บทย่อ
"เมื่อเธอมีค่า…เขากลับมองข้าม เมื่อเธอเดินตาม…เขากลับละเลย แต่เมื่อเธอเข้มแข็งและก้าวไปเองได้ เขากลับหันมาเสียดาย…ในวันที่สายเกินไป"
CHAPTER 1 เรื่องผิดพลาด
อัญญานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง มือเรียวยังกำแน่นกับซองเงินเล็กๆ ที่เธอเพิ่งได้มาจากค่าจ้างงานพิเศษในสัปดาห์นี้ คิดอยู่ว่าจะนำไปฝากหรือนำมาใช้
เสียงประตูไม้เก่าๆ ถูกผลักเข้ามาพร้อมเสียงถอนหายใจหนักของหญิงวัยกลางคน อัญญาหันไปมองแม่ของเธอที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยความเหนื่อยล้ากับดวงตาที่เริ่มแดงก่ำบอกทุกอย่างโดยไม่ต้องเอ่ยปาก
“อัญญาลูกอยู่บ้านเหรอ” วิภามีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ปกติลูกสาวจะอยู่หอพักมากกว่า หรือไม่ก็ออกไปทำงาน
“อืม” เสียงตอบเบาๆ ของอัญญาดังมาจากมุมห้อง เธอยังไม่เงยหน้าขึ้นจากซองเงินในมือ
“แม่ เอ่อ แม่ขอยืมเงินหน่อยนะลูกสักห้าพันก็พอ” แม่เดินเข้ามาใกล้ หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ
“แม่จะเอาไปทำอะไรเหรอคะ” อัญญาถามทั้งที่คำตอบเธอรู้ดีอยู่แล้ว
“ก็ไปต่อลมหายใจนิดหน่อยน่ะลูกเมื่อวานเกือบได้อยู่แล้วเชียวขาดอีกนิดเดียวจริงๆ คราวนี้แม่เห็นทางเลยนะ
มันต้องได้แน่ๆ”
อัญญานิ่งเธอไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พูดด้วยเสียงเรียบ
“แต่หนูก็เพิ่งให้แม่ไปเมื่อสองวันก่อนเองนะคะ แม่ก็พูดแบบนี้…”
“โอ๊ย อีอัญญาอย่ามาทำเป็นพูดประชดกูสิ เอ่อ แม่ก็แค่อยากให้เรามีชีวิตดีขึ้น จะได้ไม่ต้องมานั่งทำงานหนักอย่างที่ลูกทำอยู่ทุกวันไง!”
เมื่อรู้ว่าตัวเองพูดจาไม่ดีเลยรีบเปลี่ยนน้ำเสียง เดี๋ยวนี้ลูกรู้ทันหมดทุกอย่าง
“แต่แม่คิดว่าการเล่นพนันมันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นจริงๆ เหรอคะ?” น้ำเสียงของอัญญาเริ่มสั่นแม้พยายามควบคุมไว้ก็ตาม
วิภาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะยื่นมือมาแตะแขนลูกเบาๆ
“แม่รู้ว่าแม่ไม่ดีแม่พลาดแต่ครั้งนี้แม่รู้จริงๆ นะลูก แม่สัญญาถ้าได้มาแม่จะคืนให้หมดเลย”
อัญญาหลุบตามองซองเงินในมือมันคือเงินที่เธออดหลับอดนอนทำงานพิเศษได้มาทีละเล็กละน้อย แต่สุดท้ายก็เธอยื่นมันให้แม่โดยไม่พูดอะไร
“ขอบใจนะลูกแม่สัญญาเลยนะว่าคราวนี้ต้องได้” วิภารับไปด้วยสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด
อัญญายิ้มจางๆ แต่มุมปากสั่นเล็กน้อยเธอไม่ได้เชื่อในคำสัญญานั้นหรอก แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรอีกเพราะลึกๆ แล้วเธอยังอยากเป็นความหวังเดียวของคนเป็นแม่ แม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม
“แล้วแม่จะออกไปไหนอีก”
“แม่ก็จะออกไปแก้มือนะสิ ขอบใจมากนะลูกรัก”
หากวันไหนเธอไม่มีเงินให้แม่มักจะด่าทอเธอประจำ ตั้งแต่พ่อจากไปบ้านหลังนี้ก็ไม่อบอุ่นอีกเลย
เงินก้อนสุดท้ายที่ต้องเอาไปจ่ายค่าเทอมก่อนที่จะจบการศึกษาเทอมนี้ แต่ตอนนี้ให้แม่ไปบางส่วนไม่รู้ว่าจะหาเงินมาทันหรือไม่ อัญญาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าแม่ไม่เคยถามว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยบ้างไหมที่ต้องหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน
อัญญามีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคนที่คบหากันเป็นเพื่อนตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้ เพื่อนของหญิงสาวเป็นลูกคุณหนูมีเงิน แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้กล้าที่จะรบกวนเรื่องเงินมากขนาดนั้นกับเพื่อน อัญญาแค่อยากให้เพื่อนอย่างนินนี่ช่วยหางานให้ตัวเองทำที่เงินดีก็เท่านั้น
นินนี่มองหน้าเพื่อนที่นั่งหนักใจเล่าความทุกข์ให้เธอฟังอยู่บ่อยครั้ง คนจนก็จนมากคนรวยก็รวยล้นฟ้าเทีบบกันไม่ติดเลย
“แล้วจะทำยังไงต่อ” เธอถามแต่ไม่ได้สนใจเท่าไร
“คงลองหางานพิเศษเพิ่ม”
“ที่ทำอยู่ไม่เรียกว่างานพิเศษหรือไง จนไม่มีเวลานอนอยู่ล่ะ” นินนี่ตำหนิเพื่อนที่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง สนใจแค่ปากท้องของแม่
“อัญญาหมดหนทางแล้วจริงๆ” หากไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมเทอมนี้เกรดคงไม่ออก
นินนี่คิดเริ่มคิดร้ายในใจอิจฉาเพื่อนที่สวยแบบไม่ต้องทำอะไร ผู้ชายที่เธอหมายปองมักจะชอบอัญญาทั้งนั้น หากหญิงสาวมีตำหนิผู้ชายเหล่านั้นคงเลิกสนใจ
เคยมีครั้งหนึ่งที่แฟนหนุ่มของเธอตามจีบอัญญา แต่เพื่อนไม่สนใจนินนี่เลยเข้าไปแทรกกลาง จนได้คบกับแฟนหนุ่มจนถึงปัจจุบัน
“ไปทำงานกับคนที่ฉันรู้จักไหม?”
“งานอะไรเหรอ” อัญญาดูมีความหวังขึ้นมา
“งานในผับดูแลลูกค้าเงินมากเลยน่ะ บางคนได้ติปเป็นหมื่น”
“นินนี่แน่ใจเหรอว่าที่นั่นโอเค?” อัญญาถามด้วยเสียงเบาดวงตาสั่นไหวด้วยความลังเล
นินนี่ยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมือมาแตะแขนอัญญาเบาๆ
“แน่นอนสิอัญญาแกสวยขนาดนี้ ไปทำงานที่ผับนะ รับรองได้เงินเยอะกว่าไปนั่งแจกใบปลิวแถวห้างแน่ๆ ฉันมีคนรู้จักอยู่ เขาเป็นผู้จัดการที่นั่นแค่ฉันโทรไปบอกเดี๋ยวเขาก็รับแกเข้าเลย”
“แต่…มันจะไม่อันตรายใช่ไหม อัญญาก็ไม่เคยทำงานกลางคืน”
“เฮ้ย อย่าคิดมากน่า” นินนี่หัวเราะเบาๆ แต่แววตาไม่ได้ยิ้มตาม
“แค่เสิร์ฟเหล้าฟังเพลงดูแลลูกค้าหน่อยๆ มันก็แค่นั้นเองไม่ใช่เรื่องไม่ดีสักหน่อย”
อัญญาพยักหน้าเบาๆ แม้ในใจยังรู้สึกลังเลอยู่ลึกๆ เธอไม่เคยทำงานแบบนี้ ไม่ชินกับโลกแบบนั้นเลยแต่เมื่อมองดูเงินในกระเป๋าสตางค์ที่แทบจะว่างเปล่าเธอก็ต้องกัดฟัน
“ถ้านินนี่บอกว่าปลอดภัยอัญญาก็เชื่อ”
“ดีเลย เดี๋ยวฉันโทรหาพี่เขาให้ตอนนี้เลย” นินนี่คลี่ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
แต่เบื้องหลังรอยยิ้มใจดีนั้นกลับมีบางอย่างซ่อนอยู่ในแววตาของนินนี่ แววตาเย็นเยียบเต็มไปด้วยความอิจฉา
‘ให้มันสวยไปเหอะ เดี๋ยวก็รู้ว่าโลกจริงมันโหดร้ายแค่ไหน’
เธอไม่ได้โทรหาผู้จัดการผับอย่างที่บอกไว้ แต่กลับโทรหาคนสนิทของอีกคน นักธุรกิจแก่ๆ ที่อยู่ในวงการเทา เป็นผู้ชายที่ทั้งน่ากลัวและมีอิทธิพลอย่างมากในย่านนี้
