บทที่2. ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มเงยหน้าจากการอ่านข่าวบนหน้าจอไอแพดเครื่องบางเฉียบของตนเองแล้วมองไปยังลูกชายที่กำลังรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ กับครอบครัวของน้องชายคนเล็ก
ครอบครัวของเขามีด้วยกันสามคน ตัวเขาเองเป็นพี่คนโตที่ต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัว ฟรานเชสโก้ น้องชายคนรองและราฟาเอลน้องชายคนเล็ก ทั้งสองคนต่างมีนิสัยที่แตกต่างกันแต่ที่เหมือนกันคือพวกเขาหลงรักหญิงสาวชาวไทย ราฟาเอล-น้องชายคนเล็กเลือกใช้ชีวิตกับครอบครัวที่แสนน่ารักที่เมืองไทย ส่วนฟรานเชสโก้ดูแลกิจการของภรรยาอเมริกา
อันโตนิโอ ซิวีลิอาโน่ ถอนหายใจระบายความเครียดในอก อีกสองสัปดาห์อลองโซ-ลูกชายของเขาก็จะอายุสิบขวบ แต่หัวใจของคนเป็นพ่อก็ต้องปวดร้าวเมื่อลูกชายเขาไม่พูดไม่จามาเกือบสามปีแล้ว เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขาสูญเสียภรรยาที่แต่งงานกันมาเจ็ดปี แม้อลองโซจะรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ ลูกชายเขาต้องอยู่ห้องไอซียูนานสามสัปดาห์แต่เมื่ออลองโซลืมตาจากเด็กชายที่ร่าเริงสดใสกลับเป็นคนเงียบงันเก็บตัวและที่สำคัญ เขาไม่ยอมพูดจากับใครแม้กับคนเป็นพ่อ เขาพยายามรักษาทุกวิถีทางไม่ว่าจะเสียเงินทองเท่าไหร่ หมอที่ว่าดีๆ เขาพาลูกชายคนเดียวตระเวนไปหาเพื่อให้ได้ลูกชายคนเดิมกลับมาแต่ก็พบกับความผิดหวัง การรับรักษากับจิตแพทย์เป็นทางเลือกสุดท้ายและคำตอบที่ได้ก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวด
“เขาได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจเป็นอย่างมาก คงต้องให้เวลาเขาสักหน่อย มีผู้ป่วยหลายคนที่ดีขึ้นได้ด้วยตัวเอง”
ผ่านมาเกือบสามปีแล้ว แต่ลูกชายเขาก็ยังไม่เปิดปากพูดกับเขาหรือกับใครเลยสักคำ เขาไม่ได้ไปเรียนแบบเด็กปกติทั่วไป อาการของอลองโซทำให้เขาต้องจ้างครูมาสอนที่บ้าน และเมื่อเขาจำเป็นต้องเดินทางไปไหนหลายวันก็จะพาลูกชายไปด้วยเสมอ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่บิดาส่งเขามาตรวจดูงานความเรียบร้อยทั่วไปแทบเอเชียเขาจึงพาลูกชายมาด้วย
“พี่น่าจะหาพี่เลี้ยงให้อลองโซสักคนนะ พาไปไหนมาไหนแบบนี้พี่เองจะลำบาก” ราฟาเอลเอ่ยทัก
“หาพี่เลี้ยงไม่ยากหรอก แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกใจอลองโซเลยสักคน” อันโตนิโอยิ้มเหนื่อยๆ “แล้วแต่ละคนที่เข้ามาก็ไม่ค่อยสนใจลูกชายพี่สักเท่าไหร่ ไม่อยากเป็นพี่เลี้ยงแต่อยากจะเป็นแม่เลี้ยงซะมากกว่า”
ราฟาเอลแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง “มันก็จริงนี่พี่...พี่ชายผมหน้าตาดีแถมร่ำรวยอีกต่างหาก ใครจะอยากเป็นแค่พี่เลี้ยงเด็กกันเล่า”
“นั้นแหละปัญหา อลองโซถึงหาพี่เลี้ยงดีๆ ไม่ได้สักคน”
“ผมว่าพี่หาแม่ใหม่ให้ลูกชายก็น่าจะดีนะ” คราวนี้ราฟา-เอลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “การมีครอบครัวที่อบอุ่นอีกครั้งอาจทำให้เขาดีขึ้นก็ได้”
“พูดเหมือนผู้หญิงดีๆ จะสั่งซื้อทางอีเบย์ได้อย่างนั้น” อันโตนิโอโคลงศีรษะไปมาแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “ฉันต้องกลับแล้ว มีธุระต้องไปเจอคนๆ หนึ่ง”
“ฝากอลองโซไว้ที่นี่ก่อนก็ได้” ราฟาเอลพยักหน้าไปทางเด็กชายวัยสิบขวบที่อยู่กับภรรยาของตนและลูกชายวัยขวบเศษ “บ้านเรานี่มีแต่ลูกชายนะ เหมือนโดนสาปเลยแฮะ”
