บทที่ 19 แย่งผัว
“อ๊าย...”
หล่อนร้องเสียงหลงเมื่อใบหน้ากระแทกเข้ากับต้นไม้และฉับพลันนั้นมือสีดำโผล่ออกมาจากเปลือกไม้รับใบหน้าของหล่อนไว้ มือนั้นเย็นราวน้ำแข็ง สัมผัสใบหน้าของหล่อนทุกส่วน ดวงตาเบิกโตด้วยความตกใจ หล่อนแหงนหน้าขึ้นตามแรงผลักของมือดำและหล่อนก็ต้องช็อคกับสิ่งที่อยู่เหนือศีรษะของหล่อน
“อ๊ายยยยย...”
ร่างสมส่วนทรุดฮวบลงกองกับพื้นแน่นิ่งไป เสียงกรี๊ดของเพลินใจเรียกให้คนในห้องผู้ป่วยวิ่งออกมาดู ชยาภรณ์วิ่งตามเพื่อนพยาบาลและญาติคนไข้มาที่ระเบียง
“ใครเป็นอะไร”
ไม่มีคำตอบจากใครสักคน หญิงสาวจึงขอทางเพื่อให้เห็นเหตุการณ์ที่ทุกคนกำลังยืนมุงอยู่ พอเท้าก้าวพ้นกลุ่มคนไปอยู่ด้านหน้า หัวใจของพยาบาลสาวแทบจะหยุดเต้นกับภาพใต้โคนต้นกาสะลอง มือใหญ่ยื่นตรงมาหาใบหน้าของหล่อน
“อ๊าย..”
หล่อนร้องสุดเสียงพร้อมกับถอยหลังกรูด เพื่อนพยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หันมามอง
“เป็นอะไรภรณ์”
“อย่า..”
ชยาภรณ์ร้องออกมาพร้อมกับยกมือไขว้ไว้ตรงหน้าแล้วทรุดล้มลงกับพื้นหมดสติไปในทันที ญาติผู้ป่วยที่ยืนอออยู่ด้านหลังยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกสักคน เพื่อนพยาบาลวิ่งเข้ามา
“ภรณ์ ภรณ์..เป็นอะไรวะ”
“เฮ้ย.เป็นอะไรกันวะ สองคนเลย เห็นอะไรวะร้องเสียงหลงจนเป็นลม”
“สงสัยเห็นผี”
“เปราะ...ครืดดด..ตึบ..”
คำพูดของญาติคนไข้สองคนจบลง กิ่งกาสะลองหักเสียงสนั่นแล้วหล่นลงเฉียดร่างเพลินใจไปเพียงวาเดียว ทุกสายตาหันมาจ้องกิ่งไม้เป็นจุดเดียว ความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ ดวงไฟในห้องผู้ป่วยดับพรึบ
“อ้าวเฮ้ย. ไฟดับอีกแล้วว่ะ”
เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น เท่านั้นเองกลุ่มไทยมุงเมื่อครู่วิ่งเข้าไปในห้อง ยืนรวมกันอยู่กลางห้อง ไม่มีใครสนใจช่วยเหลือเพลินใจ ส่วนชยาภรณ์เพื่อนพยาบาลสองคนช่วยกันประคองเข้ามานอนบนเตียงว่าง
“แกไปโทร.ตามหมอเร็ว ญาติผู้ป่วยคะ ขอแรงหน่อยค่ะช่วยเพื่อนฉันด้วยค่ะ มาเร็วค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ มาเร็ว ช่วยฉันหน่อยนะคะ”
คนที่สั่งเพื่อนให้ตามหมอหันมาขอร้องญาติผู้ป่วยซึ่งยืนนิ่งไม่ยอมขยับเท้าตามพยาบาลไปที่ประตูหลังห้อง พยาบาลหันมาเรียกอีกครั้ง ไฟทุกดวงสว่างพรึบ
