บท
ตั้งค่า

บทที่9.ใบหน้าหลังแว่นตาเชยๆ

หญิงสาวตื่นเช้าเป็นปกติ เพราะเรื่องวุ่นวายหลายเรื่องทำให้เธอหลับสนิทตลอดคืน นั้นอาจเป็นเรื่องดีเรื่องเดียวของเธอก็ได้ ณัชชารีบจัดการอาบน้ำชำระร่างกายแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูสีขาวสะอาด มือเรียวเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วถอนหายใจ เธอไม่ได้ตั้งใจจะซื้อเสื้อผ้ามากมายขนาดนี้ แต่พนักงานขายก็คะยั้นคะยอแถมพูดด้วยว่าเธอรู้นิสัยอันโตนิโอดี ถ้าซื้อน้อยเกินไปก็เหมือนไม่ให้เกียรติกัน แม้ว่าเธอจะงุนงงกับเหตุผลของพนักงานขายแต่เธอก็ไม่กล้าขัดใจ เธออยากได้เสื้อผ้าแบบเรียบๆ เสื้อผ้าแต่ละชุดที่ได้มาก็สวยงามมากแต่เธอก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนัก

“ไม่มีเวลาแล้ว”

ณัชชาบอกตัวเองให้ตัดสินใจเลือกหยิบออกมาสักชุด เธอแทบจะหลับหูหลับตาหยิบออกมาจากตู้แล้วรีบสวมบนร่างที่มีชุดชั้นในลูกไม้สวย หญิงสาวสวมเดรสสไตล์สาวหวานวิลเทจ เนื้อผ้าโพลีพิมพ์ลายดอกไม้ ช่วงแขนออกเป็นเชือกผูกโบว์ ช่วงกระโปรงพองนิดหน่อยจับจีบรอบเอวนิดๆ กระโปรงยาวคลุมเข่า ปมยาวถูกถักเปียหลวมๆ ปลายนิ้วดันแว่นตาชิดใบหน้าแล้วเดินออกจากห้องนอนของตัวเอง

ห้องนอนของเธอติดกับห้องนอนของอลองโซ เธอลังเลอยู่นิดหน่อยแล้วเคาะประตูเบาๆ อย่างเกรงใจ เธอไม่แน่ใจว่าเด็กชายวัยสิบขวบตื่นเวลากี่โมงแต่ประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กๆ จากสถานสงเคราะห์ทำให้เชื่อว่าเด็กทุกคนควรตื่นเช้าเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน

“อลองโซ ตื่นหรือยังคะ” เธอลองบิดลูกบิดประตู มันไม่ได้ล็อกเธอจึงเข้าไปได้ง่ายดาย เด็กชายนั่งอยู่ห้อยขาอยู่บนเตียงแล้วและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว

“ตื่นเช้าจังเลยค่ะ” ณัชชาเปิดรอยยิ้มจริงใจ “เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยใช่ไหมฉันชื่อณัชชา จะเรียกพี่ณัชก็ได้นะ ส่วนพี่ก็จะเรียกเธอว่าอลองโซก็แล้วกัน

เด็กชายพยักหน้าแล้วเปิดรอยยิ้มให้

“รู้ไหมว่าคนตื่นเช้าได้เปรียบคนตื่นสาย เพราะเราจะมีเวลาทำอะไรสนุกๆ มากกว่าคนอื่นไง”

เขากระโดดลงจากเตียงแล้วจูงมือเธอไปที่โต๊ะเขียนหนังสือซึ่งมีสมุดสเก็ตภาพและหนังสือภาพหลายเล่ม ณัชชาหยิบมาพลิกดูด้านในแล้วยิ้มกว้าง

“สวยมากเลยค่ะ แบบนี้เป็นจิตกรได้เลยนะ” เธอยิ้มให้ “แต่ก่อนอื่นเราต้องทานอาหารเช้าก่อนนะคะ เราจะได้มีพลังในการทำงานไงละ”

อลองโซพยักหน้าอีกครั้ง แล้วทำท่าจะเก็บสมุดสเก็ตภาพออกไปด้วย ณัชชาช่วยเด็กชายถือสมุดแล้วจับมือข้างหนึ่งของเขาเดินออกไปนอกห้องนอน

“แต่พี่ไม่รู้ว่าที่บ้านนี้กินข้าวกันที่ไหนนะซิ” ณัชชาพูดลอยๆ แต่อลองโซเข้าใจ เขากระตุ้นมือให้เธอเดินไปพร้อมกับเขา

“บ้านของอลองโซใหญ่มากเลยนะ พี่ต้องหลงทางแน่ๆ “

ณัชชาชวนเด็กน้อยคุยเพื่อสร้างความสนิทสนม เธอเป็นเด็กที่ไม่ค่อยน่ารักเลยได้อยู่โยงในสถานสงเคราะห์คอยดูแลเด็กใหม่ๆ ที่เข้ามา การไม่เชื่อใจใครไม่ไว้ใจใครทำให้พวกเขาปิดใจไม่ยอมพูดคุยกับใครเลยเธอเข้าใจความรู้สึกอย่างนั้นดี อลองโซเองแม้จะอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยแต่อาจพบเจอเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างหนักทำให้เขาไม่พี่ยอมพูดกับใครเลยก็เป็นได้ แต่น่าแปลกใจที่แม้แต่ผู้เป็นพ่อก็ไม่อาจทำให้เขาเปิดปากสนทนาด้วย

อลองโซพาพี่เลี้ยงคนใหม่มาที่ห้องอาหาร หญิงรับใช้ที่กำลังจัดโต๊ะอยู่ถึงกับประหลาดใจที่เห็นคุณชายตัวน้อยเดินมาที่ห้องทานอาหารด้วยตัวเอง ปกติอลองโซแทบไม่ยอมกินอาหารเช้าเลย เขากินข้าวไม่เป็นเวลาและพลอยทำให้คนอื่นๆ โดนอันโตนิโอดุทุกครั้งที่รู้

“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ณัชชาถามเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังยุ่งกับการจัดโต๊ะ

“ไม่เป็นไรค่ะ เชิญคุณพี่เลี้ยงนั่งรอก่อนนะคะ” หญิงรับใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นแล้วกุลีกุจอเตรียมอาหารเช้าให้คุณชายน้อย

ณัชชาอยากจะบอกว่าไม่ต้องทำให้เธอก็ได้แต่ดูว่าจะช้าไป ไม่กี่นาทีต่อมาอาหารเช้าก็ถูกยกมาวางตรงหน้า ณัชชานั่งข้างอลองโซแล้วมองจานอาหารของเขาซึ่งมีขนมปัง ไส้กรอก แฮม

“น่ากินทั้งนั้นเลย กินหมดจานนี้แล้วเราออกไปวาดรูปกันนะ ถ้ากินไม่หมดพี่ไม่ไปด้วย” เธอขู่หลอกๆ แต่เด็กชายก็เชื่อ เขาก้มหน้าก้มตากินอาหารอย่างรวดเร็วจนณัชชาต้องเตือนให้กินช้าๆ “ชอบสีเขียวไหมคะ ถ้าชอบต้องกินผักด้วยนะ ไม่งั้นผสมสีไม่สวยไม่รู้ด้วย”

อลองโซหัวเราะแล้วใช้ช้อนส้อมจิ้มผักเข้าปากเหมือนจะอวดให้ณัชชาดู

“ยอดเยี่ยมงั้นเรามากินผักแข่งกันนะ ว่าใครจะกินได้หมดก่อนกัน” ณัชชาอ้าปากกว้างตักสลัดผักเข้าปากคำโตแล้วบิขนมปัง Brioches เข้าปาก อลองโซทำเลียนแบบณัชชาแล้วหัวเราะออกมา

เสียงหัวเราะของเด็กชายตัวน้อยทำให้ทุกคนตะลึงงันไปแม้กระทั่งกับอันโตนิโอที่เดินเข้ามาในห้องทานข้าวก็ยังต้องหยุดมอง หัวใจของผู้เป็นพ่ออิ่มเอมใจในทันที เขาหวังว่าจะได้เห็นสิ่งนี้มาตลอดสามปี ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้เห็นอีกครั้งในเช้านี้

“เจ้านายครับ เรื่องที่ให้สืบ”

เปาโลเข้ามารายงานงานที่ได้รับมอบหมายแต่เมื่อเห็นเจ้านายยืนนิ่งอยู่ก็หยุดปากและมองไปทิศทางเดียวกับเขา เปาโลเองก็ยังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เจ้านายน้อยของเขากำลังกินมื้อเช้าและหัวเราะเสียงใส

“รอก่อน” อันโตนิโอสั่งแล้วเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ

ณัชชาเงยหน้ามองเจ้าบ้านแล้วหยุดเสียงหัวเราะของตัวเอง เธอเกรงว่าการกินไปคุยไปและเล่นไปด้วยจะเป็นมารยาทที่ไม่ดีนัก

“อย่ากินไปหัวเราะไป เดี๋ยวสำลัก” เขาปรามแต่ไม่ได้ต่อว่า

อลองโซหยุดหัวเราะแต่ยังยิ้มนิดๆ แล้วดื่มนมหมดแก้ว ณัชชาหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดมุมปากแล้วชมเชยเขาที่ทานอาหารหมด หญิงสาวหันไปหาเจ้าของบ้านที่ยกกาแฟดำขึ้นดื่ม

“ปกติอลองโซไปโรงเรียนยังไงคะ”

“ผมให้ครูมาสอนที่บ้าน” เขาตอบน้ำเสียงราบเรียบ จะเริ่มเรียนประมาณสิบโมงเช้า”

“ค่ะ” เธอยิ้มน้อยๆ “อลองโซชอบวาดรูปมาก เช้านี้ขอพาเขาไปวาดในสวนนะคะ”

“ได้ซิ” อันโตนิโอพยักหน้ารับ “เรื่องแบบนี้คุณไม่ต้องขออนุญาตผมหรอก”

“ค่ะ” หญิงสาวรู้สึกอึดอัดเล็กๆ แล้วหยิบกระดาษที่พับไว้ในกระเป๋ากระโปรงส่งให้เขา “เมื่อคืนฉันเขียนรายละเอียดคราวๆ และรูปถ่ายที่ฉันมีเกี่ยวกับแฟนของฉันค่ะ เผื่อว่าคุณจะใช้มันเป็นเบาะแสสืบเรื่องของเขา”

“ได้ซิ” อันโตนิโอรับกระดาษที่มีลายมือสวยและรูปถ่ายใบเล็ก น่าจะเป็นรูปถ่ายที่เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ ผู้ชายหน้าตาดีเลยทีเดียวแต่ก็มีแววเจ้าชู้ไม่น่าจะเป็นคนรักของผู้หญิงเชยๆ คนนี้ได้เลย “คุณจะพาอลองโซออกไปก่อนก็ได้ เช้านี้ผมเข้าประชุมที่ออฟฟิศอีกสักเดี๋ยวก็จะออกไปแล้ว”

“ค่ะ” ณัชชารับคำเบาๆ แล้วจูงมืออลองโซเดินออกมาจากห้องทานอาหาร

“เปาโล” อันโตนิโอเรียกบอร์ดี้การ์ดคนสนิท

“ครับท่าน” ชายหนุ่มก้าวเข้าไปใกล้

อันโตนิโอโบกมือไล่ให้คนรับใช้ออกไปให้หมดเหลือเพียงเขากับเปาโลเท่านั้น “ว่ามา”

“บ้านหลังนั้นมีคนเช่าอยู่สามคน เพื่อนบ้านบอกว่าพวกนี้เป็นนักศึกษาหนึ่งในนั้นเป็นคนไทยชื่อมนตรี เขาอยู่ที่นี่มาปีเศษแล้วครับ ผมไปดูบ้านที่ถูกรื้อค้นแล้ว ไม่เหมือนพวกหัวขโมยมายกเค้าเพราะที่นั้นก็ไม่ได้มีสมบัติอะไร ข้าวของส่วนใหญ่อยู่ครบแต่ที่รื้อค้นทำลายข้าวของน่าจะเป็นการขู่หรือส่งสัญญาณเตือนเสียมากกว่า”

“คิดว่าเป็นพวกไหน” ชายหนุ่มปรายตามองกระดาษที่มีลายมือสวยๆ ตรงหน้า

“ผมไม่กล้าฟันธง เรายังไม่รู้ว่าผู้ชายสามคนในบ้านหลังนั้นเป็นใครทำอะไรเกี่ยวข้องกับใคร”

“งั้นก็สืบซะ” มือใหญ่ผลักกระดาษตรงหน้าส่งให้ลูกน้อง “รับงานนี้ไปจัดการซะ แล้วก็โทรไปสถานทูตจัดการเรื่องณัชชาด้วย”

“แล้วเจ้านายไม่ให้ผมตามไปที่ทำงานด้วยหรือครับ” เปาโลถามแล้วเก็บกระดาษพร้อมรูปถ่ายมาเก็บไว้

“ไม่เป็นไร ฉันดูแลตัวเองได้” เขายกกาแฟดื่มจนหมดแก้ว

“รับทราบครับ แต่ผมคงต้องขอคุยกับคุณณัชชาเพื่อขอข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม”

“ก็ได้” อันโตนิโอลุกขึ้นยืน “นายว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง”

“เท่าที่เห็นวันนี้ดูน่ารักกว่าวันนั้น” เปาโลยิ้มไม่เก็บอาการแต่คำตอบของเขาทำให้อันโตนิโอขมวดคิ้ว

“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”

“อ้าว...เอ่อ...ครับ” เปาโลทำหน้าเหวอไป “ดูท่าทางเป็นคนดีไม่มีพิษมีภัย”

“เธอทำให้อลองโซหัวเราะได้” อันโตนิโอถอนหายใจเบาๆ

“ถ้าเธอพบคนรักของเธอแล้ว เธอก็จะกลับเมืองไทยใช่ไหมครับ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ก็ไม่เสมอไปหรอก”

“เอ๊ะ! ทำไมละครับ”

“อะไรก็ตามที่ทำให้อลองโซกลับมาเป็นปกติได้ ฉันยอมทำทั้งนั้น” เขาสอดมือล้วงกระเป๋าแล้วเดินออกมาอย่างเงียบๆ

“ทราบแล้วครับเจ้านาย”

ชายหนุ่มในชุดสูตรสีเข้มเดินผ่านสวนหย่อมหน้าบ้านซึ่งเป็นมุมที่ลูกชายเขาชอบนั่งเล่นหรือวาดรูปแม้บ้านจะกว้างขวางเพียงใดเขาก็จะอยู่ที่มุมนี้เสมอ เขาเดินไปใกล้ๆ ลูกชายที่นั่งวาดรูปอยู่แล้วก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ซื้อสีกับหนังสือภาพให้

“พ่อไปทำงานก่อนนะ” เขาลูบศีรษะลูกชายแล้วหันไปทางณัชชาที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน “ฝากดูแลอลองโซด้วยนะครับ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ คุณไปทำงานเถอะค่ะ ”

ประโยคสนทนาเรียบง่ายแต่ทำให้เขาคิดถึงคำว่า ‘ครอบครัว’ การรู้ว่ามีใครรอเราอยู่ทำให้เขาอยากกลับบ้านเร็วๆ แต่ช่วงหนึ่งเขาเองก็เอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทไปกับการทำงานจนแทบไม่มีเวลาให้คนในครอบครัวเลย นั่นเป็นความรู้สึกผิดติดค้างอยู่ในใจถึงทุกวันนี้

ดวงตาสีเทามีแววอ่อนโยนทำให้ณัชชาเผลอยิ้มบางๆ เธอไม่ได้ยิ้มให้เขาแต่เธอยิ้มให้ความอ่อนโยนที่ตัวเขามี ผู้ชายที่ดูแข็งกราวและปากร้ายแต่พออยู่กับลูกชายแล้วกลายเป็นคนอบอุ่นขึ้นมา เธอเชื่อว่าอีกไม่นานอลองโซก็คงจะกลับมาเป็นปกติ อันโตนิโอไม่พูดอะไรแล้วเดินจากไป หญิงสาวหันมามองเด็กชายตัวน้อย ผมสีน้ำตาลเป็นลอนเหมือนตุ๊กตาและมีดวงตากลมโตสีเดียวกับผู้เป็นพ่อ เธอยื่นมือไปแตะผมสวยๆ ของอลองโซแล้วอดยิ้มไม่ได้

“โตขึ้นต้องหล่อเหมือนคุณพ่อแน่ๆ เลย”

“พ่อหล่อแม่สวยยังไงลูกก็ต้องเพอร์เฟคครับ”

ณัชชาเงยหน้ามองตามเสียงที่ได้ยิน ผู้ชายตัวใหญ่ยิ้มให้อย่างเป็นกันเองแล้วทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ เธอกับอลองโซ “ผมหมายถึงคุณอลองโซครับ”

“อ้อ...ฉันก็ว่าอย่างนั้นค่ะ” เธอยิ้ม “ฉันชื่อณัชชาค่ะ”

“ผมเปาโลครับ” เปาโลยื่นมือไปทักทาย “ผมเป็นดูแลปัญหาของคุณ”

“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มเศร้าลงทันที “ถ้าไม่ได้เจอคุณอันโตนิโอหรือคุณเปาโล ฉันคงแย่แน่ๆ ไม่รู้จักใครที่นี่เลย”

“เราเองก็ต้องขอบคุณคุณที่ทำให้อลองโซยิ้มได้แบบนี้”

“น่าแปลกนะที่เป็นฉัน” ณัชชาปัดปอยผมที่ปรกหน้า แต่ไม่กล้าพูดต่อว่า ‘หน้าตาฉันคงไม่ได้ไปคล้ายแม่ของอลองโซหรอกนะ’

เปาโลมองใบหน้าหวานของหญิงสาวแล้วยิ้มให้ “อาจเพราะคุณเป็นคนไทย คุณคล้ายภรรยาคนที่สองของคุณริคาโด้”

“อะไรนะคะ”

“เอ่อ...คือพ่อของคุณอันโตนิโอท่านชื่อริคาโด้ ท่านมีภรรยาหลายคนครับ แต่คนที่สองที่มีบุตรด้วยกันเป็นผู้หญิงไทย ช่วงที่คุณอลองโซเป็นเด็กเล็กๆ ก็ได้คุณผู้หญิงเป็นคนดูแลจนท่านเสีย ตอนนั้นคุณอลองโซก็ราวๆ สี่หรือห้าขวบ พออายุเจ็ดขวบก็มาเสียคุณแม่ไป คุณอลองโซก็กลายเป็นคนไม่พูดไม่ยิ้มตั้งแต่นั้นมา”

“น่าสงสารจริงๆ”

“ครับ” เปาโลพยักหน้ารับ “ผมต้องไปทำงานแล้ว รบกวนดูแลคุณชายอลองโซให้ด้วยนะครับ”

“ด้วยความยินดีค่ะ” ณัชชายิ้มให้อีกครั้ง “ฉันเองก็ต้องรบกวนคุณช่วยสืบเรื่องของแฟนฉันด้วยนะคะ”

เปาโลเผลอขมวดคิ้วแต่ก็ยิ้มให้ ผู้หญิงอ่อนโยนและอ่อนโลกอย่างเธอทำไมถึงคบผู้ชายที่ออกแนวเสือผู้หญิงได้นะ แต่เอาเถอะ! มันไม่ใช่เรื่องของเขา เขาไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วบอกลาอีกครั้ง

“โอ๊ย!”

“เกิดอะไรขึ้น”

เปาโลได้ยินเสียงหวานร้องเสียงหลงก็รีบหันกลับไปมอง ณัชชาก้มหน้าแล้วถอดแว่นตาออก

“สงสัยจะฝุ่นนะคะ ฉันเผลอขยี้ตาเลยเจ็บหนักเลย” เธอหัวเราะเบาๆ แก้เขินในความซุ่มซ่ามของตัวเอง “ไม่เป็นไรแล้วค่ะขอบคุณมากค่ะ”

ชายหนุ่มเหมือนจะลืมหายใจไปชั่วขณะ ใบหน้าที่ไร้แว่นตากรอบหนาสีดำสวยใสไร้ที่ติ ใครเลยจะรู้ว่าหลังแว่นตาอันโตและท่าทีเชยๆ จะซุกซ่อนความงดงามน่าหลงใหลถึงเพียงนี้ เขามองเพลินจนเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ณัชชาใส่แว่นตาตามเดิมแล้วมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

“ไม่มีอะไรครับ” เขาสะบัดศีรษะไปมา “เจอกันมื้อเย็นนะครับ”

“ค่ะ”

เปาโลเดินออกมาอย่างเงียบๆ เขานั่งในรถแล้วอ่านลายมือสวยๆ ของณัชชาอีกครั้งและมองดูรูปที่เธอแนบมาให้อีกหน ความเป็นบอร์ดี้การ์ดมาหลายปีทำให้เขาจดจำใบหน้าคนได้อย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนพวงมาลัยรถอย่างครุ่นคิด เขาอาจพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าณัชชาเป็นคนสวยแต่เธอน่ารักและมีเสน่ห์ในตัวเอง รอยยิ้มบนใบหน้าอ่อนหวานทำให้ใจของเขาวูบหวั่นไหวอย่างไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน จะเป็นอะไรไหมนะ ถ้าเขาจะจีบผู้หญิงที่มีแฟนแล้วอย่างเธอ.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel