ พนักงานด้านล่างให้คีย์การ์ดกับหล่อนเรียบร้อยแล้วจึงได้ขึ้นมารอบนห้อง ก่อนพบว่ามีเครื่องดื่มต้อนรับวางไว้ที่กลางห้อง จึงหยิบมาดื่มหมดแก้วในคราวเดียว

“อื้อ ชื่นใจ” วางแก้วลงบนที่เดิม

ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดมารดาจึงนัดให้มาที่นี่หลังเลิกงาน แต่เห็นห้องใหญ่โตกับความหรูหราก็อยากพักให้หายเหนื่อย นอนเหยียดกายลงบนเตียงนุ่มขนาดกว้าง หยิบหมอนที่วางข้างกันมากอดเอาไว้ ดวงตาเคลิ้มคล้ายจะหลับก็ต้องลุกนั่งพลางชะเง้อไปทางประตู

“ตอนไหนแม่จะมา...” กอดหมอนนุ่มนั่งอยู่อย่างนั้นเพราะรู้สึกว่าหนังตาเริ่มหนัก

ไม่รู้ทำไมถึงง่วงขนาดนี้ทั้งที่ก่อนเข้ามาก็กระปรี้กระเปร่าปกติ หรือเพราะเครื่องปรับอากาศที่เย็นทำให้เธอเคลิ้มไปกับบรรยากาศ

“ปิดเครื่องทำไม” โทรหามารดาแต่พบว่าติดต่อไม่ได้ ความง่วงเริ่มเข้ามาคุกคามจนสุดท้ายก็ไม่อาจทนไหว

“ขอนอนรอหน่อยแล้วกัน” ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับไปในนาทีต่อมา

ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูหรือการทำอะไรต่อมิอะไรบนร่างกายของ หลับสนิทในห้วงนิทราแสนหวาน ไม่ทราบกระทั่งเวลาที่ล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ เพราะรู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของบุพการีดังขึ้นจึงรีบสะดุ้งอย่างรวดเร็ว

“กรี๊ด! นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น ทำไม...ทำไมทั้งสองถึงนอนด้วยกัน” เบิกตากว้างมองแม่ที่ยกมือปิดปากเหมือนตกใจกับภาพตรงหน้า เธอก้มมองดูตัวเองพบว่าเสื้อผ้าที่ควรอยู่บ้านร่างกายได้กองบนพื้นอย่างกระจัดกระจาย

หัวใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม ค่อยผินมองคนที่นอนข้างกันก่อนพบว่าผู้ชายคนนั้นคือหนุ่มซึ่งเธอแอบชอบมาตลอดระยะเวลาหลายปี

คุณทัพพ์!

ผ้าห่มที่เธอใช้คลุมร่างกายเป็นผืนเดียวกับที่บดบังกายหนาเช่นเดียวกัน เหมือนว่าเราสองคนจะเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนหนา แต่เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ความทรงจำแสนเลืองลางของตนคือกำลังนอนรอมารดาอยู่ในห้อง

แล้วเขาเข้ามาตอนไหน เข้ามาได้อย่างไรและมันเกิดอะไรขึ้นสำหรับเราสองคน!

ในหัวของเธอเต็มไปด้วยคำถาม แต่คุณปาริฉัตรกลับเดินมายืนข้างเตียงพร้อมสายตาคาดคั้น ร่างสูงไม่มีทีท่าตระหนกสักนิด แววตาเรียบเฉยต่างจากเพียงออที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ใบหน้าร้อนฉ่าด้วยความอับอาย มือบางกำผ้าห่มที่พยายามเอาคลุมกายไว้แน่น

“น้าไม่ยอมนะคะคุณทัพพ์ ทำกับลูกสาวของน้าแบบนี้ได้ยังไง” โวยวายเสียงดังพร้อมจ้องชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง คนเป็นลูกจึงพยายามอธิบายแม้ว่าความทรงจำทุกอย่างจะหายไปเหมือนถูกลบ

“ไม่ ไม่ใช่...” คิดจะปฏิเสธแต่คนข้างกายดันแทรกขึ้นมาก่อน

“ผมทำอะไรครับ” เขาไม่มีความลังเลในคำถาม แววตานิ่งจนคนที่คิดแผนทั้งหมดเริ่มชะงัก กลืนน้ำลายลงคอเพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง เชิดใบหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางกอดอก ภาพตรงหน้าฟ้องหมดทุกอย่างแล้ว

อย่างไรก็ไม่มีทางจับได้หรอก!

