ตอนที่2
..หนึ่งปีก่อนหน้านี้..
[นิวยอร์ก , ประเทศสหรัฐอเมริกา]
วัลวารีกรีดร้องเสียงดังในใจเมื่อได้รับอีเมลตอบกลับจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเคแอมบาสที่เธอส่งใบสมัครไปเมื่อสองเดือนก่อน ใครจะไปคิดว่าหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งที่เดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเลจากประเทศไทยมาทำงานที่ใฝ่ฝันไกลถึงสหรัฐอเมริกา
"เป็นอะไรวารี ยิ้มหน้าบานเชียว" เพื่อนร่วมงานร้านกาแฟที่เธอทำช่วงพาร์ทไทม์ระหว่างรอบริษัทที่ส่งใบสมัครไปตอบกลับมา
"โรงแรมแอมบาสเรียกฉันไปสัมภาษณ์" วัลวารีเป็นคนไทยคนเดียวในร้านกาแฟ แต่เธอสามารถสื่อสารภาษาอักฤษได้คล่องแคล่ว
"จริงเหรอ! แน่ใจนะ!" เพื่อนร่วมงานถามซ้ำๆ อีกครั้งให้แน่ใจ
"จริง นี่ไงๆ" วัลวารียกโทรศัพท์ให้เพื่อนร่วมงานอ่านอีเมลที่ได้รับ
"กรี๊ด!!" เสียงกรี๊ดของเพื่อนดังขึ้นทันทีที่ได้เห็นเนื้อหาในอีเมลฉบับนี้
เครือเคแอมบาสเป็นที่หนึ่งในด้านธุรกิจโรงแรมที่มีกฎระเบียบค่อนข้างเคร่งครัด ถ้าหากละเมิดกฎของบริษัทจะต้องชดใช้ด้วยจำนวนเงินมหาศาล แต่เพราะผลตอบแทนและสวัสดิการพนักงานที่ดีเยี่ยมทำให้หลายคนอยากที่จะลองเสี่ยง วัลวารีเองก็เช่นกัน
"เธอสมัครตำแหน่งไหนไป"
"เลขาผู้บริหาร"
"..." คำตอบของวัลวารีทำให้เพื่อนร่วมงานนิ่งอึ้งไปต่อไม่ถูก เพราะตำแหน่งนี้ไม่ใช่ว่าใครก็เป็นได้แถมมีคนส่งใบสมัครเป็นร้อยๆ คน
"แอมม่าทำไมเธอนิ่งไปล่ะ"
"วารีเธอรู้ใช่ไหมว่าตำแหน่งนี้คู่แข่งเยอะมาก แต่ละคนการศึกษาดีกรีระดับมหา' ลัยชั้นนำทั้งนั้นเลยนะ"
"ฉันรู้ แต่ฉันว่าฉันสามารถสู้พวกเขาได้ ฉันเองก็เกียรตินิยมอันดับหนึ่งนะ" วัลวารีไม่หวาดหวั่นแม้คนที่ต้องเผชิญจะน่ากลัวแค่ไหน
"แต่เธอจบมาจากประเทศไทย คนอื่นเขา.." แอมม่าซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานแทบจะไม่เห็นวี่แววที่หญิงสาวชาวไทยตรงหน้าจะสู้กับคนอื่นๆ ได้
"ไม่ลองก็ไม่รู้ ถ้าไม่ได้ก็ค่อยสมัครใหม่จนกว่าจะได้" วัลวารีไม่ย่อท้อ เธอมุ่งมั่นที่จะทำงานที่นี่ เธอเก็บหอมรอบริบมาตลอด หลังจากเรียนจบทำงานที่ประเทศไทยได้เพียงสองปีเธอก็มุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศที่อยู่ในฝันของเธอมาตั้งเด็ก
เมื่อถึงวันที่รอคอยหญิงสาวในชุดสูตสีดำ กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยกับรองเท้าส้นสองเกือบสองนิ้วก้าวเท้าเข้าสู่สถานที่ที่เปรียบเสมือนสนามประลองของเธอ
"ดูสิเธอ ยัยบ้านนอกนั่นไม่สำเหนียกตัวเองเลย" เสียงซุบซิบจากคนที่อยู่ไม่ไกลกำลังนินทาวัลวารีที่เป็นสาวเอเชียคนเดียวในกลุ่มผู้สมัคร
"นั่นสิ คิดเหรอว่าสภาพแบบนี้จะได้เป็นเลขา เป็นแม่บ้านจะง่ายซะกว่า" คำดูถูกต่างๆ นานา ยังคงดังแล่นเข้าหูเธออยู่หลายนาที แต่วัลวารีกลับเมินเฉยไม่สนใจ เธอนั่งหลังตรงเตรียมรอเข้าสัมภาษณ์ไม่สนใจใครทั้งนั้น
หลายคนอาจจะคิดว่าอย่างเธอไม่สามารถทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้ได้หรอก เกียรตินิยมที่ได้มาจากมหาวิทยาลัยในประเทศไทยไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนคนอื่นๆ อีกทั้งประสบการณ์การทำงานที่น้อยนิดมีเพียงแค่งานบริษัทในประเทศบ้านเกิดและงานพาร์ทไทม์ชั่วคราวที่ทำช่วงที่อยู่ที่นี่
วัลวารีก็ยังมีความมุ่งมั่น หากครั้งนี้เธอไม่ได้รับเลือกให้เข้าทำงานที่นี่ เธอก็จะไม่หยุดพยายามและจะถือว่าการได้มาวันนี้คือการลองสนามฝึกฝนประสบการณ์ให้เธอแข็งแกร่งขึ้น เธอไม่ใช่คนที่จะถอยหลังกลับง่ายๆ
"คุณวัลวารีเชิญค่ะ" หญิงสาวลุกขึ้นด้วยท่าทางมั่นใจเดินตามพนักงานที่เรียกชื่อเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ที่เปรียบเสมือนสนามรบในจินตนาการของเธอ
ขาเรียวก้าวเท้าเข้าห้องสี่เหลี่ยมใหญ่ที่มีเพียงผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเฉียบคม ท่าทีน่าเกรงขามนั่งอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งผิดคาดกับที่เธอคิดอย่างมาก เขาส่งสายตาแข็งกร้างมองเธอตั้งแต่เดินเข้ามาจนเธอเดินมาหยุดตรงหน้าเขา
"สวัสดีค่ะ ดิฉัน.."
