บทที่3 พี่ชายที่แสนดี 2
“แล้วนี่จะปล่อยมือฟินน์ได้ยัง” หญิงสาวมองไปที่ข้อมือของตัวเองที่ธนายังจับไว้มั่นจนข้อมือข้างนั้นเริ่มจะไม่มีเลือดไหลเวียนแล้ว
“ปล่อยก็ปล่อยสิ อยากจับตายล่ะ” ธนารีบคลายมือออกจากข้อมือเล็ก ทำท่ารังเกียจกลาย ๆ
เมื่อข้อมือได้รับอิสรภาพ พิชชาก็ฝ่ากระแสคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งแรงขึ้นทุกทีกลับขึ้นฝั่ง โดยมีคุณหมอธนาเดินตามมาติด ๆ
หญิงสาวทิ้งตัวลงที่ผืนทราย แขนทั้งสองข้างทิ้งน้ำหนักไปด้านหลัง มองออกไปยังท้องทะเลอันมืดมิด
“อย่าบอกว่าจะนั่งชมวิวต่อนะ” เธอเปียกไปทั้งตัวก็ควรจะรีบกลับไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ใช่มานั่งตากลมอยู่แบบนี้
“ใช่” หญิงสาวทอดมองออกไปยังเบื้องหน้าอย่างคนที่ยังคิดไม่ตก
ก่อนจะนึกสงสัยถึงการมาของอีกฝ่าย
“ตัวเองอ่ะ มาที่นี่ได้ไง” คนถูกถามชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะไม่ได้คิดหาคำตอบไว้ล่วงหน้า
“มาสัมมนา นึกขึ้นได้ว่าเธอฝึกงานอยู่แถวนี้เลยแวะมาดู” ดีที่เขาหัวไว รีบเอาเรื่องงานมาอ้าง
“แล้วนี่สัมมนาเสร็จแล้วเหรอ ถึงมีเวลามาหาคนอื่น”
“อืม” เขาตอบสั้น ๆ ปกติพิชชาไม่มีนิสัยเซ้าซี้ ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด
แม้จะมีแสงไฟเล็ก ๆ จากร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปสาดส่องมา แต่รอบข้างก็ยังถูกความมืดมิดเข้าปกคลุม ได้ยินเสียงเกลียวคลื่นที่ม้วนตัวเข้าหาฝั่ง ใบหน้าและเส้นผมของทั้งสองถูกสายลมปะทะ พิชชารู้สึกหนาวขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นมากอดตัวเองไว้
“หนาวล่ะสิ” น้ำเสียงของเขาไม่ใกล้เคียงคำว่า ‘เป็นห่วง’ ค่อนไปทางสมน้ำหน้าเธอมากกว่า
“เปล่าสักหน่อย อยากกอดตัวเองไม่ได้ไง” คนตัวเล็กเถียงไปทันควัน อีกฝ่ายก็แค่นหัวเราะเบา ๆ
หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างก็สงบปากสงบคำ ปล่อยให้ความคิดบางอย่างเข้าเกาะกุมจิตใจของตัวเอง จนความเงียบงันครอบคลุมอยู่รอบ ๆ ตัวพวกเขา เนิ่นนานกว่าใครคนหนึ่งจะทำลายความเงียบนั้นลง
“ฟินน์โง่มากใช่ไหม?” ต่อให้เธอไม่ได้ลงรายละเอียดไปในคำถาม ธนาย่อมรู้อยู่แล้วว่าเธอหมายถึงเรื่องที่ถูกแทนไทหลอก
“จะเอาคำตอบจากใจหรือเอาแค่ปลอบใจล่ะ?” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในท่าเดียวกันให้คำตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองเธอ
“ทั้งสองอย่าง” หากเป็นในเวลาปกติ เขาคงมองว่าพิชชาเอาแต่ใจ แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่า คำขอของเธอยังน้อยไปด้วยซ้ำ
“โง่ แต่ไอ้แทนไทมันโง่กว่าเธอเยอะ เรียกว่าโคตรโง่เลยล่ะ” พิชชาหลุดขำออกมา ไม่คาดคิดว่าเธอจะได้ยินประโยคนี้
นั่นสิ ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้
จริงที่สุด! ถึงเธอจะโง่แต่ไอ้สารเลวนั่นโง่กว่าเธอเป็นร้อยเท่าพันเท่า เพราะคนฉลาดที่ไหนจะปล่อยให้ผู้หญิงที่ทั้งสวย ทั้งรวยแถมยังหุ่นเอ็กซ์อย่างเธอหลุดมือ
“แล้วคนเราต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะลืมเรื่องแย่ ๆ ในชีวิตไปได้อ่ะ” ยอมรับว่าถ้อยคำที่แสนจะจริงใจของเขาช่วยปลอบปลอบประโลมเธอได้บ้าง อย่างน้อยก็ดีกว่าคิดอะไรอยู่ตามลำพัง แต่เรื่องนี้ก็ยังเป็นปัญหาสำหรับเธออยู่
เพราะการเลิกราและเลิกรัก ไม่ได้แปลว่าจะลืมได้ในวันเดียว
ชายหนุ่มเว้นจังหวะพูดไว้ครู่หนึ่งก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“สมองคนเรามักจะจดจำความทุกข์ได้มากกว่าความสุขอยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่ต้องพยายามลืมอะไรหรอก เพราะเราควรใช้ความพยายามกับเรื่องหรือคนที่เราให้ค่าเท่านั้น” แม้จะมองไม่เห็นสายตาของอีกฝ่ายในขณะที่พูดออกมา แต่พิชชาก็รับรู้ได้ถึงความหวังดีที่แฝงอยู่ในถ้อยคำพวกนี้
---------------
เป็นห่วงน้องถึงกับลางานมาหา ยังจะปากแจ๋วใส่น้องอีกนะคูมหมอ
อย่าเพิ่งคิดว่าพี่ดีย์...อีกหน่อย เล็บเสือก็งอก ^^ (ไม่มีดราม่าค่ะ)