บทที่ 5
คืนนั้น ภาคิน กลับมารับฉัน
เขายืนยันให้เราขึ้นเรือล่วงหน้า จะได้ไม่วุ่นวายในวันจริง
แต่พอประตูรถเปิด—
พิญาดานั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับแล้ว
“พี่สะใภ้ หนูเมารถอ่ะ พี่ไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
เธอยิ้มหวานซึ่งๆ หน้า
ฉันขมวดคิ้วไม่พูดสักคำ เดินไปนั่งเบาะหลังอย่างสงบ
ภาคิน ก็ขัดใจอยู่บ้าง แต่ไม่ห้ามอะไร
ตลอดทาง มือของ พิญาดาก็ “บังเอิญ” วางบนต้นขาเขาตลอด
บางทีไต่สูงขึ้นไปจนถึงโคนขา
ฉันทำเป็นไม่เห็น…แต่เล็บจิกฝ่ามือจนเกือบเลือดออก
เรือสำราญสว่างเหมือนปราสาทกลางทะเล
ท่าเรือทั้งท่าส่องประกายเพราะมันเพียงลำเดียว
“เชิญครับ เลดี้ก่อน”
ภาคินยื่นมือมาประคองฉันขึ้นบันไดเรือ รอยยิ้มเขาไร้ที่ติ ราวกับเป็นสุภาพบุรุษตัวอย่าง
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันแตะมือเขาแค่เสี้ยววินาที แล้วดึงกลับทันที
แม้เป็นกลางคืน ผู้สื่อข่าวก็ยังล้อมแน่น
“คุณวรภพศักดิ์ชัยบอกใบ้เรื่องงานแต่งหน่อยได้ไหม”
“พรุ่งนี้เที่ยง ทุกคนจะรู้ครับ”
ภาคินโอบไหล่ฉัน “อีกไม่นานเธอจะเป็น แอนนา วรภพศักดิ์ชัย แล้ว”
ฉันหันยิ้มให้กล้อง “เป็นเกียรติมากค่ะ”
บนดาดฟ้า เสียงดนตรีไหลรื่น แชมเปญถูกเสิร์ฟไม่ขาด
พลุสีชมพูระเบิดเป็นดอกกุหลาบบนขอบฟ้า
“ชอบไหม?”
ภาคินก้มลงมาให้เราสบตากันระดับเดียว
“สวยมากค่ะ”
ฉันกระซิบใกล้หูเขา
“แต่ลมรุนแรงนิดหน่อย”
“เดี๋ยวผมห่มให้”
เขาคลุมเสื้อสูทบนไหล่ฉัน
ปลายนิ้วแตะอยู่ช้าเกินจำเป็น
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้”
ฉันบอกว่าอยากขึ้นไปดูวิวชั้นบน
เขาก็ยิ้มเหมือนคนใจดีที่สุดในโลก
“ไปเถอะ เดี๋ยวผมตามขึ้นไป สองนาที”
ฉันใส่ส้นสูงสีชมพู เดินทีละก้าวขึ้นสู่ดาดฟ้าชั้นบน
ไม่นาน เสียงก้าวเท้าอีกคู่ก็ตามมา
ภาคินดึงเสื้อคลุมฉันให้แน่นขึ้น
“เดินระวังนะ ตาเธอยังไม่ดี”
“แค่อยากมองทะเล”
ฉันมองเกลียวคลื่นสีเงินดำ“กลัวฉันตกเหรอ”
“ผมกลัวเสียเธอไปมากกว่า”
เขายิ้ม—สายตาอ่อนโยนจนคนไม่รู้เรื่องต้องละลาย
ฉันก็ยิ้มๆ
ภาคิน… คุณเสียฉันไปนานแล้ว—แค่คุณยังไม่รู้
ลมเย็นพัดสวนมา ฉันเซเล็กน้อยก่อนคว้าราวเรือไว้ แล้วหรี่ตามองไปยังความมืดเบื้องหน้า
—
พอถึงวันถัดมา ฉันเพิ่งก้าวออกไป นักข่าวก็กรูกันเข้ามาล้อมไว้ทันที
“มองกล้องนี้หน่อยครับ!”
“คู่บ่าวสาวตรงนี้!”
“จูบกันหน่อย!”
