Chapter 5 สัญญาทาสชัดๆ
ภายในสำนักงานของไร่ ปกรัก ชายหนุ่มสองคนสีหน้าเครียดขึงไม่แพ้กัน แต่อีกคนที่นั่งอยู่ข้างในโต๊ะทำงานดูจะมีมากกว่า จากรอยย่นระหว่างคิ้วเป็นริ้วชัดเจน มันขมวดมุ่นผูกเป็นปมเหมือนความรู้สึกภายในใจของเจ้าของ หลายเรื่องที่ผ่านเข้ามาพักหลัง...มันแรงจนเขาแทบรับไม่ไหว แต่เขาก็ต้องเป็นผาหินแกร่งให้คนงานหลายร้อยได้ซุกลบภัย เป็นเกราะกำบัง เขาจะท้อแท้ไม่ได้ แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
พึ่บ! เอกสารปึกใหญ่ถูกทิ้งลงบนโต๊ะทำงานเต็มแรง สองหนุ่มต่างสถานะใช้เวลาร่วมกันหลายชั่วโมง แต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้ นี่ก็ใกล้จะเปิดโรงงานเดินสายการผลิตแล้ว
พ่อเลี้ยงธามส์เอนหลังพิงเก้าอี้ปิดเปลือกตาลง ขับไล่เหนื่อยอ่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลากี่นาที มันก็ช่วยเขาได้มาก ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาโหมงานหนักมากแทบไม่ได้พักผ่อน เขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะมานั่งเสียใจ...ทั้งที่เพิ่งสูญเสียคนรักไป
“สวัสดีค่ะ” ปารวีทักผู้ชายผู้ชายสองคนที่กำลังนั่งจมกองเอกสารอยู่ ส่วนอีกคนนั่งพิงเก้าอี้เปลือกตาปิดสนิท ก้องหล้าตะลึงในความสวยของปารวี
“นางฟ้า....” เขาเพ้อตาลอยตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนออกห่าง
“คุณคะ...คุณ” ปารวีเรียกอีกครั้งเหมือนเตือนสติชายหนุ่มที่เอาแต่เพ้อตาลอยจ้องหน้าเธอ ก้องหล้าสะดุ้งเรียกสติของตัวเองกลับมา เพิ่งรู้ตัวว่าจ้องหน้าหญิงสาวนานเกินไปแล้ว
“เอ่อ...ค..คะ...ครับ”
“เอ่อ...ดิฉันจะมาทำงานที่ไร่ปกรักค่ะ” ปารวีแนะนำตัวเองและยกมือไหว้ก้องหล้าอีกครั้ง ทั้งที่อีกคนที่เธอรู้จักยังคงหลับตานิ่งไม่ไหวติงบนเก้าอี้ตัวเดิม
“สวัสดีครับ...ผมชื่อก้องหล้าเป็นผู้จัดการในโรงงานครับ แล้วคุณ...เอ่อ”
ปารวีหันมองพ่อเลี้ยงธามส์ที่คอพับอยู่บนเก้าอี้ ก้องหล้ายิ้มรับอย่างเป็นมิตร สายตาคมยังจับจ้องมองร่างบางของปารวีไม่วางตา แต่ปารวีมองอีกคนที่ยังคงอยู่ในท่าเดิม ทั้งที่เธอกับชายหนุ่มอีกคนก็พูดเสียงดังพอสมควร ก้องหล้ามองตามเธอก่อนที่จะบอกออกมา
“ต้องขอโทษด้วยครับ...พ่อเลี้ยงคงเพลียมาก โหมงานหนักมาหลายวันไม่ได้พักผ่อน เลยเผลอหลับไป ว่าแต่พ่อเลี้ยงรับคุณมาในตำแหน่งอะไรหรือครับ ผมไม่เคยเห็นใบสมัครงานของคุณผ่านตาเลย” ก้องหล้ายังคงสงสัย เพราะเขาเป็นคนคัดใบสมัครและเลือกคนเอง สวยราวนางฟ้าอย่างนี้...ไม่เคยผ่านตาแน่นอน
“เอ่อ..ปารวี ปภากุล หรือเรียกว่ารวีก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องตำแหน่งต้องถามพ่อเลี้ยงเองค่ะ ฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามาทำงานในตำแหน่งอะไร เห็นรษาบอกว่าอย่างนั้น” ปารวีบอกไปตามความจริง เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอต้องมาทำงานในตำแหน่งอะไร เพราะคนอ้อนวอนให้มาก็บอกไม่ได้เหมือนกัน
“อ้อ...คุณรวีเป็นน้องสาวของคุณปรินทร์หรือเปล่าครับ นามสกุลนี้”
“ใช่ค่ะ”
“เชิญคุณรวีเอาของไปเก็บที่เรือนพักรับรองก่อนดีกว่าครับ ผมจะไปส่ง รอให้พ่อเลี้ยงตื่นแล้วค่อยมาคุยกัน เชิญทางนี้ครับ รถจอดอยู่ตรงโน้น” ก้องหล้าชี้ไปยังรถที่จอดอยู่และเดินนำหญิงสาวไป
“คุณดาริน ถ้าพ่อเลี้ยงตื่นแล้วฝากคุณบอกว่าพ่อเลี้ยงว่าคุณปารวีมาแล้ว ตอนนี้ผมพาเธอไปพักที่เรือนรับรองนะ” ก่อนออกไปเขาไม่ลืมที่จะหันมาสั่งงานดารินก่อน เสร็จแล้วก้องหล้าก็มาช่วยปารวียกกระเป๋า แล้วเดินออกจากสำนักงานไปด้วยกัน
หลังจากที่ก้องหล้าขับรถออกไป ปารวีผินหน้าออกนอกกระจกรถ มองออกไปในไร่กว้างใหญ่อย่างตื่นเต้น เธอมองทิวดอกไม้ในไร่ที่ยาวสุดลูกตาอย่างชื่นชม ดูตื่นตาตื่นใจ เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกมาเห็นบรรยากาศ และสูดอากาศบริสุทธิ์ของเมืองไทย