“ก็มีอีกสักคนซิ เผื่อจะได้ลูกสาว” อันโตนิโอแตะไหล่น้องชายเบาๆ “ชีวิตครอบครัวนายเพิ่งเริ่มต้น จะมีลูกกี่คนก็ไม่ยากหรอก”
“พี่ก็เหมือนกัน ชีวิตมันไม่ได้หยุดแค่นี้หรอก”
อันโตนิโอยิ้มเหนื่อยจนแทบจะกลายเป็นรอยยิ้มประจำตัวของเขา “ถ้าอย่างนั้นฉันฝากลูกชายไว้สักสองสามชั่วโมงแล้วกัน เสร็จธุระแล้วจะรีบกลับ”
“จะขับรถไปเองเหรอ” ราฟาเอลถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่หรอก” ชายหนุ่มยักไหล่ “ให้คนขับรถมารอแล้ว จะนั่งทำงานในรถต่อ”
“โอเค” ราฟาเอลพยักหน้ารับ “ทำธุระตามสบาย ไม่ต้องเร่งรีบ เรื่องอลองโซเราช่วยดูแลให้”
“สองอาทิตย์นี้ลำบากนายกับครอบครัวที่ต้องช่วยดูแลลูกชายฉัน”
“เคยบ่นว่าลำบากเหรอ” ราฟาเอลหัวเราะ “พี่ดูแลผมลำบากกว่าเยอะ”
“เรามันครอบครัวเดียวกันนี่”
“แต่ครอบครัวเรามันไม่ธรรมดา”
ชายหนุ่มสองคนหัวเราะออกมาแล้วพี่ชายคนโตก็เดินไปลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ อลองโซเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาว่างเปล่า
“อยู่กับน้องก่อนนะลูก พ่อออกไปทำธุระเดี๋ยวจะกลับมารับ”
เด็กชายไม่เอ่ยตอบอะไรเช่นเคย เขาพยักหน้ารับแล้วหันไปนั่งนิ่งกับหนังสือเล่มหนาของตนเอง อันโตนิโอชินแล้วกับการตอบสนองของลูกชายแบบนี้ อย่างน้อยเขาก็อยู่ในที่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย หนุ่มใหญ่เดินออกมาจากบ้านของราฟาเอล รถเก๋งสีดำมันวาวจอดรออยู่หน้าบ้าน คนขับรีบเปิดประตูรถให้อย่างรู้หน้าที่และขับออกไปโดยไม่ถามย้ำถึงจุดหมายปลายทาง
ใช่...ครอบครัวของเขาธรรมดาเสียทีไหนกัน พ่อของเขาได้ฉายาว่าเป็นมาเฟียแห่งอิตาลี อำนาจมืดที่มีในมือทำให้ผู้คนหวาดกลัวตระกูลของเขาพอๆ กับที่อยากเข้าใกล้เพราะกองเงินกองทองทีพ่อสร้างขึ้น ช่วงที่เขายังเด็กได้เห็นการทำงานทั้งดิบและเถื่อนของพ่อและลูกน้อง มันทำให้เขาแกร่งและกร้านต่อโลกใบนี้ จนต่อมาตระกูลของเขาได้พยายามทำธุรกิจอย่างขาวสะอาดแม้ว่ามันจะไม่อาจลบภาพชั่วร้ายในสายตาใครหลายคนได้ แต่กระนั้นครอบครัวของเขาก็เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากเลยทีเดียว
ธุรกิจของตระกูลขยายไปหลายด้านแม้หลักๆ จะเป็นด้านการเงินการลงทุนที่มันพัฒนามาจากการเงินกู้นอกระบบ ต่อมาก็อสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านที่อยู่อาศัยและโรงแรมหรูระดับห้าดาวตลอดจนมาถึงสื่อทั้งวิทยุโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ และกำลังดูเรื่องโซเซียลมีเดีย เพราะแบบนี้บิดาของเขาจึงเข้มงวดกับเขาและน้องๆ เพราะทุกคนถูกวางตัวเพื่อให้สืบทอดอาณาจักรของตระกูล เขาทำงานให้บิดาและเดินตามทางที่วางไว้ให้มันไม่ใช่แค่การศึกษางานเท่านั้น เขาต้องฝึกการต่อสู้ทั้งด้วยมือเปล่าและใช้อาวุธ หลายครั้งที่เขาออกทำงานเองและกลับมาพร้อมรอยช้ำบนใบหน้า แม้จะมีสมุนลูกน้องมากแค่ไหนแต่คนระดับ ‘หัวหน้า’ ต้องแสดงให้เห็นว่าตนเองแข็งแกร่งเพื่อให้เป็นที่ยำเกรง เรื่องเหล่านี้เขายอมทำได้แม้จะไม่เต็มใจจนกลายเป็นคนเย็นชาอย่างไม่รู้ตัว นั้นเพราะเขาไม่ใช่สายเลือดแท้ของตระกูลซิวีลิอาโน่ เรื่องนี้มีแต่เขากับริคาโด้ ซิวีลิอาโน่ ชายที่เขาเรียกว่าพ่อและเป็นผู้ที่เก็บเด็กข้างถนนอย่างเขามาชุบเลี้ยงให้เติบโตในฐานะ ‘ลูกชาย’ เรื่องนี้แม้แต่ราฟาเอลและฟรานเชสโก้ก็ยังไม่รู้!
รถยนต์แล่นออกมาได้ราวสี่สิบนาทีก็ถึงที่หมายซึ่งเป็นบ้านหลังย่อมอยู่ชานเมือง อันโตนิโอลงรถจากรถพร้อมถุงกระดาษใบสวยหลายใบ เขาเดินเข้าไปในบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบจนเหมือนถูกโอบกอดด้วยสีเขียว ก้าวเดินอย่างรู้ทางแม้จะไม่ได้แวะมาเยี่ยมเยือนเจ้าของบ้านนานหลายปีแล้วก็ตาม
“ซาร่า ผมมาแล้วครับ” อันโตนิโอเรียกเจ้าของบ้านและเดาว่าคนที่ต้องการพบน่าจะอยู่หลังบ้านซึ่งจะมีมุมนั่งเล่นรับแดดอ่อนยามบ่าย
“สักครู่นะคะ”
ชายหนุ่มชะงักเท้าไปครู่หนึ่ง เสียงหวานใสที่ส่งเสียงตอบกลับทำให้เขาขมวดคิ้วเพราะเขามั่นใจว่าเขามาถูกที่แต่เสียงตอบรับกลับไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคย ไม่กี่นาทีต่อมาร่างหญิงสาวในชุดเสื้อสีเชิ้ตแขนยาวสีเข้มกับกระโปรงสีเดียวกันยาวคลุมเข่าและมีผ้ากั้นเปื้อนแบบครึ่งตัวสวมทับอยู่ เธอโผล่หน้ามาจากด้านหลัง ใบหน้าของเธอมีผ้าปิดจมูกคาดทับปิดครึ่งใบหน้า ผมสีดำถูกมวยขึ้นมีหยากไยติดบนเส้นผม เขางุนงงกับสิ่งที่เห็นแต่อีกฝ่ายทำเหมือนเรื่องปกติหรือจะเป็นคนรับใช้?
“มาหาคุณซาร่าหรือคะ” หญิงสาวถามเป็นภาษาอังกฤษ
“ใช่ครับ” เขาตอบแล้วสำรวจผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง “ผมโทรนัดเธอไว้แล้ว”
“อ้อ...คุณนั้นเอง” หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วผายมือเชิญให้ไปนั่งที่โต๊ะเหล็กดัดสีขาวใต้ต้นไม้ใหญ่ “โปรดรอนั่งรอตรงนี้ก่อนค่ะ คุณซาร่าแต่งตัวอยู่ค่ะอีกสักครู่ก็จะ...”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยจบ ร่างหญิงอวบอ้วนวัยห้าสิบแปดปีก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มสดใส เธออ้าแขนออกกว้างเพื่อรอให้ชายหนุ่มสวมกอดอย่างแนบแน่น
“ไม่ได้เจอกันหลายปีเลยนะอันโตนิโอ”
“แปดปีแล้วครับ” ชายหนุ่มยิ้มรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดคุ้นเคย “คุณยังดูสดใสเป็นสาวรุ่นอยู่เลย”
“เก็บคำหวานไว้ใช้กับสาวๆ เถอะพ่อคุณ” ซาร่าหัวเราะอารมณ์ดีแล้วหันไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “ขอน้ำเย็นให้คนพิเศษของฉันหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ” เธอเอ่ยแล้วกำลังจะเดินไปก็นึกอะไรได้หันกลับมาอีกที “น้ำใบย่านางที่เราทำไว้ดีไหมคะ มาเหนื่อยๆ จะได้สดชื่น”
“เอามาเลยจ๊ะ พ่อหนุ่มคนนี้ไม่ขัดใจฉันอยู่แล้ว”
อันโตนิโอหัวเราะแล้วนั่งลงแล้วหยิบถุงกระดาษหลายใบส่งให้เจ้าของบ้าน “ของฝากจากโรมครับ”
“แค่เธอมาให้เห็นหน้าฉันก็ดีใจแล้ว” ซาร่ารับถุงของฝากเป็นจังหวะเดียวกับน้ำสมุนไพรก็ถูกยกมาเสิร์ฟ เธอจึงหันไปส่งถุงกระดาษให้หญิงสาว “ฉันวานช่วยเอาไปเก็บข้างในที”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับถุงกระดาษมาแล้วเดินจากไป