"ไม่ต้องแนะนำตัว เสียเวลา ฉันอ่านประวัติของเธอแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยขัดไม่ทันที่เธอจะได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ เธออุตส่าห์ฝึกซ้อมที่หน้ากระจกมาเป็นอย่างดี แต่เขากลับหักหน้าเธอไปเสียดื้อๆ
"ค่ะ" เสียงหวานตอบเพียงสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ยอมรับเลยว่าตอนนี้เธอกำลังอึ้งจนพูดไม่ออก
จู่ๆ คนตัวโตที่นั่งหน้าเครียดก็ลุกขึ้นเดินตรงมาหาเธอก่อนจะเดินวนรอบใช้สายตาไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าจนวัลวารีเริ่มรู้สึกประหม่า
"มีครอบครัวหรือยัง?"
"ยังค่ะ" เธอตอบทันควัน แต่ก็ยังมึนงงกับคำถามที่เขายิงมาแบบกะทันหัน
"ลูกล่ะ?"
"คะ? ไม่มีค่ะ" วัลวารีไม่เข้าใจเลยว่าคำถามเหล่านี้มันเกี่ยวกับการสมัครงานตรงไหน
คำตอบของเธอทำเอาคนที่ถามหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับกำลังพิจารณาบางอย่างด้วยความเคร่งเครียด สายตาที่เขามองเธอดูน่ากลัวจนเธอไม่กล้าขยับตัว
"เธอทำได้ทุกอย่างตามที่บอกไว้ในใบสมัครหรือเปล่า" เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกคำถามที่คราวนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับงาน
"ได้ค่ะ ไม่ว่าจะงานหนัก งานเบา ต้องเดินทางไกล หรือตื่นเช้าแค่ไหน ฉันสามารถทำได้ทุกอย่างค่ะ" วัลวารีตอบอย่างฉะฉานด้วยความมั่นใจ
"ความอดทนล่ะ"
"ฉันเป็นประเภทที่อดทนได้เก่งมากค่ะ" เพื่อที่จะได้งานในฝันเธอจึงเผยศักยภาพทุกอย่างออกมาเต็มที่ ถึงเธอจะตัวเล็กไม่ได้สูงชะลูด หุ่นเพรียวราวกับนางแบบแต่เธอสามารถทำงานได้ทุกอย่างได้แบบคุ้มค่าเงินเดือนแน่นอน
"ก็ดี ฉันถูกใจเธอนะ" สายตาคมเพ่งพินิจมองใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมสวยเป็นประกาย ผิวพรรณขาวเนียนน่าสัมผัส เขารู้สึกถูกใจเธอตั้งแต่ที่เธอก้าวเท้าเข้ามาในห้องนี้
"จริงเหรอคะ" วัลวารีเผลอยิ้มแก้มปริดีในที่คนตรงหน้าถูกใจเธอ ถึงจะไม่รู้ว่าเขาทำหน้าที่อะไรในโรงแรมนี้แต่การที่พอใจเธอก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี
ชายหนุ่มตัวสูงต้องปรับระดับสายตาลงมองคนที่สูงเพียงอกของเขา ใบหน้ายิ้มแย้มของเธอคงยังไม่รู้สินะว่าการได้เข้ามาทำงานกับเขาจะต้องเจอกับอะไร ร่างสูงทำแค่เพียงแสยะยิ้มมุมปาก พอใจกับคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน เพราะเขาไม่ได้เจอคนที่ตรงรสนิยมแบบนี้มานานแล้ว
