7 ก้าวใหม่
กำหนดการนำเสนอไอเดียของสุนทรีก็ได้มาถึงในสัปดาห์ต่อมา เธอตั้งใจเตรียมทุกอย่างเพื่อให้ผลงานชิ้นนี้ออกมาถูกใจลูกค้ามากที่สุด
นี่มันคือก้าวใหม่ของชีวิต ที่เธอตั้งใจว่าจะให้มันเป็นก้าวใหม่จริงๆ เป็นก้าวที่เธอสามารถควบคุมมันได้...ด้วยตัวของเธอเอง
และแน่นอนว่า นับตั้งแต่วันนั้น...เธอก็ไม่ได้รับข้อความใดๆ จาก ‘เขา’ และก็ไม่ได้ส่งอะไรไปอีก ฝ่ายนั้นให้เลขาเป็นคนติดต่อประสานทุกอย่างมาแทนให้ ราวกับความต้องการของเขามีเพียงแค่...ขอให้เธอปลดบล็อกตัวเองเพียงเท่านั้น
ความรู้สึกนี้ ย้ำวนเข้ามาในหัวของคนที่พยายามบอกกับตัวเองให้ไปข้างหน้า ทำยังไงก็ได้ให้ไปข้างหน้า...
‘อย่ามาตายตรงนี้...ถ้าจะตายก็ไปตายข้างหน้า อย่ามาตายตรงนี้’ เธอพูดประโยคนี้ออกมาได้ในวันหนึ่ง หลังจากที่มีวูบหนึ่งที่เผลอคิดไปถึงเขา เผลอชะงักการยกเวทเทรนนิ่ง...เพียงเพราะภาพของเขาวนเข้ามา
หญิงสาวรีบส่ายหน้า...เลื่อนหน้าจอไอแพดดูผลงานที่เตรียมมา เชิงเรียกสติให้กับตัวเอง
เธอตระหนักได้แล้วว่า จุดอ่อนที่สุดของผู้หญิง มันก็คือ ‘ความรู้สึกรัก’ ความรักมันสวยงามแหละ แต่มันช่างกัดกร่อน เข้าควบคุมและทำให้สูญเสียความเป็นตัวเองได้ง่ายๆ
พอได้มาอยู่ในจุดที่ไม่แคร์ว่าจะมีแฟนหรือไม่แล้ว จะมีเนื้อคู่หรือไม่แล้ว ทำให้เธอเข้าใจ...และควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอไผลได้ง่ายขึ้น
ถึงมันจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นก็เถอะ
“ว่ามาได้เลยนะครับ” สำเนียงภาษาอังกฤษที่เหมือนเจ้าของภาษามาเองของคนที่มาถึงได้สักพักเอ่ยขึ้น ในมือของเขามีข้อมูลที่เธอได้ส่งให้ สุนทรีมานำเสนอครั้งนี้กับผู้ช่วยของปาหนัน เพราะรายนั้นติดคุยกับลูกค้ารายใหญ่
ทีท่านิ่งขรึม สนใจแต่กับงานตรงหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง ทำเอาหญิงสาวแอบรู้สึกประหลาด
ความชื่นชมที่มีต่อตัวเขา อาจจะเป็นความรู้สึกเดียวแล้ว ที่ลบออกไปจากใจได้ยากเสียเหลือเกิน...