“คุณมีอะไรกับลูกสาวของน้าทั้งที่กำลังจะแต่งงาน ถ้าคนอื่นรู้เข้าจะมองลูกน้ายังไง คุณทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติกันเลย” ชี้ไปยังบุตรสาวที่นั่งหน้าแดงอับอาย จะพูดอะไรก็ไม่กล้าเพราะไม่มีความมั่นใจว่าเรื่องของพวกเราเกิดอะไรขึ้น

“มันไม่ใช่นะแม่ คือ...คือว่า” เขาไม่อยากฟังเธอพูดจึงหันไปบอกหญิงสาว

ทราบดีว่าคุณปาริฉัตรน่าจะอยากพูดกับตนมากกว่า เหลือบมองนาฬิกาพบว่าเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว แสยะยิ้มมุมปากพอจะเดาเรื่องทุกอย่างออก ระหว่างนั้นก็สำรวจห้องไปด้วยพบว่ามีเพียงเสื้อผ้าที่กระจัดกระจาย

ไร้ซึ่งถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว...

อีกทั้งเขาก็จำเรื่องราวเมื่อคืนไม่ได้ทั้งที่ตนไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์จนเมา คนที่รู้ทุกอย่างก็ต้องเป็นผู้หญิงที่จัดฉากทุกอย่างเอาไว้หมด จึงไม่มีเหตุใดให้ต้องปฏิเสธนอกจากถามถึงความต้องการเพื่อตบเรื่องทั้งหมด

“เธอไปแต่งตัวแล้วออกไปรอข้างนอก ฉันขอคุยกับแม่ของเธอตามลำพัง” ใบหน้าหวานเบนสายตาออกจากเขาทันที ก่อนคว้าชุดคลุมมาสวมแล้วตอบรับเสียงเบา

“ค่ะ” วิ่งออกไปยังระเบียงแล้วปิดประตูเพื่อให้คนทั้งสองได้คุยกัน ส่วนเธอก็จะได้มีเวลาคิดทบทวนเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง เพราะอยากรู้เช่นเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เมื่อร่างบางออกไปแล้วจึงเหลือเพียงเขาและคุณปาริฉัตรสองคน ไม่รอช้ารีบเข้าประเด็นด้วยสีหน้าเรียบเฉยยากจะคาดเดาอารมณ์ความรู้สึกได้ จนบางครั้งนางก็นึกกลัวว่าแผนการครั้งนี้ของตนอาจถูกเขาจับได้

“คุณต้องการอะไร ว่ามา...” ไม่มีการอารัมภบทใดทั้งสิ้น แล้วนางก็ตอบตามความจริงไม่คิดอ้อมค้อม หากปล่อยเวลาให้นานกว่านี้เกรงว่าร่างหนาจะวิเคราะห์เหตุการณ์ได้ แล้วแผนทุกอย่างที่วางไว้อาจพังลงไม่เป็นท่า

“ห้าล้านแลกกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะเป็นความลับ” แสยะยิ้มมองคนตรงหน้าด้วยความสมเพช

“ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนอีกอย่าง...ลูกของคุณจะกลายเป็นของเล่นของผม” คนเป็นแม่ฟังอย่างนั้นก็นิ่งค้างในทันที แต่ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ให้คำตอบชายหนุ่ม

“ตกลง”

อย่างไรก็ไม่มีผลเสียสักนิด

เรื่องครั้งนี้มีแต่ได้กับได้...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel