บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 เงินเท่านั้นที่บันดาลความสุข

บทที่ 9 เงินเท่านั้นที่บันดาลความสุข

ยัสซันหัวเราะออกมาเบา ๆ พยักหน้ายอมรับที่อีกฝ่ายพูดออกมา “คนสมัยนี้มันน่ากลัวนะ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ผู้หญิงยอมเป็นเมียน้อยเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีเงิน ส่วนผู้ชายก็ยอมมีเมียแก่รุ่นแม่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีเงิน สรุปแล้วมีแต่คนหาเกาะใหญ่ ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยของกินดี ๆ กันทั้งนั้น ไม่มีใครยอมอยู่เกาะที่รกร้างว่างเปล่ากันหรอก ต่อให้เกาะนั้นมีธรรมชาติที่งดงามเพียงไหนก็ตาม”

“ฮา ๆ ๆ มันก็จริงอย่างที่นายว่านั่นแหละ สมัยนี้เงินเท่านั้นที่บันดาลความสุข ไม่ใช่ความรักหรอก”

“มาดื่มกันดีกว่า อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่ยังเป็นไปไม่ได้เลย” ยัสซันยื่นแก้วเหล้าขอชนกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม

“ดื่ม”...

อินทิราบอกลากับเด็กหนุ่มหลังจากดูหนังเสร็จ เพื่อไปทำงานตามที่รับปากกับชาลีเอาไว้

“ให้ปอไปเป็นเพื่อนนะครับพี่ป่าน”

“ไม่ต้องหรอกปอ กลับบ้านไปอ่านหนังสือเถอะ กว่าพี่จะกลับคงดึก”

“แต่ปอเป็นห่วงพี่ป่านนี่ครับ พี่ป่านสายตาสั้นด้วย ขับรถตอนกลางคืนมันอันตรายนะครับ” ชินวุฒิยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง เพราะต้องการไปกับเธอด้วย

“พี่ใส่คอนแทคเลนส์อยู่ย่ะ แว่นก็มีอยู่ในรถ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก กลับบ้านได้แล้ว อย่าเถลไถลที่ไหนล่ะ ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยเข้าใจไหม” หญิงสาวทำเป็นตีหน้าดุใส่เด็กหนุ่ม

“ครับผม” ชายหนุ่มรับปากหญิงสาวรุ่นพี่หน้าสลด เดินคอตกแยกจากไป

แยกจากชินวุฒิแล้วหญิงสาวก็ขับรถไปที่บริษัท เอาแฟ้มงานบนโต๊ะทำงานของชาลีแล้วจึงขับไปที่คอนโดหรูย่านลาดพร้าว ที่อยู่ไกลคนละโยชน์กับบริษัท

“กลัวไม่รู้ว่ารวยหรือไงถึงได้ซื้อยกชั้น แน่จริงน่าจะซื้อยกตึกไปเลย” เธอนินทาเจ้านายหนุ่มที่ไม่ค่อยถูกโฉลกกันนัก ขณะมองตัวอาคารสูงสุดลูกตา “โอ๊ะ.. จะห้าทุ่มแล้วเหรอ”

สาวสวยหน่วยก้านดีหยิบกระเป๋าเอกสารที่เตรียมไว้ลงจากรถ เดินตรงเข้าไปในตัวอาคารอย่างรีบเร่ง..

“บอกผมมา ว่าผู้หญิงคนนี้มาหาใครที่นี่”

“ฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ เพราะฉันก็เพิ่งเจอเธอมากับคุณนี่แหละ” พนักงานสาวที่ยืนทำท่าจะร้องไห้อยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตอบออกไปด้วยสีหน้ากริ่งเกรงอีกฝ่าย

“คุณจงใจช่วยเธอปิดบังใช่ไหม”

“ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ คุณคนนี้เพิ่งมาถึง ยังไม่ทันได้ถามอะไรคุณก็เดินเข้ามาพอดี” พนักงานหญิงปฏิเสธเสียงสั่น

“จริง ๆ ครับ ผมเป็นพยานได้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนยันช่วยเพื่อนร่วมงานด้วยอีกคน

“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ มาหาใครที่นี่ ผู้ชายใช่ไหม” เมื่อคนอื่นไม่ยอมตอบคำถาม ชายหนุ่มเจ้าสำอางจึงหันไปถามหญิงสาวที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ใกล้ ๆ แทน

“แล้วมันเรื่องอะไรของเธอล่ะ เธอมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้”

“เธอคงจะลืมไปกระมังว่าฉันเป็นผัวเธอ”

“พูดจาให้มันดี ๆ นะ เราเป็นสามีภรรยากันตั้งแต่เมื่อไหร่”

“อะไรนะ! เธอกล้าพูดกับฉันแบบนี้เหรอติ๊นา ฉันนอนอยู่กับเธอเป็นเดือน ถ้าฉันไม่ใช่ผัวเธอแล้วจะเรียกว่าอะไร” นายแบบหนุ่มหน้าใหม่ของวงการเดินแบบเมืองไทย ตะคอกถามนางแบบสาวชื่อดัง

ติ๊นาหรือรัตนาภรณ์กำมือแน่น ระงับโทสะที่วิ่งพล่านอยู่ในกาย โมโหชายหนุ่มที่มาขัดขวางเงินก้อนโตของตนไว้

“กลับไปซะเถอะตั้น ฉันมาที่นี่เพราะต้องทำงาน”

“ตอแหล! มาหาผู้ชายล่ะสิ”

“ไอ้ตั้น!”

อินทิราหันไปมองทางต้นเสียงที่ตวาดใส่กันเสียงดัง บ่งบอกความโมโหสุดขีดนั้น

ซ่า..

คิ้วเรียวที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมกระตุกเข้าหากันอย่างหัวเสีย มองไปที่กลุ่มคนทั้งสี่ ก่อนจะหยุดลงที่สาวสวยรูปร่างสูงโปร่ง

“พวกคุณกำลังเล่นอะไรกันอยู่มิทราบ” เธอไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยสักนิด ทำไมต้องโดนสาดด้วยล่ะเนี่ย

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ” รัตนาภรณ์รีบเปิดกระเป๋าหยิบทิชชู่มาเช็ดให้หญิงสาวที่โดนลูกหลงจากตัวเอง

“ไม่ต้อง” อินทิราแย่งทิชชู่ในมือของเธอมาถือไว้เองด้วยสีหน้าไม่พอใจ แล้วซับลงไปบนเสื้อตัวสวยที่เพิ่งใส่เป็นครั้งแรก

“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ” เพราะความโมโหที่โดนชายหนุ่มด่าว่าตอแหล เธอจึงคว้าแก้วน้ำหวานที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หวังจะสาดใส่เขา คาดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นจะหลบทัน น้ำหวานแก้วใหญ่ทั้งแก้วจึงถูกสาดใส่คนที่เดินเข้ามาเต็ม ๆ

“ขอโทษแทนเธอด้วยนะครับคุณ นี่นามบัตรของผม ถ้าต้องการค่าชดใช้เรื่องเสื้อผ้าให้ติดต่อมานะครับ” นายแบบหนุ่มที่ยังอยู่ในอาการหัวเสีย ยื่นนามบัตรให้หญิงสาวที่รับเคราะห์แทนตน แล้วคว้าข้อมือคนรัก กระชากออกไปอย่างไม่ถนอม “กลับบ้าน เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”

อินทิราเหลือบหางตาคมมองตามหนุ่มสาวที่ต่างก็แข็งขืนใส่กัน กำลังจะอ้าปากด่าออกไป

“พวกเราต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้วยนะคะ ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ฉันขอรับผิดชอบด้วยการเอาเสื้อผ้าส่งไปซักที่ร้านให้นะคะ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเอามาส่งให้ฉันได้เลยค่ะ”

อินทิราหันกลับมาให้ความสนใจกับหญิงสาว ที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับชายหญิงคู่นั้น มองไปที่ยามสูงอายุที่ทำหน้าสลดอยู่ใกล้ ๆ มันไม่ใช่ความผิดของสองคนนี้ เธอจะให้พวกเขารับผิดชอบได้อย่างไร

“ไม่เป็นไร ฉันจ้างเขาซักเป็นรายเดือนอยู่แล้ว”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่คุณผู้หญิงอย่าเอาเรื่องนี้ไปแจ้งกับเจ้านายของเราก็พอค่ะ เพราะถ้าโดนร้องเรียน เราอาจจะโดนไล่ออก”

อินทิราคลี่ยิ้มบางเบา มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้น ถึงแม้จะมีความโมโหอยู่ในใจ “ฉันไม่บอกหรอก หายห่วงได้” เธอบอกเพียงแค่นั้นแล้วเดินจากไป ขยำนามบัตรที่รับมาโยนทิ้งถังขยะ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชายหญิงคู่นั้นคือใคร ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยได้ดูข่าวบันเทิงสักเท่าไหร่ แต่สำหรับเวทีนางแบบนายแบบแล้ว เธอค่อนข้างจะรู้จักดี เพราะงานที่ทำมันต้องยุ่งเกี่ยวกับวงการนี้

หญิงสาววางแฟ้มงานลงบนโต๊ะทำงานของยัสซัน เรียบร้อยแล้วตั้งใจจะเดินทางกลับทันที แต่เพราะทนต่อความเหนียวของน้ำหวานไม่ไหว จึงคิดจะล้างเนื้อตัวและเสื้อให้สะอาดก่อน เธอมองเวลาที่ผนัง.. “คงยังไม่กลับตอนนี้หรอก” คิดดังนั้นจึงเดินหาห้องนอนที่คิดว่าไม่ใช่ห้องนอนของเขา เพื่อจัดการกับเสื้อผ้าและร่างกายที่เหนียวหนึบหนับของตน

หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าท่อนบนออกทั้งชั้นนอกและชั้นใน จัดการซักในส่วนที่เลอะให้สะอาด ใช้ไดร์เป่าผมช่วยเป่าจนแห้งหมาด เสร็จกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อล้างตัวท่อนบนของตัวเอง..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel