บทนำ
บทนำ
ค่ำคืนที่ดาวพร่างพรายเต็มท้องฟ้าช่างเป็นใจสำหรับการดินเนอร์ใต้แสงเทียนของสองคน
อดีตสองสามีภรรยาดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก เขาทั้งคู่ดื่มไวน์ไปเกือบหมดขวดหลังทานมื้อค่ำด้วยกัน ต่อด้วยการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวอย่างที่ตลอดการแต่งงานอยู่กินด้วยกันมาร่วมสามปีไม่เคยได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ก็กล้าเปิดปากถามอย่างลงลึกโดยที่รู้ตัวดีว่าหากไม่มีเครื่องดื่มมึนเมาขับกล่อมก็คงไม่ทำให้ใจกล้าขนาดนี้
สามปีที่แต่งงานกันมาแทบไม่เคยมีภาพแบบนี้ให้เห็น ดินเนอร์ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ การพูดคุยอย่างสนิทสนม สองสามีภรรยาแทบไม่เคยได้ตักตวงภาพความทรงจำเหล่านี้เลย
ทว่าเรื่องราวความสุขล้วนเกิดขึ้นในหลังวันหย่าตัดขาดความสัมพันธ์ฉันผัวเมียของสองคน
“เดี๋ยวเที่ยงคืนเขาจะมีจุดพลุด้วย อยากดูไหม” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มที่ประดับบนมุมปาก สายตาคมขลับทอดมองดวงหน้าสวยหวานที่ตอนนี้แดงก่ำจากการถูกฤทธิ์ไวน์เล่นงาน
‘ราเมศวร์’ ยื่นมือไปเกลี่ยแก้มใสบางเบาราวกับกลัวว่าจะทำให้ผิวนุ่ม ๆ ระคาย เวลาปกติเธอก็น่ารักจนเขาจะบ้าตายอยู่แล้ว พอเมากลับยิ่งน่ารักขึ้นไปใหญ่ ตลอดมื้ออาหารเขาได้ยินแต่เสียงเจื้อยแจ้วของเธอ ส่งคำถามที่เหมือนกับเรียบเรียงมาตั้งแต่อนุบาลจนจบปริญญาตรี แต่คนอย่างเขาก็ยินดีตอบทุกข้อสงสัยต่อให้จะเป็นเรื่องไร้สาระก็ตาม
“อยากค่ะ ลูกศรอยากดู”
‘ลูกศร’ เบิกตากว้างเปล่งประกายถึงความดีใจ เธอมักตื่นเต้นกับอะไรง่าย ๆ อยู่เสมอ อาจเป็นเพราะค่ำคืนนี้พิเศษกว่าไหน ๆ เพราะมีเขาอยู่เคียงข้าง เกือบทำหน้าเสียดายแล้วเนื่องจากคิดว่าเขาจะพากลับ แต่พอเขาชวนดูพลุต่อเธอก็คิดว่ามันยังสามารถต่อเวลาที่จะได้อยู่กับเขาได้นานมากขึ้น
นี่คงเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน...
เขาและเธอหย่าขาดกันแล้ว จบสิ้นสถานะสามีภรรยามาตลอดสามปี ทว่าจุดเริ่มต้นนั้นไม่ได้หวานซึ้งที่ทำให้เธออาลัยอาวรณ์สักเท่าไหร่ หากแต่เป็นช่วงเวลาที่ได้ศึกษาเรียนรู้ด้วยกันต่างหาก
“อื้อ...คุณเมศวร์คะ” มือเล็กดันแผงอกแกร่งของคนตัวโตเอาไว้ เมื่อริมฝีปากผละห่างจากสัมผัสหิวกระหายที่เอาแต่ตะโบมถาโถมอย่างรุนแรงจนเธอหายใจไม่ทัน
ราเมศวร์พาเธอขึ้นมาที่ห้องพักที่เขาเปิดจองเอาไว้ จากนั้นทั้งเขาและเธอก็โถมร่างกายเข้าหาและจูบอย่างบ้าคลั่งราวกับโหยหากันและกันมานานแสนนาน ครั้นเปิดห้องและเดินเข้ามาได้เพียงไม่กี่ก้าวก็เป็นต้องหักห้าม ลูกศรหายใจไม่ทันจนกลัวว่าตัวเองจะขาเปลี้ยล้มพับไป แม้ว่าจะไม่อยากห่างจูบของเขาสักวินาทีเดียว แต่ก็ไม่อยากปล่อยไก่ให้เขาจับไต๋ได้ว่าตัวเองอ่อนหัด
ใบหน้าสวยหวานช้อนขึ้นมองคนตัวสูงกว่าเกือบสามสิบเซนติเมตร ดวงตาฉ่ำปรือสั่นไหวทั้งตื่นกลัวทั้งยั่วเย้าที่ทำเอาราเมศวร์แทบอยากจับเธอมารังแกจนกว่าจะพอใจ
“ส่งท้ายกันหน่อยนะศร นะครับ” ส่วนท้ายประโยคช่างเว้าวอนจนลูกศรหลอมละลาย เธอให้คำตอบเขาด้วยการเขย่งปลายเท้าดันตัวเองให้กดจูบทาบทับเพื่อเริ่มต้นสัมผัสหวามไหว
ถึงเขาไม่ขอเธอก็พร้อมมอบให้ มันคงจะเป็นของขวัญที่เธอสามารถมอบให้เขาได้ และก็เป็นเหมือนการส่งท้ายก่อนที่เราจะแยกจากกัน
ราเมศวร์กระชับวงแขนกอดรัดคนตัวเล็กและดันเธอไปยังเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ ทั้งเขาและเธอกอดรัดแนบแน่นกันอยู่บนเตียง เรือนร่างแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวเพราะทุกสัดส่วนล้วนสัมผัสกันอย่างแนบใกล้
เสียงจูบเฉอะแฉะเคล้าคลอรื่นหู สลับกับเสียงหอบหายใจของคนน้อยประสบการณ์แต่ก็ใจกล้าฮึดสู้ไม่น้อยหน้า
เสื้อผ้าของสองคนถูกโยนทิ้งกระจัดกระจายไร้ทิศทาง ก่อนที่กิจกรรมเข้าจังหวะจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ไม่ว่าสุขสมเท่าไหร่ แต่มันยังไม่ถึงในระดับพึงพอใจของสองคนที่ไม่รู้จะจบลงเมื่อไร
สภาพเตียงยับเยินและข้าวของภายในห้องล้วนบ่งบอกว่าค่ำคืนทั้งคู่สนุกสุดเหวี่ยงมากแค่ไหน สองร่างเปลือยเปล่านอนกอดเกี่ยวกันอยู่บนเตียงซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายของสนามรักในค่ำคืน
ทั้งคู่ดำดิ่งจมอยู่กับห้วงนิทราแสนหวาน มันอบอวลด้วยความรักและความสุขของกันและกัน แต่ทว่าเช้าวันถัดมามันกลับเป็นการจากลาของสองคน
“เช็คยี่สิบล้านกับโฉนดที่ดินที่ชลบุรี” ราเมศวร์ส่งยื่นสิ่งของสองอย่างให้กับคนที่เพิ่งร่วมเตียงกันมาหมาด ๆ สภาพของเขายังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำเพียงตัวเดียวอยู่เลย ผิดกันกับเธอที่สวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นราวกับย้ำเตือนว่าเส้นทางของเราสองคนได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
มือใหญ่ขึ้นนวดขมับตัวเองเบา ๆ หวนนึกถึงเหตุการณ์ลึกซึ้งเมื่อคืนก็มีแต่ความรู้สึกอย่างเดียวที่ปรากฏนั้นก็คือความสุข เขาไม่สามารถนิยามคำอื่นได้เลยนอกจากคำนี้ เมื่อคืนนี้มันดีมาก ดีเสียจนเขาอยากยื้อเวลาให้ผ่านไปช้า ๆ หรือไม่ก็หยุดเวลาให้จมอยู่ในที่แห่งนั้นไปตลอดกาล
ทว่ามันเป็นเพียงความคิดที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง และในเมื่อลาลับค่ำคืนอันแสนสุขเขาก็ควรรักษาสัญญาและปล่อยให้เธอได้เดินหน้าใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง
เธอจมอยู่กับสถานะภรรยาของเขามานานสามปีแล้ว มันคงถึงเวลาที่เธอจะได้เป็นอิสระเสียที
“ขอบคุณนะคะคุณเมศวร์” ลูกศรยิ้มรับทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอ เพียงยื่นมือไปรับแผ่นกระดาษบาง ๆ สองใบมันก็เท่ากับว่าสถานะของเราสองคนได้จบสิ้นลงแล้ว
“แล้ว...แล้วลูกศรจะไปอยู่ที่ไหน” คำถามนั้นช่างสั่นพร่าเลื่อนลอย ราเมศวร์ถามคำถามนี้กับลูกศรมากกว่าสามครั้ง หากเขายังอยากถามเพื่อหวังรั้งให้เธออยู่ต่อ
เขาทนมองเห็นเธอหันหลังเดินจากไปไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนตั้งกฎร่างสัญญาบ้า ๆ นั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่ทำไมเล่าเขาถึงกระวนกระวายทรมานเมื่อรู้ว่าจะต้องจากกัน
เขาควรดีใจสิ...
ควรดีใจไม่ใช่หรอกหรือที่ได้รับอิสระ แต่ทำไมเขากลับเสียใจและเสียดาย ตลอดเวลาสามปีที่แต่งงานกันมาเขากล้ายืดอกยอมรับอย่างไม่อายว่าเขาชอบชีวิตหลังแต่งงานมากกว่าการครองโสดเสียอีก
“ก็คงไปสร้างบ้านที่ชลบุรีน่ะค่ะ ได้เงินมาตั้งยี่สิบล้าน ศรว่าจะเอาไปสร้างบ้านให้ใหญ่ ๆ จนคนชาวบ้านแถวนั้นตะลึงไปเลย” ลูกศรพูดพลางหัวเราะขำ หากใจจริงนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาของความเสียใจ
อิสระที่ได้รับพร้อมกับเงินจำนวนหลักสิบล้านเรียกได้ว่าหาไม่ได้ง่าย ๆ แต่วันนี้เธอกลับได้ครอบครองมันเพียงสละเวลาสามปีสำหรับการแต่งงาน ทว่าหากมีเวทมนตร์เธอก็ขอใช้มันแลกเปลี่ยนเพื่อให้อยู่กับราเมศวร์ไปตลอดชีวิต
“งั้นเหรอ” ราเมศวร์ยิ้มเอ็นดู ช้อนสายตาขึ้นมองคนตัวเล็กที่ยืนประสานมืออยู่ตรงหน้าอย่างรักใคร่ เพิ่งรู้ซึ้งก็วันนี้นี่เองว่าภรรยาของเขาสวยน่ารักขนาดนี้เชียว
นี่หรือเปล่าที่เขาบอกว่าเห็นค่าในวันที่สายไปน่ะ?
“แล้วคุณเมศวร์จะไปสนามบินกี่โมงคะ ศรลืมถามเลยว่าเตรียมกระเป๋าหรือยัง ถ้ายังเดี๋ยวศรจะ...”
“เรียบร้อยแล้วล่ะ เตรียมไว้ตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว”
ลูกศรเสนอตัวที่จะเป็นมือเป็นเท้าให้เขาทุกอย่าง แต่คำตอบก็เหมือนเป็นคำสั่งหยุดทุกการเคลื่อนไหวและตอกย้ำว่าสถานะของเธอได้จบลงแล้ว
“งั้น...ศรขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ศรมีความสุขมากค่ะ ขอบคุณที่ดูแลศรอย่างดี ขอให้หลังจากนี้ชีวิตของคุณเมศวร์พบเจอแต่สิ่งดี ๆ นะคะ” พูดจบก็โค้งศีรษะลงเล็กน้อยราวกับเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย
ราเมศวร์ต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อคุมธุรกิจยาวนาน นอกจากสถานะที่ตัดขาดกันแล้ว ก็คงเป็นระยะทางที่ห่างกันจนแทบวนกลับมาเจอกันไม่ได้อีกเลย
ถึงวันนั้นเขาและเธอก็คงกลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน ความทรงจำอันน้อยนิดที่มีร่วมกันก็คงจืดจางเลือนหายไปตามกาลเวลา
ทว่าราเมศวร์กลับไม่คิดแบบนั้น ก่อนที่หญิงสาวจะเดินจากไปเขาได้ทิ้งท้ายคำพูดหนักแน่นที่กลั่นออกมาหัวใจ เขามั่นใจแล้วว่าการพบเจอสิ่งดี ๆ ที่เธออวยพรนั้นจะเป็นอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่เธอคนนี้
“รอผมนะศร รอผม”
