8 สร้างเรื่อง
"ก็..จบแค่ม.ปลายค่ะเคยเป็นแม่บ้านมาก่อนนี่แหละค่ะ"
"ทำไมอ่านภาษาอังกฤษได้คล่อง"
ดวงตาคมเริ่มจ้องแม่ครัวคนใหม่เขม็งเพราะความสงสัยในตัวของเธอเริ่มทวีคูณมากขึ้น
"ก็..ขยันอ่านหนังสือสิคะสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนเข้าถึงง่ายมากเลยนะคะพ่อเลี้ยง"
วันหนึ่งยังคงหาทางหนีทีไล่คนที่ถามได้ตลอดแอบภูมิใจกับตัวเองในใจที่ตนนั้นหัวไวอยู่เหมือนกันและเชื่อว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มคงจะไม่กังขาในความรู้ของเธอด้วยสมัยนี้สื่อการเรียนการสอนมีได้ทุกที่อยู่ที่ใครอยากจะหาความรู้เพิ่มเติมหรือไม่เท่านั้น
"อืม..”
น่านน้ำนิ่งไปครู่หนึ่งทำเอาวันหนึ่งเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าจะเชื่อสิ่งที่เธอพูดหรือไม่
“ผมชื่นชมนะคนเราถึงจะไม่ได้ร่ำเรียนมาสูงแต่รู้จักขวนขวายอันนี้ถือเป็นข้อดี"
"ขอบคุณที่ชมหนึ่งนะคะ..เดี๋ยวหนึ่งขอตัวไปทำความสะอาดส่วนอื่นก่อนนะคะ"
"อืม"
วันหนึ่งยิ้มร่าอย่างโล่งอกและรีบเดินปรี่ออกไปจากห้องทำงานของน่านน้ำทันทีก่อนจะมีคำถามอะไรมาเพิ่ม ยังไม่ทันที่สาวเจ้าจะได้เดินผ่านห้องทำงานของน่านน้ำไปไกลเมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนของพ่อเลี้ยงหนุ่มเปิดอยู่เธอก็รีบแทรกตัวเข้าไปในนั้นทันทีเพราะเมื่อตอนที่ไออุ่นพาดูห้องที่ต้องทำความสะอาดเธอยังไม่ได้เข้ามาในห้องนอนของเขาและเชื่อว่าห้องนอนของชายหนุ่มนี่แหละที่จะทำให้เธอได้รู้ตัวตนของเขามากขึ้น
สาวเจ้าเริ่มจากการวางไม่กวาดกับที่ตักขยะที่หน้าประตูห้องและเริ่มกวาดสายตามองไปยังเฟอร์นิเจอร์และของประดับตกแต่งห้องนอนพบว่ามันไม่ได้มีอะไรหวือหวาเตียงนอนก็เป็นเพียงเตียงไม้ขนาดหกฟุตที่เธอดูออกว่าราคาไม่แพงมากนักแต่ดูแข็งแรงผ้าปูชุดเครื่องนอนก็เป็นโทนสีขาวสีเทาของตกแต่งในห้องไม่มีมีเพียงแค่ชั้นวางหนังสือมุมห้องเล็กๆเท่านั้นและหนังสือที่เขาอ่านก็จะเป็นเรื่องการบริหารธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทสาวเจ้าแอบแปลกใจพอสมควรว่าคนที่ทำงานอยู่กับไร่กับสวนสนใจเรื่องธุรกิจพวกนี้ด้วย
หลังจากสำรวจห้องที่ไม่มีอะไรของพ่อเลี้ยงหนุ่มเรียบร้อยคนตัวเล็กก็เริ่มเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อดูว่าน่านน้ำนั้นมีเสื้อผ้าอะไรบ้าง
"มีแต่สีพื้นๆงั้นหรอ...น่าจะเป็นคนไม่ค่อยหวือหวาสมถะพอสมควร"
ในตู้เสื้อผ้าของน่านน้ำก็มีเพียงเสื้อผ้าที่เขาใส่ทำงานและชุดสูทสองสามชุดไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะเอาไว้ใส่ตอนไหนแต่เท่าที่ดูเสื้อผ้าในตู้ชายหนุ่มจะเป็นโทนขาวดำเทาเท่านั้นไม่ได้แตกต่างอะไรจากห้องนอนและเสื้อผ้าก็มีแบรนด์บ้างแต่ไม่ใช่แฟชั่นเธอพอจะคิดได้แล้วว่าชายหนุ่มน่าจะเป็นคนไม่ค่อยชอบอะไรหวือหวาและรักความสงบจริงๆ
"ชั้นในล่ะ"
เมื่อกวาดดูเสื้อผ้าของพ่อเลี้ยงหนุ่มเรียบร้อยวันหนึ่งก็ยังอยากจะดูให้แน่ใจว่าชายหนุ่มจะชอบเพียงสีโทนเดียวกันไปเสียหมดหรือเปล่าเธอจึงเลือกที่จะเปิดตู้ลิ้นชักเล็กเพื่อดูว่าเขานั้นใส่ชั้นในที่มีสีสันแปลกไปกว่าพวกเสื้อผ้าหรือเปล่า
"มีแต่สีขาวกับดำงั้นหรอ.. เคยใส่ซ้ำกันบ้างป่ะเนี่ย"
สาวเจ้าหยิบชั้นในสองสีของชายหนุ่มขึ้นมามองขมวดคิ้วที่แม้แต่ชั้นในของน่านน้ำก็ยังคงคุมโทน
"ทำอะไรหนึ่ง"
ยังไม่ทันที่วันหนึ่งจะคิดวิเคราะห์ในนิสัยของน่านน้ำจากสีของเสื้อผ้าได้ละเอียดตอนนี้เจ้าของห้องก็ยืนขมวดคิ้วมองคนที่หยิบกางเกงในของเขาขึ้นมาพิจารณาคนที่ถูกจับได้ว่ามายุ่มย่ามที่นี่รีบเก็บชั้นในของพ่อเลี้ยงหนุ่มลงลิ้นชักเช่นเดิมทันที
"เอ่อ.. คือพ่อเลี้ยงอย่าเข้าใจผิดนะคะหนึ่งแค่.. แค่เห็นแมลงสาบมันเข้ามาแล้วมันก็วิ่งหนีมาในนี้หนึ่งเลยต้องรื้อเสื้อผ้าดูค่ะ"
"เดี๋ยวผมดูเองคุณไปทำอย่างอื่นเถอะ"
"ค่ะ"
คนตัวเล็กผุดลุกหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ตัวเองถือมาพิงไว้ข้างประตูและรีบวิ่งหนีน่านน้ำที่ยืนทำหน้ายักษ์ใส่เธอทันทีภาวนาในใจว่าอย่าให้พ่อเลี้ยงหนุ่มมองเธอเป็นโรคจิตเลยเธอมาดูของใช้ของเขาเพื่ออยากที่จะรู้นิสัยของชายหนุ่มเพิ่มเติมเท่านั้น
น่านน้ำมองตามหลังคนที่ลุกลี้ลุกลนวิ่งออกไปจากห้องด้วยสายตาฉงนเขามองออกว่าเมื่อครู่หญิงสาวหยิบชั้นในของเขามามองอย่างไม่มีความเคอะเขินเลยแม้แต่น้อยทั้งที่ยังสาวยังแส้แม่ครัวคนใหม่ของเขามีอะไรให้ทึ่งอยู่เสมอจริงๆ
"เฮ้อ.. ทำงานบ้านแค่นี้ก็ได้เหงื่อเยอะเหมือนกันแฮะ"
หลังทำงานบ้านได้พักใหญ่คนตัวเล็กก็มายืนปาดเหงื่อหน้าเครื่องซักผ้าที่หยุดทำงานไปแล้วเธอเปิดฝาถังได้ก็รีบควานหยิบเสื้อผ้าที่ถูกปั่นแห้งเรียบร้อยลงตระกร้าแต่ก็ต้องมาสะดุดกับเสื้อกล้ามสีขาวสองตัวสุดท้ายที่ตอนนี้มันทีทั้งคราบเหลืองคราบหมองคล้ำจนดูไม่เป็นสีขาวดั่งเดิม
"หืม.. ทำไมเป็นสีนี้ล่ะ"
วันหนึ่งสีหน้าไม่สู้ดีเพราะรู้ได้เลยว่าต้องถูกน่านน้ำดุแน่นอนคิดได้ดังนั้นจึงรีบม้วนเสื้อทั้งสองให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้และวิ่งเข้าไปในบ้านหมายจะเอาไปก็บในห้องและวานให้ไออุ่นไปซื้อเสื้อใหม่มาให้แต่นังไม่ทันจะวิ่งได้ถึงไหนน่านน้ำก็โผล่หน้ามาหาเธอเสียก่อน
"เสื้อผม"
น่านน้ำรีบแกะผ้าจากมือของวันหนึ่งทั้งมองสาวเจ้าด้วยสายตาคาดโทษหญิงสาวทำงานที่นี่ไม่ถึงวันก็สร้างเรื่องหลายเรื่องเหลือเกินคนที่ทำผิดรีบก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาคนตัวโตแม้แต่นิดเดียว
"คุณทำงานบ้านงานครัวเป็นจริงๆหรือเปล่าหนึ่ง.. ไม่รู้หรือไงว่าผ้าขาวต้องแยกซัก"
"ขอโทษค่า..ตอนเอาใส่เครื่องซักผ้าหนึ่งไม่เห็นว่ามีเสื้อขาวอยู่ด้วยค่ะขอโทษจริงๆ"
วันหนึ่งยกมือไหว้พ่อเลี้ยงหนุ่มประหงกๆ
"พ่อเลี้ยงครับ.. พ่อเลี้ยง"
สายตาของสองหนุ่มสาวกวาดมองไปทางหน้าบ้านที่มีเสียงคนเรียกพร้อมกันน่านน้ำจำได้ดีว่าเป็นเสียงครูใหญ่ที่โรงเรียนในหมู่บ้านจึงยื่นเสื้อในมือของเขาให้วันหนึ่งก่อนจะเดินออกไปรับหน้าคนที่มาหา
"เห่อะ..โล่งอก"
วันหนึ่งขอบคุณใครบางคนที่มาในตอนนี้ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดของเธอเมื่อครู่ชะงักลงได้
"มาหาผมถึงบ้านมีธุระอะไรหรอครับครูใหญ่"
น่านน้ำทักทายครู่ใหญ่สำเริงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพราะเขารู้จักครูใหญ่ตั้งแต่ยังเด็กๆด้วยคนเป็นปู่ชอบพาไปที่โรงเรียนในหมู่บ้านเพื่อบริจาคของให้โรงเรียนอยู่บ่อยๆ
"หลังคาห้องสมุดที่โรงเรียนมันผุจนถล่มลงมาครับผมเลยอยากขอแรงคนในไร่ไปช่วยกันซ่อมหลังคาหน่อยเงินงบประมาณที่ทางโรงเรียนมีได้แค่ซื้ออุปกรณ์เท่านั้นครับแต่ไม่มีพอจ่ายค่าแรงคน"
"อ๋อ.. ได้สิครับไปซ่อมได้วันไหนล่ะครับเดี๋ยวผมให้ลุงคำอ้ายหาอาสาสมัครให้"
"เสาร์นี้ครับ"
"ได้ครับ"
วันหนึ่งชะเง้อมองอยู่ตลอดว่าน่านน้ำจะเดินกลับมาหาเธอเมื่อไรเมื่อเห็นเขาดิ่งเข้ามาหลังบ้านได้เธอก็รีบวิ่งไปประจำที่หน้าเครื่องซักผ้าและทำทีเป็นคุยโทรศัพท์
"จ่ะย่า...ย่าอย่าลืมทานยาให้ตรงเวลาด้วยรู้มั้ย..เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้เงินเดือนหนึ่งน่าจะออกหนึ่งจะพาย่าไปหาหมอดีๆนะดูแลสุขภาพด้วยนะย่า"
หลังจากพูดทุกอย่างที่อยากจะพูดจบสาวเจ้าก็หันกลับมายิ้มแหยให้พ่อเลี้ยงหนุ่มที่ยืนกอดอกมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉยที่เธอเองก็เดาอารมณ์ไม่ออกเช่นกันหวังว่าที่แสร้งคุยโทรศัพท์กับย่าเธอเมื่อครู่จะทำให้น่านน้ำไม่ดุเธอเรื่องเสื้อสีตกแล้ว
"พ่อเลี้ยง.. คือเรื่องเสื้อพ่อเลี้ยงเดี๋ยวหนึ่ง.. ซ"
"ช่างมันเถอะทีหลังก็อย่าลืมแยกซักผ้าขาวละกัน"
"ค่ะ"
สาวเจ้าอมยิ้มแก้มปริมองตามหลังคนตัวโตที่พึ่งจะเดินจากเธอไปด้วยความปลื้มใจตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าจุดอ่อนของพ่อเลี้ยงน่านน้ำคนนี้คือความขี้สงสาร