แฟลชสว่างจนแทบตาพร่า
ภาคินโอบเอวฉัน ยิ้มแบบหล่อไร้ที่ติ
เสียงชนแก้วดังทั่วดาดฟ้า พลุสีชมพูระเบิดเป็นพุ่มดอกกุหลาบบนท้องฟ้า
“เหนื่อยไหม”
เขากระซิบข้างหู
“เดี๋ยวอีกแป๊บ กลับห้องได้แล้ว”
“ฉันยังไหวค่ะ”
“พี่สะใภ้~”
พิญาดาเดินมาด้วยท่าลอยๆ
ยิ้มหวานเหมือนอยากให้ฉันอาเจียน
มือเธอแตะแนวปกเสื้อภาคิน
“วันนี้พี่ดูดีจังเลยค่ะ”
แขกหลายคนหัวเราะอย่างรู้ทัน
“พี่น้องสนิทกันดีนะ”
“อบอุ่นเชียว ครอบครัวนี้”
“พิญาดา”
ภาคินจับมือเธอไว้
เสียงเขานุ่ม แต่เป็นคำสั่ง“ไปดูแลสื่อฝั่งโน้นที”
“ได้ค่ะ พี่ชาย”
เธอหันมายักคิ้วใส่ฉัน
“ขอยืมไปแป๊บหนึ่งนะคะ พี่สะใภ้ ไม่ว่ากันเนอะ”
ฉันยกแก้วยิ้ม “ตามสบายค่ะ แต่อย่าทำให้เขาเหนื่อยมากก็แล้วกัน”
“คุณวรภพศักดิ์ชัย เชิญทางนี้ครับ!”
ภาคินบีบมือฉัน“เดี๋ยวผมกลับมาเร็วๆ นะ”
“ค่ะ ไปเถอะ”
ฉันปล่อยมือเขาเอง
ฉันถอยไปพิงราวเรือ ลมทะเลยกชายกระโปรงให้พลิ้วเหมือนคลื่น
มีสาวไฮโซข้างๆ หันมายิ้ม“คุณนี่โชคดีจัง มีผู้ชายรักเดียวใจเดียวแบบนี้”
“ค่ะ…”
ฉันพยักหน้า แต่สายตากลับมองผ่านเธอไปไกลกว่านั้น
พิญาดากำลังจัดเนกไทให้ภาคิน
ริมฝีปากเธอเฉียดลูกกระเดือกเขาพอดี
“พี่คะ เราซ้อมขั้นตอนกันอีกทีไหม” เธอยิ้มหวาน
“อย่าซน”
เขาจับมือเธอ—แต่ไม่ถอยห่างเลย
ฉันหันกลับไปมองทะเล
ปล่อยลมหายใจช้าๆ
ตัวตนเก่าของฉันจะถูกฝังทิ้งไว้ที่นี่ ส่วนตัวฉันคนใหม่…จะเริ่มต้นจากตรงนี้
ฉันติดต่างหู ปลายนิ้วยังสั่นไม่หยุด
ลมยิ่งเย็นจัด ราวกับคมมีดแทรกผ่านช่องว่างของชุดราตรีเข้ามา
เวลา 11:57
แสงอาทิตย์ตกกระทบผิวน้ำเป็นประกายเงินนับหมื่น
ซุ้มประตูสีขาวบนดาดฟ้าประดับด้วยกุหลาบสีชมพูเต็มไปหมด กล้องวิดีโอตั้งเรียงกันเป็นแถว ราวกับทหารยืนประจำตำแหน่ง
พิธีกรยิ้มกว้าง“สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ยินดีต้อนรับเข้าสู่พิธีวิวาห์ของ ภาคิน วรภพศักดิ์ชัย และแอนนา เดชากรินทร์!”
เสียงปรบมือดังลั่น
คอมเมนต์ในไลฟ์สดทะลักขึ้นรัวๆ
เวลา11:59
เขายืนอยู่ใต้ซุ้มประตู มือถือช่อดอกลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์ ดวงตาร้อนแรง “ผมรอคุณอยู่”
พิญาดายืนอยู่ไม่ไกล ริมฝีปากสีแดงยิ้มขึ้น ทำเป็นเหมือนเป็นแขกธรรมดา
หลังเวที ฉันติดอินเอียร์
เสียงผู้หญิงปลายสายดังชัดเจน
“เริ่มนับถอยหลังค่ะ 10…9…8…”
หัวใจฉันเต้นตามจังหวะ
“7…6…5…”
พิธีกรทำตามที่ฉันสั่งไว้ทุกคำ
“ตามคำขอของเจ้าสาว—ก่อนเธอจะเดินเข้าสู่พิธี เรามีของขวัญพิเศษให้เจ้าบ่าว ขอเชิญชมบนหน้าจอครับ!”