“ไร่กว้างมากขนาดนี้ ที่ไร่ทำกี่อย่างค่ะ...คุณก้องหล้า” ปารวีถามออกมา ทั้งที่สายตาก็ยังไม่ละออกจากทิวแปลงกุหลาบสลับสีตรงหน้า
“ก็หลายอย่างนะครับ หลักๆ ก็มีไร่ชา ไร่ดอกไม้ตัดดอก ที่เราทั้งส่งขายในไทย และส่งออกที่คุณเห็นนั่นแหละ นอกจากนี้...ในอีกไม่กี่วัน เรากำลังจะเปิดโรงงานผลิตหัวน้ำหอม ช่วงนี้เราก็เลยค่อนข้างยุ่งพอสมควรครับ” ก้องหล้าหันมาตอบ
เขามองหน้าหญิงสาวนั่งข้างๆ อย่างชื่นชม ปารวีเป็นผู้หญิงสวยคม รวมถึงการรู้จักแต่งตัวให้เข้ากับบุคลิกของเธอด้วยแล้ว มันยิ่งขับให้เธอดูสวยเฉี่ยวมากขึ้น
“แสดงว่าที่ไร่นี้ต้องใหญ่มากนะคะ” ปารวีดูตื่นตามากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่าที่ไร่ทำหลายอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าคนปากเสียอย่างนายนั่นจะสามารถบริหารไร่กว้างใหญ่ขนาดนี้ได้เป็นอย่างดี และดูสวยมากกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก
“ก็ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงรายเลยละครับ แล้วคุณรวีล่ะครับ เห็นอย่างนี้คิดว่าจะพออยู่ในไร่ได้ไหมครับ”
“คิดว่าคงอยู่ได้นะคะ คือฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน”
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ หรือว่าที่นี่กันดารเกินไป”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันอยู่ง่ายกินง่าย ที่สำคัญชอบอากาศที่นี่มากด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะเข้ากับคนที่นี่ได้หรือเปล่า เอ่อฉันหมายถึง กลัวเจ้านายไม่ชอบน่ะค่ะ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย ผมนึกว่าคุณรวีจะไม่ชอบที่นี่ซะอีก เห็นคนเมืองส่วนใหญ่อยู่แบบนี้ไม่คอยได้ ยิ่งเป็นผู้หญิงสวยอย่างคุณรวีด้วยแล้ว...”
“ทำไมหรือคะ รวีเกิดที่นี่ก็จริง แต่โตที่เมืองนอกเกือบยี่สิบปี รวีไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีกเลยหลังจากนั้น แต่รวีก็ชอบความสงบ อากาศบริสุทธิ์ เห็นสวยขนาดนี้ถ้าไม่ชอบก็แปลกแล้วละค่ะ” ปารวีเล่าแววตาเป็นประกาย
“คุณรวีมาจากเมืองนอกหรือครับ”
“ค่ะ รวีโตและเรียนที่ฝรั่งเศส เพิ่งจะกลับมาเมืองไทยได้ไม่กี่วัน” ปารวีตอบ แล้วเปิดกระจกรถออก โผล่หน้าและยื่นมือออกมาสัมผัสลมเย็นๆ และสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก
“ไร่สวยมากเลยค่ะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องคุย แววตาและน้ำเสียงของเธอเปล่งประกายให้ความรู้สึกชื่นชมกับความงามตรงหน้าอย่างที่ปากบอก ชายหนุ่มพลอยยิ้มออกมาเพราะความสดใสของเธอไปด้วย
เรือนรับรองแขก
ชายหนุ่มรีบก้าวลงจากรถไปก่อน เขาเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักรับรองของไร่ บ้านพักบนเนินหลังเล็กน่ารัก แต่ไม่เคยได้มีโอกาสได้ต้อนรับแขกบ่อยมากนัก
“ผมไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงจะให้คุณรวีพักที่ไหน คุณพักที่นี่ก่อนนะครับ แต่บ้านหลังนี้ไม่มีคนมาพักนานพอสมควร อีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมาพัก แล้วพ่อเลี้ยงธามส์ไม่ได้บอกว่าคุณจะมาเริ่มงานวันนี้ ก็เลยยังไม่ได้ให้คนมาทำความสะอาดหรือเตรียมห้องพักไว้ให้ คุณรวีพออยู่ได้นะครับ เดี๋ยวผมช่วยทำความสะอาด”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณก้องหล้า แค่นี้ก็รบกวนคุณมากแล้ว รวีขอทำเองดีกว่าค่ะ” ปารวีบอกอย่างเกรงใจ ตอนอยู่เมืองนอกเธอต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ตอนแรกทั้งสามคนแม่ลูกลำบากกันมาก เพราะแม่ของเธอไม่ยอมรับความช่วยเหลือใดๆจากพ่อของเธอสักครั้ง หลังจากที่ทั้งสามชีวิตเดินทางไปอยู่ที่ฝรั่งเศส มีเพียงเงินเดือนจากงานร้านอาหารของแม่เท่านั้นที่ดูแลคนทั้งสาม เพราะฉะนั้นเธอกับพี่ชายก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อแบ่งเบา
“ช่วยกันทำแหละดีแล้วครับ จะได้เสร็จเร็วๆ” ก้องหล้ายังไม่ยอมแพ้