“ไอซ์ ใช่ พอจะมีเด็กใหม่แล้วคนนี้เด็ดเลยนะ หน้าหวานหุ่นดีไม่เคยผ่านงานสนใจปะ?” เธอพูดเสียงเบาขณะหันหลังให้อัญญา
“อืม ราคาก็ตามที่เคยตกลงนั่นแหละ เดี๋ยวฉันส่งรูปให้”
เสียงอีกฝ่ายในสายตอบรับด้วยความพอใจ ก่อนวางสายไปนินนี่หันกลับมาหาอัญญาด้วยรอยยิ้มสดใส
“เรียบร้อยแล้วพรุ่งนี้เขานัดให้เข้าไปคุยงานนะอย่าลืมแต่งตัวสวยๆ ล่ะ”
“ขอบใจมากนะนินนี่ดีกับอัญญามากเลย” อัญญาจับมือเพื่อนไว้ ไม่มีครั้งไหนที่เพื่อนไม่ช่วยเหลือจนบางครั้งรู้สึกเกรงใจ
ขณะเดียวกันทางฝั่งของนักธุรกิจเอง เขานั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของคลับหรูดวงตาคมมองรูปของอัญญาบนหน้าจอมือถือก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“น่าสนใจ…”
อริญดา ศิริภพ ชื่อเล่น อัญญา อายุ20 สูง 165 ซม. เขานั่งอ่านประวัติของหญิงสาวไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดตากับรูปถ่ายใบหนึ่งที่ทำให้เขาละสายตาไม่ได้
ดวงตาพิมพ์ใจได้รูปหยดน้ำ จมูกโด่งเป็นสัน ปากอิ่มเอิบสีระเรื่อ คางเรียวแหลมได้รูป ผิวขาวเนียนดุจไข่มุก หากเขาได้สัมผัสคงดีไม่น้อย
ถึงจะเด็กไปหน่อยแต่พอจะเป็นงาน เด็กสมัยนี้แค่เห็นเงินก็พากันยอมง่ายๆ แล้ว
“ฉันเอาคนนี้”
“ไม่เด็กไปหน่อยเหรอครับ” สมชายเอ่ยขึ้นเพราะเจ้านายไม่เคยสนใจเด็ก
“มึงถามมากไอ้สมชายชื่อเชยเหมือนหน้าตาและสมอง” เคนด่าเพื่อนร่วมงานที่รู้ใจกันมานาน หากเจ้านายอยากได้ใครจะกล้าขัด
“ปกติคุณไลอ้อนชอบนางแบบหุ่นสูงๆ แบบรู้งาน” เอาแบบไม่ต้องสอนอะไรเลย
“ฉันหรือนายที่เป็นเจ้านายทำตามที่ฉันสั่ง”
“ครับ”
เขาส่งสัญญาณให้ลูกน้องจัดการไปรับตัวหญิงสาวตามที่ได้รับข้อมูลมา
ไลอ้อน อิงครัต แลงคาสเตอร์ ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 32 ปี ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังและเจ้าของธุรกิจส่งออกอันดับต้นๆ ของประเทศ ใครที่ได้พบเห็นเขาครั้งแรกมักหยุดมองโดยไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มสูงถึง 190 เซนติเมตร รูปร่างสมส่วนบึกบึนจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ บ่าไหล่กว้างเต็มเสื้อเชิ้ตตัดพอดีตัว ผิวขาวอมแทนแบบคนที่เติบโตท่ามกลางแดดเมืองนอก
ใบหน้าคมเข้มมีเสน่ห์ ปากได้รูป จมูกโด่งตรงรับกับสันคิ้วเข้มชัด ดวงตาสีเทาเข้มที่มักกวาดมองคนรอบข้างด้วยแววตาเรียบนิ่ง ราวกับอ่านใจคนได้ทุกคำพูดโดยไม่ต้องเอ่ยถาม เส้นผมสีน้ำตาลตัดสั้นเซตอย่างลวกๆ แต่กลับดูดีราวกับตั้งใจ
บุคลิกของเขาสงบนิ่ง สุขุม ไม่ใช่คนพูดมาก แต่ทุกคำที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยพลังและอำนาจโดยไม่ต้องออกแรงแสดงตัว
ชุดสูทเรียบหรูที่เขาสวมอยู่ทุกครั้งที่ออกงาน เสริมให้เขายิ่งดูเป็นบุรุษผู้ทรงอิทธิพล ไม่ต่างจากเจ้าชายผู้หลุดออกมาจากโลกอีกใบหนึ่ง
คนในวงการต่างขนานนามเขาว่า ‘เสือเงียบ’ เพราะแม้จะไม่ส่งเสียงคำราม แต่ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือน
และหากใครได้สบตากับไลอ้อนตรงๆ เพียงไม่กี่วินาที ก็ยากนักจะลืมภาพนั้นได้ลง

