ตอนที่1 จากตำรวจกลายเป็นกุ้ยเฟย
เสียงปืนยิงกันสะนั่นอยู่ท่าเรือทางตะวันออกของกรุงเทพ ตำรวจกำลังปิดล้อมจับกุมการขนยาลงเรือเพื่อส่งไปส่งขายต่อยังยุโรป ถ้ายาบ้าล็อคนี้ส่งออกไปได้จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางด้านความมั่นคงระหว่างประเทศทีมตำรวจที่ทำคดีได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานแม้กระทั้งดีเอสไอที่อเมริกาก็ส่งตำรวจมือดีหลายคนมาร่วมทำคดีนี้ด้วย
“เจด้า!อย่าเป็นอะไรไปนะฉันยังไม่ได้บอกแกเลยว่าฉันชอบแกเกินคำว่าเพื่อนฟื้นสิวะ!” เสียงไอ้แฟรงค์เพื่อนรักที่ร่วมหัวจมท้ายตั้งแต่สมัครเรียนตำรวจจนมาทำงานร่วมกันเป็นเวลา10กว่าปีร้องเรียกฉันจากที่ไกลๆ ฉันพยายามจะตะโกนตอบมันว่าอย่ามาล้อเล่นเป็นเพื่อนกันจนเห็นไส้เห็นพุงมาตั้งนานยังจะมาล้อเล่นว่าชอบฉันอีกแต่เหมือนตาก็หนักอึ้งจนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้เสียงปืนยิงกระหน่ำค่อยเบาลงจนไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลยฉันยืนอยู่ที่ไหนสักแห่งมันมืดและเงียบมากฉันพยายามตะโกนเรียกชื่อคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทแต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจนกระทั้งมีเสียง
“กุ้ยเฟยเพคะ ตื่นขึ้นมาสิเพคะอย่าทรงทิ้งนู๋ปี้ไปฮื่อฮื่อฮื่อ” เสียงผู้หญิงกำลังร้องไห้และเขย่าร่างของฉันจนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความมึนงงแต่ใครเรียกกุ้ยเฟยในปัจจุบันมีคนตั้งชื่อลูกว่า'กุ้ยเฟย'อยู่เหรอวะชื่อโบราณชะมัดเหมือนในหนังฮ่องเต้จีนโบราณเลยสงสัยพ่อแม่ตอนตั้งชื่อลูกจะติดซีรีย์เหมือนยัยน้องสาวจอมแสบของเธอพวกบ้าซีรีย์
“พระสนมกุ้ยเฟยขยับนิ้วเจ้าคะพี่ซิงเอ๋อร์ พระนางกลับมาหายใจอีกครั้งพระนางฟื้นแล้วเจ้าคะ” มีเสียงเด็กสาวอีกคนพูดขึ้นเสียงดังจากนั้นอยู่ๆ เสียงร้องไห้ระห่มไปทั่วก็เงียบลงแล้วเอ้ทำไมเสียงเงียบไปฉันพยายามลืมตาอันหนักอึ้งขึ้นแสงสีขาวแย้งกระทบดวงตาจนต้องลี่ตาหลับลงอีกครั้งเพื่อปรับโฟกัสแล้วพยายามลืมตาขึ้นมาช้าๆ
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ผะผี!ผีแน่ๆ ถึงฉันจะเคยเห็นศพคนร้ายตายมาเยอะแต่ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นวิณญาณผีจีนโบราณแต่งชุดนางกำนัลและขันทีโบราณก้มหน้าลงมาล้อมวงมองฉันเป็นตาเดียวแบบนี้เอาไงดีคิดบทสวดมนต์ให้ออกสิยัยเจด้า แกต้องสวดมนต์แผ่อุทิศบุญกุศลให้กับพวกเขานะโว๊ยใจเย็นเอาไว้หายใจเข้าลึกๆ คิดคิด...คิดออกแล้ว 'อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา... (อะไรต่อวะ) พ.พานนำหน้าแน่ฉันมั่นใจแต่ว่าอะไรต่อนะ...พุทธัง! ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ'สาธุสาธุสาธุ ไปที่ชอบที่ชอบเถอะนะคะอย่ามาหลอกมาหลอนหนูเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะไปใส่บาตรกรวดน้ำให้ชุดใหญ่
