4.รักแรกพบ
*** ทักทายคร้า ***
คาเรนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องเธอตาไม่กะพริบ ใยไหมได้สติรีบข้ามถนนไปดูพี่สาว
“พี่แก้ว เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ใยไหมประคองพี่สาวลุกขึ้น เมื่อใยแก้วทิ้งน้ำหนักลงที่เท้าก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
“โอ๊ย!” เธออุทานเบาๆ
“คุณเจ็บข้อเท้า” คาเรนก้มมองเท้าเรียวเล็กของหญิงสาว ครั้นเห็นว่ามีรอยถลอกและเริ่มบวมเขาก็กังวล
“ผมว่าไปหาหมอก่อนดีกว่าครับ รถเริ่มติดแล้วด้วย” ชายหนุ่มหันไปมองรถที่จอดรอ เพราะรถของเขาขวางอยู่ ใยแก้วพยักหน้า คาเรนวิ่งไปที่รถ ขับเข้ามาจอดชิดขอบถนนเพื่อเปิดทางให้รถคันอื่นผ่านไป
“ไปรถผมนะครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้าน” คาเรนบอกอย่างสุภาพ สองพี่น้องจึงไม่กล้าปฏิเสธ
“คุณขับรถยังไงไม่มองคนข้ามถนน” ใยไหมต่อว่าชายหนุ่มหลังจากรถเคลื่อนตัวออกมาจากจุดที่เกิดเหตุ
“ผมไม่ทันมองจริงๆ ครับ ต้องขอโทษที่ทำให้พี่สาวคุณเจ็บ” คาเรนบอกพลางยิ้มให้ใยไหมที่นั่งอยู่อีกฟาก
“อย่าไปว่าคุณแกเลยไหม พี่ไม่มองรถเองแหละ”
คาเรนมองคนพูดจากกระจกหลัง ใยไหมเตรียมจะต่อว่าอีก หากเสียงเพลงรอสายโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คาเรนมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอแล้วกดรับทันที
“ฮัลโหลภาษิต”
“นายอยู่ไหนคาเรน นี่มันเลยเวลานัดแล้วนะ” เสียงคนปลายสายบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดพอสมควร คาเรนยิ้มกับน้ำเสียงของเพื่อน เขาลืมไปเลยว่ามีนัดกินข้าวกับเพื่อน
“ต้องขอโทษนายจริงๆ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ฉันต้องพาคุณผู้หญิงไปส่งโรงพยาบาล” คาเรนตอบเสียงทุ้มด้วยภาษาไทยที่ชัดเจนจนใยแก้วอดยิ้มไม่ได้ ฝรั่งพูดไทยได้คล่องขนาดนี้คงอยู่เมืองไทยมานานพอสมควร คาเรนชำเลืองมองกระจกหลัง เห็นรอยยิ้มหวานของหญิงสาวทำเอาอึ้งไปอีก เล่นเอาคนปลายสายเป็นห่วง
“คาเรน! คาเรน!” เสียงในโทรศัพท์ทำให้ชายหนุ่มดึงสติกลับมา
“ฟังอยู่ ฉันไม่เป็นไร แต่คุณผู้หญิงเจ็บข้อเท้าแล้วก็มีแผลตามตัวนิดหน่อย”
“ทำไมนายไม่เอาเงินให้ จะได้จบๆ พาไปส่งโรงพยาบาลให้ยุ่งยากทำไม” เสียงคนปลายสายดังพอที่จะทำให้ใยไหมซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ได้ยิน เธอจึงหันไปมองคาเรนด้วยสายตาไม่พอใจ
“ฉันขอคุยกับเพื่อนคุณหน่อยค่ะ” ใยไหมบอกอย่างหมดความอดทน
“ไหมอย่าเสียมารยาทสิ” ใยแก้วเตือนสติน้องสาว คาเรนจำต้องส่งโทรศัพท์ให้หญิงสาว
“นี่คุณ คิดว่าเงินคุณยิ่งใหญ่มากหรือยังไงถึงจะเอามาซื้อชีวิตคนอื่น มีสมองไม่รู้จักคิด เห็นชีวิตคนจนไม่มีค่า” ใยไหมต่อว่ายาวเป็นชุด ทำเอาคนปลายสายเงียบไป
“เธอเป็นใคร”
ใยไหมไม่ตอบ แต่กดสายทิ้ง แล้วส่งโทรศัพท์เครื่องเล็กคืนให้ชายหนุ่ม
“ต้องขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับคุณ เอ่อ…” คาเรนเอ่ยกับสองสาว
“ใยแก้วค่ะ แล้วนี่ใยไหมน้องสาวฉัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมคาเรน” คาเรนร้องว้าวในใจ นี่ถ้าภาษิตเห็นสองสาวที่สวยกันคนละแบบคงตกตะลึงเหมือนเขาแน่ๆ
ส่วนคนที่ถูกต่อว่านั่งหน้าบึ้งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ในห้องทำงาน ดวงตาคมกริบลุกวาวอย่างไม่พอใจ ผู้หญิงค่อนประเทศไม่มีใครกล้าต่อว่าเขา เธอคนนั้นเป็นใครกันบังอาจมาสั่งสอนเขา เจอหน้าจะด่าให้อ้าปากไม่ทันเลยคอยดูสิ…ภาษิตคาดโทษคนไม่เคยเห็นหน้า อารมณ์ปั่นป่วนจนไม่มีสมาธิทำงาน ขณะที่อารมณ์เดือดดาลอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกเคาะเบาๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญ…” ภาษิตละสายตาจากเอกสาร มองคนที่เดินเข้ามาในห้อง รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างยินดีเมื่อเห็นมารดาเดินเข้ามา
“แม่” ภาษิตเดินไปกอดมารดาอย่างเอาใจ มาดามมณีจันทร์ยิ้มให้ลูกชาย เฟอร์ดาลมองแม่ลูกกอดกันกลมเหมือนไม่เจอกันมานาน ทั้งที่ไม่ได้เจอกันเพียงแค่สามวันที่เขากับภรรยาบินไปดูงานที่อังกฤษแค่นั้นเอง
“พ่อกับแม่กลับมาเมื่อไหร่ครับ เห็นบอกจะไปเป็นอาทิตย์”
“พ่อเสร็จธุระแล้วก็บินกลับมาเลยจ้ะ เพราะมีประชุมต่อที่สิงคโปร์” มณีจันทร์ยิ้มให้ลูกชาย
“เห็นเลขาแกบอกว่าบ่ายมีนัดกับคาเรนไม่ใช่เหรอ” เฟอร์ดาลถามบุตรชาย หลังจากเดินมานั่งที่ชุดรับแขกสีครีมกลางห้อง
“คาเรนเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับพ่อ”
“ตายจริง แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“ไม่ครับแม่ แต่ผู้หญิงคนนั้นนิสัยแย่มาก” ภาษิตเล่าให้มารดาฟังอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมอุตส่าห์หวังดีแนะนำให้คาเรนจ่ายเงินไปเรื่องจะได้จบๆ แม่คุณด่ามาเป็นชุดว่าผมเอาเงินฟาดหัว”
“ฮ่าๆ ๆ” เฟอร์ดาลหัวเราะเสียงดังที่เจ้าลูกชายของเขาโดนผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ต่อว่า ทั้งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่วิ่งเข้ามาหาลูกชายเขามีแต่คอยประจบตามใจสารพัด โชคดีที่เขาและภรรยาคอยอบรมเลี้ยงดูลูกชายเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เล็ก แต่ภาษิตก็ยังไม่วายเอาแต่ใจในตอนโต
“คุณก็ หัวเราะลูกทำไมคะ” มณีจันทร์ค้อนสามี
“คุณก็ดูหน้าลูกชายตัวดีของคุณสิ ถ้าเป็นพ่อก็คงว่ากลับแบบนั้นเหมือนกัน เออ! ชักอยากเห็นผู้หญิงที่กล้าต่อว่าแกแล้วสิ…” เฟอร์ดาลพูดกับภาษิตอย่างอารมณ์ดี
“ไม่มีทางหรอกครับ เห็นหน้าผมขี้คร้านจะรีบวิ่งมาซบอก” ชายหนุ่มบอกผู้เป็นพ่ออย่างมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเอง ซึ่งข้อนี้ทั้งเฟอร์ดาลและมณีจันทร์เองก็รู้ เพราะลูกชายมีข่าวกับผู้หญิงไม่เว้นแต่ละวัน
“แล้วพ่อจะคอยดูว่าคราวนี้ใครจะซบใคร” คนเป็นพ่อพูดติดตลก ทำให้ภรรยาที่พร้อมจะเข้าข้างลูกชายส่งค้อนให้อีกรอบ
“พอกันเลยพ่อลูกคู่นี้” มาดามเอ่ยออกมาใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“แต่พ่อขออย่างเดียว”
“นี่คุณอย่าบอกนะว่าจะให้ลูกแต่งงานกับยัยนางแบบคนนั้น” มณีจันทร์เอ่ยถึงคู่ควงคนล่าสุดของลูกชายที่เป็นข่าวด้วยกันเมื่อสองวันก่อน
“ไม่ใช่หรอกคุณ ผมรู้ว่าเธอหิวเงินมากกว่ารักลูกของเรา”
“แล้วพ่อหมายถึงอะไรครับ” ภาษิตมองหน้าบิดา
“ขอหลานหัวปีท้ายปีเลยนะ พ่อกับแม่จะหยุดทำงานเลี้ยงหลานอยู่บ้านเสียที ทำงานตั้งแต่หนุ่มยันแก่ขอพักเลี้ยงหลานบ้างเถอะ”
คนเป็นพ่อแม่หัวเราะออกมาอย่างถูกใจ ส่วนคนที่เป็นความหวังยืนทำหน้าปูเลี่ยนอยู่ข้างมารดา
*** ขอบคุณคร้า ***