“ขอแรงหน่อยนะคะ ช่วยหน่อยค่ะ”
ญาติผู้ป่วยที่เป็นผู้ชายตามพยาบาลออกไปสองสามคนช่วยพยุงร่างไร้สติของเพลินใจกลับเข้ามานอนเตียงว่างห่างจากเตียงที่ชยาภรณ์นอนสองเตียง
หมอนิรุทธ์วิ่งมาหาชยาภรณ์สีหน้าของเขาตกใจกับคำบอกเล่าของพยาบาลที่โทร.ตามเขา ความห่วงใยในตัวหญิงสาวมีมากกว่าสิ่งใดในขณะนี้ เขาลืมเพลินใจไม่เหลียวมองแม้เสี้ยววินาที
“มันเห็นนังนั่นสำคัญกว่าแก ทำไมแกไม่จัดการมันซะ จัดการมันซะ ให้มันหายไปจากชีวิตหมอของแก ให้มันหายไป ให้มันหายไป ฮะฮะฮะฮะๆๆ”
เสียงห้าวใหญ่ของผู้หญิงดังก้องในหูของเพลินใจ หล่อนลืมตามองเพดาน ยันกายลุกจากเตียง สายตามองตรงไปข้างหน้า หัวใจเจ็บปวดขึ้นมาในทันทีกับภาพบาดใจ หมอนิรุทธ์ประคองชยาภรณ์ลุกนั่ง ให้จับแขนลงจากเตียง แขนโอบเอวบางไว้ชิด
“ให้มันหายไปจากชีวิตหมอของแกสิ ให้มันหายไปสิ”
เสียงย้ำนั้นกระตุ้นให้เพลินใจเลื่อนตัวลงจากเตียงก้าวเร็วถึงตัวหมอหนุ่มกระชากแขนเขาอย่างแรง ร่างหนาเซตามแรงกระชากและวินาทีต่อมาฝ่ามือของหล่อนสะบัดลงบนใบหน้าชยาภรณ์จนเซไปตามแรงตบ
“เพลิน หยุดเดี๋ยวนี้”
หมอนิรุทธ์สั่งเสียงเข้ม ก้าวเข้าบังตัวชยาภรณ์ไว้ เพลินใจขบกรามแน่น หายใจหอบ ความโกรธบดบังทุกสิ่ง ไม่รู้ว่าสิ่งไหนควรทำและไม่ควรทำ หล่อนก้าวเข้าหาหมอยกมือตบหน้าหมอก่อนจะผลักไปทางหนึ่งแล้วถลาเข้าบีบคอชยาภรณ์
เสียงร้องห้ามเอะอะโวยวาย พยาบาลด้วยกันเข้าจับตัวเพลินใจออกมาจากชยาภรณ์ หมอนิรุทธ์คว้าตัวชยาภรณ์วิ่งออกจากห้อง
“อ๊าย...อ๊าย..อีชั่ว อีเลว แย่งผัวกู กูจะฆ่ามึง กูจะฆ่ามึง อีชั่ว อีเลว อ๊าย..ปล่อยกู ปล่อยกู อ๊ายย...”
เงาร่างของใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่โคนต้นกาสะลอง เสียงหัวเราะดังเบาๆ แต่กังวานก้องทั่วบริเวณนั้นแล้วร่างนั้นก็หายวับไป
“หยุดโวยวายซะทีเพลิน”
โสภีเดินเร็วๆ มาจากประตูด้านหน้าห้อง หล่อนรับโทรศัพท์หัวหน้าเวรพยาบาลรีบวิ่งจากบ้านพัก หล่อนรู้ว่าเกินอะไรขึ้นกับพยาบาลสาวทั้งสอง นิรุทธ์คือมูลเหตุของการตบตีด่าทอครั้งนี้
“พี่โสไม่ต้องมายุ่ง มันแย่งผัวเพลิน พี่ก็รู้ ยังจะเข้าข้างมันอีกรึไง เพลินจะฟ้องผอ. จะเอามันออกจากงาน”