“พระสนมกุ้ยเฟยทรงโดนคุณไสยเล่นงานแน่ๆ เจ้าคะพระนางถึงตื่นมากรี๊ดร้องทำยังไงดีเจ้าคะพี่ซิงเอ๋อร์” วงล้อมผีจีนแตกกระจายเมื่อฉันลุกขึ้นกระโดดออกจากเตียงนอนแล้วหลับหูหลับตากรี๊ดสุดเสียง จนไม่มีเสียงจะกรี๊ดยกมือไหว้ขึ้นเหนือหัวพร้อมกับสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ ไล่ผีพวกนี้ไปด้วย เอ๋...เดี๋ยวก่อนนะพวกเขาบอกว่ามีคนเล่นคุณไศลใส่พระสนมกุ้ยเฟย!ไม่ได้หมายถึงว่าในห้องนี้มีคนชื่อว่ากุ้ยเฟยหมายถึงตำแหน่งพระสนมกุ้ยเฟยและพวกเขาในห้องนี้แต่งชุดเหมือนพวกคนรับใช้ในหนังจีนโบราณ พอมองบรรยากาศรอบห้องที่ถูกตกแต่งเหมือนฉากในหนังจีนโบราณงดงามหรูหราเหมือนกับยืนอยู่ในวัง...ใช่ในตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่ในพระราชวัง
“พระสนมกุ้ยเฟยทรงเป็นยังไงบ้างเพคะ นู๋ปี้ดีใจเหลือเกินที่พระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาแล้ว” นางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ฉันช้าๆ และจ้องมองฉันในดวงตาของนางมีคราบน้ำตาไหลเต็มสองแก้มอยู่เผยรอยยิ้มออกมาด้วยความปลื้มปีติยินดีระคนตื่นเต้นอย่างเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่
“พระสนมกุ้ยเฟย หมายถึงตัวฉันหรือคะ” เธอชี้นิ้วที่ตนเองในหัวเริ่มประมวลเหตุการณ์ตรงหน้า
“เพคะ พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด” พอได้คำตอบยืนยันแล้วว่าไอ้คนชื่อซูกุ้ยเฟยที่ได้ยินผู้คนเหล่านี้เรียกกันตลอดมันหมายถึงตัวฉันแน่ ยกมือขึ้นลูบผมลงมาใบหน้าช้าๆ ทรงผมที่เปลี่ยนไปก้มลงมองเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ต้องตกใจเป็นรอบที่สองเมื่อพบว่านอกจากการแต่งกายที่แปลกประหลาดผิดกับนิสัยตัวเองแล้วยังมีท้องป่องที่นูนขึ้นมาเด่นชัด ใช่ท้องฉันท้องแล้วฉันจะท้องได้ยังไงในเมื่อฉันเป็นสาวเวอร์จิ้นบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
“พระสนมอย่ากังวลไปเลยเพคะ ถ้ายังทรงสับสนพระทัยอยู่นอนพักอีกสักหน่อยก็ดีขึ้นนะเพคะ” นางกำนัลคนนั้นเข้ามาประคองตัวเธอที่สติหลุดลอยและมึนงงระคนสับสนไปนอนบนเตียงเหมือนหุ่นยนต์ที่ใครจับไปซ้ายขวาก็ทำตามเขาไปหมด
"ทรงหลับให้สบายไม่ต้องเป็นกังวลนะเพคะ"
"หือ"
'เจด้า เจด้า เจด้า”
'นั้นใครเรียกฉันหรือเปล่า' หลังจากที่นอนหลับไปสักพักก็ผู้สึกเหมือนมีใครมาเรียกชื่อของฉันอยู่หลายครั้งจนต้องถามออกไป
