5
“งานบางอย่างก็ต้องใช้ความละเอียดลออ แต่ไม่ยากเกินไปค่ะพ่อ ยังไงเสียแค่เดือนเดียว...จันทร์น่าจะทำได้”
หญิงสาวบอกเพื่อให้พ่อรู้สึกเบาใจ มันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อที่คนอย่างเธอต้องพบเจอภาวะสิ้นไร้ไม้ตอกจนต้องรับงานแม่บ้าน แต่ทรงจันทร์ก็ไม่ยอมให้พ่อนำสร้อยทองซึ่งเป็นของต่างหน้าแม่ไปขายหรือจำนำ การนำบ้านไปจำนองก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอเห็นด้วยนัก และแม้เธอจะมีเพื่อนที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯหรือต่างประเทศ แต่ทรงจันทร์ก็ไม่คิดหยิบยืมพวกเขา เธอเห็นว่าปัญหานี้มันเกิดภายในบ้านของเธอและเธอต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง
“วันนี้พ่อแกะทองแดงจากทีวีพัดลมเก่าๆ ที่โละจากตึกร้างลุงมิ่ง...เอาไปขายได้พันกว่าๆ...พ่อให้จันทร์หมดเลยนะ”
“พ่อเก็บไว้บ้างเถอะค่ะ หรือถ้าจะให้...ให้น้องคิงดีกว่า...ตอนนี้ไปดื้ออยู่ไหนแล้วเนี่ย”
“ม่าย...คิงไม่ได้ดื้อ คิงกำลังตอกไข่เตรียมข้าวเย็นให้คุณตาต่างหาก”
เสียงเด็กชายร้องค้านขึ้น ทรงจันทร์ยิ้มละไมพลางหันไปอ้าแขนรับเด็กน้อยที่เดินโผเข้ามาหา เด็กคนนี้คือเหตุผลหนึ่งที่ผลักดันให้เธอละทิ้งความวุ่นวายในกรุงเทพฯ มาใช้ชีวิตที่บ้าน เพราะเธอจะได้ใช้ชีวิตกับเขา...ลูกชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอ...ซึ่งตอนนี้อายุได้หกปีแล้ว
หญิงสาวจูบแก้มลูกชาย เธอสบตาเด็กน้อย ดวงตากลมสะบัดปลายเรียวเหมือนตาหงส์ ดวงตาที่เหมือนกับเขาคนนั้น
มันคือความพลาดพลั้งครั้งหนึ่งในช่วงชีวิต งานปาร์ตี้ริมทะเลวันนั้น ทรงจันทร์ดื่มน้ำสีอำพันที่เธอไม่เคยรู้จักไปเพียงครึ่งแก้ว แต่มันก็ทำให้เธอครองสติไม่ค่อยได้จึงขอกลับห้องพักไปก่อน ระหว่างทางเธอได้พบไอราพัท ซึ่งเขาก็กำลังเมาอยู่เช่นกัน แต่เธอเห็นว่าตัวเองยังพอไหวจึงอาสาหิ้วปีกเขาไปส่งที่ห้อง ทั้งที่ชายหนุ่มก็ตัวสูงกว่าเธอมาก
ทรงจันทร์ตั้งใจว่าพอส่งเขาที่ประตูห้องก็จะกลับ แต่พอถูกร่างสูงหยุดยั้งด้วยมือที่กักขังเธอไว้กับผนัง เธอก็ยอมให้เขาช่วงชิงจูบแรกของเธอไปโดยดี
บทที่ 4
หญิงสาวไม่ขัดขืนเลยเมื่อถูกรุนร่างพาเข้าไปในห้อง เธอลืมเส้นพรมแดนความเป็นเพื่อนเมื่ออุณหภูมิภายในห้องไต่สูงขึ้นจนเกินระงับ แม้ว่านั่นจะเป็นค่ำคืนอันเป็นที่สุดครั้งแรกในชีวิต แต่เธอก็ข้ามผ่านความเจ็บปวดจนได้เสพสมความหฤหรรษ์หลายครั้งหลายคราว เพราะจิตใจลึกๆ ของทรงจันทร์ก็ไม่ปฏิเสธเขาเช่นกัน
หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อนในตอนเช้า เธอรีบแต่งตัวและหารถออกจากรีสอร์ท ทรงจันทร์ตัดช่องทางการสื่อสารกับไอราพัท เพราะเมื่อสติมาปัญญาเกิดแล้ว เธอก็ยอมรับว่าสิ่งที่ทำลงไปในคืนนั้นมันไม่ค่อยถูกต้องเช่นกัน
ไม่กี่เดือนต่อมา ทรงจันทร์ก็ตระหนักว่าเธอกำลังตั้งท้อง หน้าที่การงานของเธอเพิ่งเริ่มต้น และเธอไม่กล้าบอกให้ใครรู้ เพราะคนวัยหนุ่มสาวที่ลงเล่นในเกมปรารถนาล้วนรู้จักวิธีป้องกันอย่างดี แต่เธอกลับพลาดเรื่องง่ายๆ แบบนี้
ทรงจันทร์กลับมากราบเท้าพ่อของตนและสารภาพเรื่องราวทั้งหมด พ่อไม่ว่าอะไรเธอเลยและยินดีที่เธอมีความคิดจะเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ หญิงสาวจึงลาออกจากงานแรกในชีวิตเมื่ออายุครรภ์เริ่มมากขึ้น พอคลอดลูกชายเธอก็ตั้งชื่อว่า ‘ครองศีล’ หรือน้องคิง และฝากให้พ่อดูแล
พ่อและลูกชายคนเดียวผลักดันให้แม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอต้องหางานทำในกรุงเทพฯ อย่างไม่ย่อท้อ ทรงจันทร์ทำงานหนักได้ ขอเพียงให้พ่อและลูกชายของเธอมีชีวิตที่ดีก็พอ
มาถึงตอนนี้ มุมอับของชีวิตก็บังคับให้เธอรับงานแม่บ้าน อย่างน้อยก็มีเงินหมื่นเอาไปใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็น แต่ทรงจันทร์ไม่คาดคิดเลยว่านายจ้างในบ้านหลังนั้นจะเป็นไอราพัท
ประมาณเจ็ดปีที่ไม่ได้เจอกัน หญิงสาวยังติดตามข่าวของเขาเสมอ แต่เธอไม่ทราบเรื่องที่เขาประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา แสดงว่าทางครอบครัวของไอราพัทคงพยายามปิดข่าวนี้เอาไว้
“แม่จันทร์เจ้า...วันนี้เหนื่อยไหมครับ”
เด็กชายส่งเสียงถาม แค่ได้ยินเสียงลูก...เธอก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แม้ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาทรงจันทร์จะปล่อยให้ครองศีลอยู่ในการดูแลของคุณตาเป็นหลัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพ่อของเธออบรมบ่มเพาะเด็กชายได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะในเรื่องกิริยามารยาทที่งดงาม