แต่ก็ไม่เป็นไร คนปกติก็ชื่นชมกันได้ เธอชื่นชมเขาในฐานะคนทำงานเก่งคนหนึ่งก็เท่านั้น เท่านั้นจริงๆ
“ผมว่าส่วนนี้น่าสนใจ แต่การปรับสินค้าอาจจะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตที่ค่อนข้างชัดเจน เพราะบางอย่างพูดได้ แต่ทำจริงๆ ไม่ได้ ก็มีเยอะ ซึ่งแน่นอนว่า มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร” ข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ หลังจากที่เธอได้นำเสนอจบไป ทำเอาสุนทรีรีบพยักหน้าและจดรายละเอียดลงในสมุดที่เตรียมมาทันที
ภาสกรเก่งขนาดที่มองทุกอย่างขาดไปหมด
เขาหันมาสบตากับเธอเล็กน้อย ด้วยแววเรียบเฉย ไม่มีอะไรติดค้าง หรือความรู้สึกใดๆ ผุดขึ้น
“ขอบคุณค่ะ พอดีว่าดิฉันเองก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการผลิตสินค้ามาก่อนเลย แต่ก็ไปศึกษาและทำการบ้านมาก่อนบ้างแล้วนะคะ แต่รู้แค่ทฤษฎีเท่านั้น...” ชายหนุ่มพยักหน้าเชิงรับฟัง ก่อนมองไปยังหน้าจอที่เธอกดเลื่อนการร่างนำเสนอ
“อืม...ใช้ได้เลยนะครับ” เขาชมออกมาจากใจจริง ไม่ใช่แค่อยากจะให้กำลังใจและไม่เคยคิดที่จะมีอคติหรือเอาความรู้สึกส่วนตัวมาเจือปน
“ผมชอบนะ คุณนี่เก่งมากๆ เลย” ลูกค้าชาวต่างชาติที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด ปรบมือให้เชิงชื่นชม
“ดีใจที่ชอบนะคะ แต่ดิฉันมีไอเดียเพิ่มเติมสำรองแถมไว้ให้อีกด้วยค่ะ” ว่าอย่างกระตือรือร้นและกดเลื่อนข้อมูลต่อไป คนที่ไม่เคยเห็นเธอในมุมนี้มาก่อน แอบพึงพอใจอยู่ลึกๆ
ภาพผู้หญิงที่มัวแต่ทุ่มเทให้กับความรัก ให้กับผู้ชายที่เธอรักด้วยความสัตย์ซื่อ เทียบไม่ได้กับความหลงใหลให้กับงานตรงหน้าอย่างตอนนี้เลย
“ผมซื้อโปรเจคนี้ครับ” หนุ่มสูงวัยผมสีทองกล่าวสรุปด้วยความพึงพอใจ สุนทรียิ้มกว้างปลื้มใจจนแก้มใสแดงปลั่ง แววตาฉายความเปล่งประกายของเธอ ทำให้ห้องนี้ทั้งห้องดูเจิดจ้าสว่างไสว
การที่ลูกค้าซื้อไอเดียเพิ่ม...จากการขอมาเป็นส่วนหนึ่งของห้างออนไลน์ ทำให้โอกาสในการเติบโตของเธอก้าวขึ้นไปอีกขั้น
Passakorn: หลังจากที่ลูกค้าซื้อไอเดียนี้แล้ว พร้อมที่จะให้คำปรึกษาหลังการขายตลอดด้วยรึเปล่า
อยู่ๆ เขาก็ส่งข้อความมาหา คนที่มัวแต่ดีใจ...เหลือบมองการแจ้งเตือนนั้นด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนเหลือบสายตามองไปยังเขา ที่มองอยู่ก่อนพอดี
Passakorn: ถ้าสนใจ ขอคุยด้วยเป็นการส่วนตัวหน่อย
ไอ้เรื่องสนใจเธอก็สนใจ...แน่อยู่แล้วล่ะ
แต่ไอ้เรื่องคุยเป็นการส่วนตัวนี่ เธอไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
นี่มันเป็นโอกาสอีกโอกาสหนึ่งในชีวิตการทำงานของแกเลยนะ จะลังเลอะไรอยู่ล่ะ
เสียงในหัวย้ำเตือนดังขึ้นมา..จนเธอรีบกดส่งข้อความตอบตกลงไปและบอกลาผู้ช่วยของปาหนันเพื่อแยกย้าย เพราะช่วงบ่ายเธอไม่ต้องเข้าไปบริษัทแล้ว
สุนทรีก้าวออกมาจากห้องประชุมชั่วคราวของร้านกาแฟขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่ดูหรูหราและราคาไม่ได้ย่อมเยาเลยนั้น เป็นคนสุดท้าย
เพราะมัวแต่ลืมนั่นลืมนี่ พยายามปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ประหม่า กับการที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ แบบสองต่อสอง
มันก็แค่เรื่องงานน่า
“ลืมอะไรอีกไหม” สุ้มเสียงของคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูเอ่ยขึ้น จนคนที่กุลีกุจอวิ่งออกมาถึงกับชะงัก ใจหายวาบ ก่อนจะเต้นรัวแรงขึ้น แบบมิอาจควบคุมได้
“ไม่แล้วค่ะ” เธอตอบเสียงเข้ม เป็นทางการและเชิดใบหน้าขึ้น จนเขาต้องระบายยิ้ม
“ทำตัวสบายๆ ไม่ได้จะพาไปคุยเรื่องซีเรียสขนาดนั้น” หญิงสาวที่ศีรษะสูงแค่ระดับเลยหัวไหล่เขามานิดหน่อย แม้จะสวมส้นสูง 1 นิ้วมาด้วยก็ตาม ย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
“พาไปคุย? ไม่ได้หมายความว่าจะคุยกันตรงนี้เหรอคะ?”
“พี่หิวข้าว อยากจะไปหาอะไรทานก่อน” คำเรียกแทนที่เขาเอ่ยออกมานั้น ทำเอาร่างสมส่วนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายอย่างหนัก เย็นวาบขึ้นมา
“แต่ดิฉัน...” รีบแย้งขึ้น
“รีบไปเถอะ กองทัพมันต้องเดินด้วยท้อง...” เขาไม่ได้ให้โอกาสเธอได้พูดต่อ ตวัดสายตาที่เคยเป็นฝ่ายควบคุมไปยังเธอที่มองมาด้วยความไม่พึงพอใจเท่าไหร่นัก
“งั้นคุณก็ไปทานข้าวให้เสร็จก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกันหลังจากนั้น ดีไหมคะ” สองเท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าชะงักลง ค่อยๆ หันกลับมามองเธออีกครั้ง
“ผู้หญิงในห้องประชุมคนเมื่อสักครู่หายไปไหนซะละ” คำพูดของเขา ทำเอาเธอกะพริบตาเชิงไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
“ผู้หญิงที่สนใจแต่การทำงานตรงหน้า มีความหลงใหล มีเป้าหมายและรู้ว่าตัวเองทำไปเพื่ออะไร แบบไม่ประหม่าเลยสักนิด แถมยังส่งยิ้มสดใสออกมาตลอดเวลา...หายไปไหนซะละ” คำกล่าวยืดยาวที่ออกมาจากคนปากหนัก ทำเอาเธออึ้งไปชั่วขณะ
“มีเรื่องอะไรให้กลัวรึเปล่า?” และคนฉลาดอย่างเขา ก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายพูดถึงเรื่องเก่าๆ ก่อน
นั่นมันทำให้หญิงสาวตระหนักได้ว่า เขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยสักนิด
“เปล่าค่ะ เพียงแต่ดิฉันมีนัดทานข้าวกับเพื่อนไว้น่ะค่ะ...แต่เดี๋ยวจะยกเลิกไปก่อน ทานข้าวไป คุยงานไปก็ไม่เสียเวลาดีนะคะ” แล้วเธอก็เชิดใบหน้าขึ้น เดินก้าวนำเขาไปแบบมั่นใจทันที
คนส่ายหน้าตามหลัง เดินตามไปด้วยความไม่รีบร้อน เขาชอบล่ะชอบเธอเวอร์ชันนี้เสียจริงๆ
“อร่อยดีเนอะ...อยากจะสั่งอะไรเพิ่มอีกรึเปล่า” หลังจากที่นั่งรับประทานด้วยกันมาสักพัก ก็มีการพูดคุยเรื่องงานทั่วไป โดยที่ไม่มีใครยอมเข้าเรื่องราวเก่าๆ
“พอแล้วค่ะ อิ่มแล้ว”
“เข้าเรื่องงานกันสักทีเถอะค่ะ” เธอว่าหลังจากรวบช้อนและยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มเรียบร้อย
คนที่ยังมัวแต่รับประทานอาหารตรงหน้า ราวกับเอร็ดอร่อยนักหนา ไม่ยอมเอ่ยตอบรับอะไร ราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด
“คุณภาสกรคะ...”
“พี่พุธ เรียกพี่พุธเหมือนเดิมเถอะ” คำว่า ‘เหมือนเดิมเถอะ’ ทำเอาแววตาอึดอัดสะดุด
เขายอมพูดมันออกมาก่อนอย่างนั้นเหรอ?
“ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว” และเธอก็ยอมพูดมันออกมาบ้าง ด้วยแววตาหวั่นไหว...ที่ดูมุ่งมั่นและชัดเจน จนแววตานิ่งสะท้านตาม
“อะไรบ้างล่ะ ที่ไม่เหมือนเดิม” คนนึกสนุกว่าขึ้น จนแววตาเขม็งมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ คนอย่างภาสกรน่ะหรือที่จะมาเล่นลิ้นให้ได้เห็นกันง่ายๆ