'ใช่ข้าเรียกเจ้าเอง' ฉันหันมองไปยังต้นเสียงเห็นผู้หญิงแต่งชุดจีนโบราณเหมือนคนชั้นสูงหรือพวกราชวงศ์ยืนยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร
'คุณคือใครหรือคะ แล้วรู้จักชื่อของฉันได้ยังไง' ฉันยิ้มตอบเธอคนนั้นแล้วถามด้วยความสงสัย
'ข้าคือพระสนมกุ้ยเฟย เจ้าของร่างที่เจ้ากำลังอยู่ตอนนี้'
'ฉันอยู่ในร่างของคุณ แสดงว่าตัวของฉันตายไปแล้วหรือคะ' ความทรงจำก่อนหน้านี้ย้อนเข้ามาในสมองเหมือนกำลังเปิดสมุดบันทึกตั้งแต่ฉันกำลังล้อมจับคนร้ายจนถึงตอนที่ฉันพลาดท่าโดนกระสุนยิงเข้าที่กลางอกด้านซ้ายแล้วล้มลงนอนกองเลือดพร้อมกับที่ไอ้แฟรงค์วิ่งเข้ามากอดร่างของฉันขึ้นแล้วตะโกนร้องไห้พร้อมกับน้ำตา
'ใช่เจ้าตายไปแล้ว แต่เจ้าได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของข้า' เธอคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าแสนเศร้าอย่างสุดแสนอาวร
'แสดงว่าฉันเกิดใหม่ในร่างของพระสนมกุ้ยเฟย'
‘ใช่แต่เจ้ายังไม่หมดบุญที่ทำเอาไว้เลยยังต้องมีชีวิตต่อแต่ในร่างใหม่ส่วนตัวข้านั้นหมดบุญที่ทำมาแล้วจึงจำต้องจากไป' พระนางพูดด้วยเสียงสั่นเครือฟังดูแล้วชั่งชวนหดหู่เหลือเกิน
'เสียใจด้วยนะคะ อย่าเศร้าไปเลยฉันเชื่อว่าในความโชคร้ายต้องมีความโชคดีแฝงมาด้วยเสมอ’
'ถึงตัวข้าจะต้องตายจากไป แต่ข้ายังโชคดีที่มีเจ้าที่จะเป็นตัวแทนของข้าเพื่อทำให้ข้าหมดห่วง' เดี๋ยวนะคุณพระสนมหมายความว่ายังไงที่จะให้ฉันเป็นตัวแทนของคุณ แค่ฟังก็ชวนให้รู้เลยว่าต้องเป็นเรื่องยากอีกแล้วที่สวรรค์โยนมาให้นางสาวเจริดาคนนี้
'จะให้ฉันทำอะไรให้คุณหรือคะ'
'เจ้าต้องดูแลองค์ชายน้อยในครรภ์ของข้าให้ดี พอเขาคลอดออกมาก็เลี้ยงเขาให้เติบโตเป็นบุรุษที่ดีด้วยความรักของมารดา'
'เรื่องเพียงแค่นี้เองไม่ต้องห่วงนะคะ รับรองว่าฉันจะดูแลเจ้าซาลาเปาน้อยในท้องให้ดีที่สุดเท่าที่ได้มีชีวิตใหม่ในร่างของคุณ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ' ถึงเกิดมาฉันจะไม่เคยมีลูกเป็นของตัวเองมาก่อน ฉันก็เคยเลี้ยงน้องตอนสมัยยังเด็กช่วยแม่ถือว่าพอมีประสบการณ์อยู่บ้างน่าจะรอด
'และข้าอยากขอร้องอีกเรื่องคือให้เจ้าช่วยสืบหาคนที่วางแผนฆ่าข้าให้เจอ'
'หาคนที่ฆ่าพระสนมหรือคะ' แค่เรื่องสืบคดีฆาตกรรมไม่ต้องห่วงทำมาเป็นร้อยคดีแล้วเรื่องแค่นี้สบายมากสำหรับจีด้าคนนี้
'ถ้าเจ้าช่วยทำทั้งสองเรื่องนี้ได้สำเร็จ ข้าคงจากไปอย่างหมดห่วงแล้ว'
'ตกลงค่ะ ฉันจะช่วยคุณสุดความสามารถ'
'งั้นข้าคงต้องจากไปแล้ว' จากนั้นพระสนมกุ้ยเฟยก็ค่อยเดินจากไปแล้วฉันก็ลืมตาตื่นขึ้นมามองเพดาโบราณในวังหลวงที่แปลกตาในความทรงจำต่อจากนี้คงต้องวางแผนให้รอบครอบเพื่อความอยู่รอดของ
