1 เจ้าสาวตัวแทน
เหนือนที รพีสุวิวัฒน์ก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่โชคดีเกิดมาหน้าตาดี รูปร่างเพอร์เฟคเหมือนเป็นลูกรักเทพเจ้า แถมยังมีพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจเฟรนไชส์ไก่ทอดที่ขายไปทั่วประเทศ น้อยคนที่จะส่ายหน้าบอกว่าไม่เคยได้ลองชิมรพีไก่ทอดที่วางขายอยู่ทุกหนทุกแห่งมานับสิบปี ขายดิบขายดีจนเจ้าของนั้นเหลือกินเหลือใช้ ก็ใช่เขารวยแต่ก็ไม่ได้รวยอะไรมากมาย ก็ใช่เขาหล่อ…แต่หล่อมันกินไม่ได้ เพราะนิสัยของเขามันเหลือจะทน เขาทั้งหยิ่งยโส ปากหมาไม่รับประทานแถมยังมั่นหน้ามั่นโหนกเสียเหลือเกิน ที่สำคัญคือได้ยินว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ ถึงจะหยิ่งแต่ก็กินไม่ค่อยเลือก เหมือนไม่ง่ายแต่ก็ได้ไม่ยาก
บรรดาเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่พากันออกมารีวิวว่าของเขาดียังไง เดี๋ยวว่าแซ่บ เดี๋ยวเด็ดสะระตี่ บ้างก็ว่าเวลาถูกเขาลากขึ้นเตียงล่ะแหม…ฟินจนต้องครางเสียงแหบเสียงแห้ง แต่พอเขามีแฟนข่าวความคาวก็หายเงียบ ได้ยินว่าถึงจะเป็นพวกบ้าเซ็กส์มั่วผู้หญิงแต่เหนือนทีเป็นคนรักใครรักจริง พอมีตัวจริงเป็นตัวเป็นตนก็หยุดนิสัยเจ้าชู้ในทันที เห็นว่าผู้หญิงที่สามารถมัดใจเสือผู้หญิงอย่างเหนือนทีได้ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นมิรินทร์ อำพลคุณากร ไฮโซสาวที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนเมืองนอกของเขา ก็อย่างว่า…คนหล่อมักคู่กับคนสวย คนรวยก็ดองกับคนรวย สมน้ำสมเนื้อกันดี…นักธุรกิจแต่งงานกับไฮโซ เกื้อหนุนกันทุกอย่าง
อินทิรา อินทรเกียรติคิดแบบนั้นในตอนที่ได้เห็นการ์ดเชิญงานแต่งงานของเหนือนทีกับมิรินทร์ ตอนอยู่หน้าคนอื่นเธอไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ออกมา แต่พอลับหลังกลับแอบขึ้นห้องมาร้องไห้ อย่างที่บอก…เหนือนทีเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาไม่ได้พิเศษไปกว่าใคร แต่เขาเป็นรักแรกของเธอ รักแรกที่เธอเฝ้ารอ รักวัยเด็กที่เหมือนจะดับสลายเมื่อได้รับการ์ดเชิญ พอได้ยินว่าเขากำลังจะแต่งงานน้ำตาก็ดันไหล
ไอ้พี่เหนือกับยัยอิงค์อ้วนขี้มูกเปียกเป็นคู่กัดกันมาตั้งแต่เด็ก คนพี่นั้นก็เป็นแค่คนขี้แกล้งที่เห็นเด็กอ้วนแล้วชอบแกล้งให้ร้องไห้ พอน้องร้องไห้ก็ล้อเลียนเรียกน้องว่ายัยขี้มูกเปียกบ้าง ยัยอิงค์อ้วนบ้าง แต่พอน้องร้องไห้ไม่ยอมหยุดก็จะรีบเข้ามาโอ๋ เข้ามากอดแล้วเอาไอติมยัดปาก อีน้องมันก็ใสซื่อพอเขากอดก็หยุดร้อง พอได้กินไอติมก็ดีใจ เด็กสองทั้งสองเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงอยู่ที่จันทบุรี พ่อแม่สนิทสนมกันดีมีอะไรก็แบ่งปันกันมาตลอด แต่พอธุรกิจรพีไก่ทอด เติบโตจนต้องขยายกิจการ ต้นคิดกับทิพย์นารีก็พาลูกชายย้ายจากบ้านหลังขนาดกลางที่จันท์ไปอยู่บ้านหลังใหญ่ที่กรุงเทพ นับแต่นั้นยัยขี้มูกเปียกก็ไม่ได้เจอหน้าไอ้พี่เหนืออีก ได้แต่แอบส่องเขาตามโซเชียล ได้รับรู้เรื่องราวในชีวิตของเขาผ่านคำบอกเล่าของคนอื่น
แม้ไม่ได้อยากแต่ก็ต้องมาเพราะต้องขับรถจากจันท์พาแม่กับย่ามาร่วมงานแต่งงานสุดหรูหราอลังการงานสร้างที่กรุงเทพ งานแต่งงานจัดที่โรงแรมในเมือง คนที่มาร่วมงานก็มีมากหน้าหลายตา จากในวงสังคมไฮโซ พวกนักธุรกิจ แถมยังมีดารากับนักการเมือง มองไปมองมาอินทิราเริ่มคิดว่านี่มันงานสภากาชาดหรืองานแต่งงานกันแน่
“ได้ยินว่าแฟนของเหนือเขาเป็นลูกหลานคนมีเงิน เป็นพวกไฮโซในกรุงเทพ ตอนแรกก็คิดว่ารวย…แต่ดูจากงานแต่งแล้วนี่มันเศรษฐีชัด ๆ” นวลจันทร์พูดกับแม่สามีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ในงานแต่งงานแสนหรูหรา สายตากวาดมองผู้คนที่เดินเข้ามาในงานแม้จะไม่รู้จักแต่ดูจากเครื่องเพชรที่ประโคมใส่กันมาก็เชื่อแล้วว่าบ้านรพีสุวิวัฒน์เติบโตเป็นอย่างมาก จากที่เมื่อก่อนเป็นแค่สองผัวเมียที่กระเตงลูกชายตัวน้อยขับมอเตอร์ไซค์ขายไก่ทอดอยู่ในเมืองจันท์ ตอนนี้กลายเป็นคนสำคัญไปแล้ว
“ถ้าตอนนั้นแม่รู้ว่าต้นคิดจะพาลูกพาเมียมาได้ไกลถึงจุดนี้ แม่คงคิดดอกเบี้ยสักหน่อย” พิสมัยเจ้าของสวนอินทร สวนผลไม้ใหญ่ของเมืองจันท์ ที่เขาล่ำลือกันว่าเป็นเศรษฐีตัวจริงไม่อิงนิยาย หากแต่ไม่เคยใส่เพชรใส่ทองมาอวดความมากมีของตัวเอง เอ่ยถามกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงติดตลก ยังจำได้แม่นว่าพ่อของเหนือนทีเคยสัญญาอะไรเอาไว้ในตอนที่เข้ามาขอยืมเงินสิบห้าล้านไปขยายธุรกิจไก่ทอดเมื่อสิบห้าปีก่อน “ขอดอกเบี้ยตอนนี้ยังทันไหมนะ?”
“แม่ก็พูดไปนั่น…” ลูกสะใภ้ยกยิ้มให้แม่ผัว ก่อนจะหันมองอินทิราที่นั่งก้มหน้าสไลด์หน้าจอโทรศัพท์มือถือ “ขับรถมาตั้งแต่เช้า เหนื่อยจนไม่พูดไม่จาเลยเหรออิงค์”
“ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นหรอกจ่ะแม่ อิงค์ก็แค่เบื่อ ๆ นี่มันเลยเวลาเริ่มงานมาพักใหญ่แล้วไม่ใช่เหรอทำไมเจ้าบ่าวเจ้าสาวเขายังไม่มากันอีก?” จะว่าไปก็แปลก ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในงานอินทิรายังไม่เห็นแม้แต่เงาของคู่บ่าวสาวเลย
“นั่นสิ…สงสัยพิธีคนกรุงเทพจะไม่เหมือนกับพิธีบ้านเราล่ะมั้ง”
“จะคนกรุงเทพหรือคนจันทร์ พิธีก็เหมือนกันหมดนั่นล่ะ คงมีเรื่องขัดข้องอะไรสักอย่าง บ่าวสาวถึงไม่ออกมารับแขก ว่าแต่เหนือเขาอายุเท่าไหร่แล้วนะ แม่ไม่ได้เจอนานก็ลืม ๆ”
“เหนือแก่กว่าอิงค์สามปี ปีนี้ก็น่าจะสามสิบได้แล้วล่ะแม่”
“แบบนี้ก็แสดงว่าอิงค์ยี่สิบเจ็ดแล้วล่ะสิ” พิสมัยแกล้งพูด ส่งสายตาชำเลืองมองหลานสาวคนเดียวที่ยังคงเล่นโทรศัพท์มือถือไม่ยอมวาง “ยี่สิบเจ็ดแล้วแต่ก็ยังหาแฟนไม่ได้ แล้วแบบนี้จะได้แต่งเมื่อไหร่?”
“อิงค์ได้ยินนะย่า” อินทิราพูดกับย่าทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เธอคนนี้ก็แปลกคน ถึงเมื่อก่อนจะอ้วนตุ๊ต๊ะแต่พอโตเป็นสาวขึ้นมากลับสวยสะพรั่ง ตาโตกลมประดับด้วยขนตางอน ปากอวบอิ่มทว่าเล็กนิดเดียว จมูกก็น่ารักน่าจูบ ไม่รู้ไขมันตอนเด็กหายไปอยู่ที่ไหนหมด ยิ่งโตก็ยิ่งเพรียว ยิ่งขาวทั้ง ๆ ที่เดินตากแดดอยู่กลางสวน เธอสวย…พูดได้เต็มปากว่าสวยแบบที่เลื่องชื่อไปทั้งเมืองจันท์ แต่กลับไม่คิดอยากจะหาแฟน ไม่รู้เป็นเพราะยังไม่เจอคนที่ถูกใจหรือเพราะยังจ้องจะรักแค่พี่เหนือคนนั้น
อุตส่าห์ไปเรียนปริญญากราฟิก ดีไซน์ไกลถึงญี่ปุ่น แต่สุดท้ายก็กลับมานั่งนับมังคุด นับทุเรียนอยู่ที่สวน กลับมาเที่ยวเล่นกับเพื่อนตอนเด็ก ทั้งแม่ทั้งย่าไล่ให้ไปหางานทำอยู่กรุงเทพก็ไม่ยอมไป หลอกล่อด้วยรถกับคอนโดมิเนียมแล้วก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าเด็กติดบ้าน
“ได้ยินแล้วก็หัดคิดตามบ้างสิ ย่าน่ะแก่ลงทุกวันแล้วนะ ย่าอยากใส่ชุดผ้าไหมไปงานแต่งงานอิงค์” ได้ทีพิสมัยก็หาเรื่องบ่นหลานสาวคนเดียว
“ก็นี่ไง ย่าจะได้ใส่ชุดผ้าไหมมางานแต่งงานไอ้พี่เหนือแล้ว”
“อิงค์ ทำไมเรียกพี่เขาแบบนั้นล่ะลูก?” นวลจันทร์ทำเสียงต่ำ หันมองลูกสาวเป็นเชิงว่าเธอทำตัวไม่น่ารัก
“ก็แล้วจะให้อิงค์เรียกว่าอะไร…คุณพี่เหนืองี้เหรอ? ก็ใช่สิ…เขาเป็นพวกไฮโซไปแล้วนี่ เดี๋ยวนี้หันไปทางไหนก็เห็นแต่รพีไก่ทอด รายได้ตกเดือนละหลายสิบล้าน ได้ไปออกรายการโน้นรายการนี้ แถมยังมีเมียเป็นไฮโซอีกต่างหาก” อินทิราประชดประชันอย่างออกรสออกชาติ ก็เธอตามส่องความเคลื่อนไหวเขาอยู่ตลอด ไม่แปลกเลยที่รู้เรื่องเขาเป็นอย่างดี ก็แอบรักแอบชอบเขามาตั้งแต่เด็ก ถึงเขาจะชอบแกล้งชอบว่าก็เถอะ แล้วไหนใครว่าผู้ชายแกล้งแปลว่าผู้ชายชอบไง ไอ้พี่เหนือแกล้งเธออยู่ทุกวัน แกล้งมาตั้งแต่เด็กจนเข้ามัธยมต้น ไหงอยู่ดี ๆ ไปแต่งงานซะได้ล่ะ? ทฤษฎีนี้มันห่วยแตกฉิบเป๋ง!
“พอเลย ทำไมชอบกระแนะกระแหนพี่เขานัก ลับหลังเขาก็ยังไม่เว้น นี่ขนาดไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีก็ยังไม่วายจะแขวะเขา”
“อึก!” ไม่ทันที่อินทิราจะได้ตอบอะไรคนเป็นแม่ อยู่ ๆ ทิพย์นารีแม่เจ้าบ่าวก็รีบร้องเดินมาหยุดหอบที่โต๊ะของบ้านอินทรเกียรติ “คุณป้าพิส นวล หนูอิงค์ลูก…”
“มีอะไรกันทิพย์ หน้าตาตื่นมาแบบนี้…มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” พิสมัยเริ่มสังหรณ์ใจพิกล ก่อนออกจากบ้านก็บอกตาอ้น ลูกชายคนเดียว พ่อของอินทิราที่จากไปเมื่อเจ็ดปีก่อนว่าขอให้มีแต่เรื่องดี ๆ สงสัยว่าสารจะส่งไปไม่ถึงลูกชาย
“ไปคุยกันที่ห้องแต่งตัวเจ้าสาวนะคะ ทั้งสามคน…ช่วยเดินตามกันออกไปเงียบ ๆ นะ” พูดจบทิพย์นารีก็หันหลังเดินออกไป ทำเอาสามสาวจากสวนอินทรต้องหันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจถึงสถานการณ์
ช่างหน้าช่างผมยืนหน้าเสียอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ชุดเจ้าสาวสีขาวแขวนอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างอยู่ครบขาดอย่างเดียวที่หันมองทางไหนก็หาไม่เจอนั่นคือเจ้าสาว อินทิราลอบสังเกตสถานการณ์ตั้งแต่ที่เดินตามแม่กับย่าเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาว พล็อตนิยายเรื่องหนึ่งชัด ๆ ไม่ได้อยากจะคิดไม่ดี แต่นี่มันเลยเวลางานมาสิบนาทีแล้ว เจ้าสาวยังมาไม่ถึงงานหรือหนีไปกันแน่
“ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่แม่ทิพย์?” พิสมัยรบเร้าถาม
“รบกวนพวกคุณออกไปก่อนได้ไหม?” ทิพย์นารีไล่เหล่าช่างหน้าช่างผมอย่างคนมีมารยา พอสี่สาวเดินออกไปเหลือเพียงคนกันเองทิพย์นารีก็ทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ ยกมือขึ้นกุมขมับ “เจ้าสาวของเหนือเขาหนีไปแล้ว ทิพย์เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง”
“หมายความว่ายังไงคะป้าทิพย์ ที่บอกว่าเจ้าสาวหนีไปแล้ว?” อินทิราถามด้วยความตกใจ
“มิรินทร์แฟนเจ้าเหนือไม่อยากแต่งงาน บินไปต่างประเทศตั้งแต่เมื่อคืน…เจ้าเหนือมันก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เอง ตอนนี้มันเมาหัวทิ่มหัวตำอยู่ที่ห้องแต่งตัวเจ้าบ่าว งานมันเริ่มขึ้นแล้ว…แต่เจ้าสาวหายไปส่วนเจ้าบ่าวก็ไม่เหลือสติแล้ว ป้าไม่มีทางออกอื่นเลยหนูอิงค์ แขกในงานมีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น พวกเขาเตรียมตัวมางานนี้กันไม่น้อย ป้าไม่มีหน้าไปบอกพวกเขาว่างานแต่งงานนี้ถูกล้มเลิก” ทิพย์นารีตาแดงก่ำย้ายมือที่กุมขมับมาปิดปากตัวเอง พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ร้องไห้ออกมา
“ไม่มีทางออกอื่นที่ว่านั้นคืออะไรแม่ทิพย์?” พิสมัยกำสร้อยพระเหลี่ยมทองที่อกแน่น ตาอ้นลูกชายกำลังจะส่งหลานเขยมาให้เธออย่างนั้นหรือ หลังจากที่ขอเรื่องนี้อยู่ห้าปีเต็ม ในที่สุดเธอจะได้มีหลานเขยแล้วใช่หรือไม่?
“คุณป้าพิส นวล…จะเป็นอะไรไหม มันคงจะน่าเกลียดและมองเหมือนเป็นการดูถูกดูแคลน แต่ขอให้เชื่อว่าทิพย์ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลย คือว่า…ทิพย์อยากจะสู่ขอหนูอิงค์ให้มาเป็นเจ้าสาวเจ้าเหนือมันตอนนี้เลย”
“คะ?!” สามสาวจากสวนอินทรทำตาโตอ้าปากหวอ ไม่ช็อกสิแปลก…อยู่ ๆ จะมาสู่ขอกันดื้อ ๆ แบบนี้ก็ได้หรือ?