“คงไม่ว่ากันนะที่ฉันไม่ได้เปิดออกดู”
“ไม่เป็นไรครับ” อันโตนิโอหัวเราะอารมณ์ดี “แค่คนรับใช้ทำไมถึงต้องพูดจาดีขนาดนั้นด้วย”
“ไหน? ใครเป็นคนรับใช้” ซาร่าทำหน้างงแล้วก็อ้าปากค้าง “เมื่อกี้นะเหรอ ไม่ใช่นะ นั่นนะเป็นผู้ช่วยสามีของฉัน เธอทำงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยนะ พอดีสามีของฉันไปประชุมที่โตเกียว เธอก็เลยมาช่วยดูฉันแล้ววันนี้ฉันก็วานให้เธอช่วยปัดฝุ่นหนังสือที่เก็บไว้นะ”
“เอ่อ...ผมไม่คิดว่า...”
“ไม่เป็นไร ใครก็เข้าใจผิดกันได้” ซาร่ายิ้ม “ก็ได้เธอนั้นแหละช่วงดูแลทั้งฉันและสามี ตั้งแต่ผ่าตัดหัวเข่าฉันก็เดินไม่ค่อยสะดวกนัก”
“ผมได้ข่าวแต่ไม่สะดวกมาเยี่ยม”
“ไม่เป็นไร ฉันรู้และเข้าใจเธอเสมอ” ซาร่าแตะหลังมือของอันโตนิโอ “โปสการ์ดวันเกิดของฉันหรือการ์ดอวยพรวันคริ-สมาสต์ มันมีความหมายกับฉันมาก มันเป็นเหมือนของขวัญล้ำค่าทีเดียวล่ะ”
“ขอบคุณครับ” อันโตนิโอยิ้มที่มุมปาก “ถ้าไม่มีคุณ ผมก็ไม่มีวันนี้”
“ฉันแค่ช่วยเหลือเด็กหลงทางเท่านั้น แต่เธอเองต่างหากที่เลือกจะเป็น เพราะฉะนั้น ฉันดีใจทุกครั้งที่คิดถึงเธอและรับรู้ในเรื่องดีๆ ของเธอ”
พ่อแท้ๆ ของเขาติดเหล้า ส่วนแม่ก็ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟรายได้แทบไม่พอกิน พอพ่อเมาได้ที่ก็ทุบทีทำร้ายแม่และบางครั้งก็ลงไม้ลงมือที่เขา เขาอายุเพียงแค่หกขวบก็หลอกให้เขาไปส่งยาเสพติด แม่กลัวว่าเขาจะโตมาไม่พ้นคุกตะรางจึงตัดสินใจพาเขาหนีจากพ่อ แม่แทบไม่มีเงินติดตัวทั้งสองทั้งหิวและเหนื่อยล้า แม่ของเขาเป็นลมล้มพับที่ห้าหอสมุดแห่งหนึ่งเป็นจังหวะที่ซาร่าผ่านมาพอดีคนอื่นเพียงมองมองที่เขากับแม่แต่ไม่มีใครยื่นมือช่วยเหลือ แต่ซาร่ากลับรีบเข้าช่วยประคองและพาส่งโรงพยาบาล นั่นทำให้รู้ว่าแม่ของเขาเป็นเจ็บป่วยหนัก ร่างกายทรุดโทรมเพราะทำงานหนักและถูกซ้อมจากสามี แม่อยู่โรงพยาบาลไม่กี่วันก็ตายจากเขาไป เขากำลังจะถูกส่งตัวไปสถานสงเคราะห์ พ่อของเขาก็ตามหาจนเจอเพื่อจะเอาเขากลับไป แต่เขาไม่ยอมกลับไปเจอสภาพเดิมๆ และกลัวว่าตัวเองคงจะไม่พ้นถูกทุบตีเหมือนที่แม่เคยโดนทำร้าย เขาหนีและหนีอีกครั้งแต่คราวนี้ซาร่าให้ความช่วยเหลือ เธอพาเขามาพบกับริคาโด้ ซิวีลิอาโน่ ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองคงได้มาอยู่ในฐานะของเด็กรับใช้หรืออะไรสักอย่างแต่เขาอยู่ในบ้านของตระกูลซิวีลิอาโน่ราวๆ ห้าหรือหกเดือน ริคาโด้ก็รับเขาเป็นบุตรบุญธรรมพร้อมทั้งให้ชื่อและนามสกุลกับเขาและยังให้เขาเรียกว่า ‘พ่อ’ อีกด้วย และเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาทำทุกอย่างเพื่อเป็นที่พอใจของริคาโด้ ซิวีลิอาโน่
“ลูกชายเธอเป็นยังไงบ้าง”
“เหมือนเดิมครับ”
ซาร่าพยักหน้ารับ “อีกไม่นาน ฉันเชื่อว่าเขาจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แต่เธออย่าเพิ่งท้อใจไปเสียก่อนล่ะ”
“ไม่มีวันนั้นหรอกครับ” อันโตนิโอยิ้มบางๆ “ผมจะเป็นพ่อที่ดีไม่ให้เขาต้องเจอชะตากรรมเลวร้ายเหมือนที่ผมเคยเจอ”
“ฉันเชื่อว่าเธอจะเป็นพ่อที่ดีของลูกแน่ๆ แต่เธอก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย เธอควรจะมีหาความสุขให้ตัวเองด้วย ถ้าเธอไม่มีความสุขแล้วเธอจะหยิบยื่นความสุขให้คนอื่นอย่างไร”
“ขอบคุณครับซาร่า คุณยังเป็นนางฟ้าของผมเสมอ”
“พอเถิดอันโตนิโอ ฉันไม่ใช่สาวๆ ที่เธอจะมาปากหวานด้วยหรอกนะ”
ชายหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดี จริงๆ ริคาโด้ไม่ได้บังคับหรือให้ปิดบังที่เขาเป็นแค่ลูกบุญธรรมแต่พ่อทำให้เขารู้สึกว่าเขาต้องแกร่งและยอดเยี่ยมเหมาะสมกับนามสกุลที่เขาใช้อยู่ ไปๆ มาๆ การที่ไม่เคยถูกพูดถึงการเป็นมาของเขาทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาเป็นในตระกูลจริงๆ เขาได้รับการเคารพนับถือและอยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่อยู่แถวหน้า และที่สำคัญเขารู้ว่า น้องทั้งสองคนของเขาเชื่อสนิทใจว่าเขาคือพี่ชายแท้ๆ
การสนทนาพูดคุยราวกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบเจอจบลงด้วยการที่ชายหนุ่มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เขาเกรงใจครอบครัวของราเฟเอลที่ดูแลอลองโซให้ และเกรงใจซาร่าดูเธอชราลงไปมาคงได้เวลาที่ต้องพักผ่อน
“ผมลากลับแล้วนะครับ พรุ่งนี้ผมก็จะกลับอิตาลีแล้วถ้ามีโอกาสจะแวะมาทักทายอีกหรือถ้ากลับไปอิตาลีก็โทรหาผมได้ ผมยินดีต้อนรับเต็มที่ครับ”
“ฉันเดินทางมามากพอแล้วละอันโตนิโอ” ซาร่าหัวเราะ “อ้อ...แต่ผู้ช่วยของสามีฉันกำลังจะไปเที่ยวอิตาลี เธอจะไปหาคนรักที่นั้นถ้ายังไงฉันขอเบอร์โทรเธอไว้ได้ไหม ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินฉันจะให้ผู้ช่วยติดต่อเธอไป”
“ได้ครับผมยินดีช่วยเหลือ” อันโตนิโอหยิบนามบัตรส่งให้ “แต่เธอไปหาคนรักคงไม่ต้องพึ่งพาผมมั้งครับ”
“ฉันก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน”
หญิงสาวได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกจากหน้าบ้านไปแล้วเธอปลดผ้าปิดจมูกกันฝุ่นออกแล้วเดินออกมาดูเจ้าของบ้านที่เดินเข้ามาพอดี
“แขกของคุณกลับแล้วเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามแล้วยิ้มให้ “หิวหรือยังคะ จะให้หนูเตรียมอาหารให้ก่อนกลับหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ฉันยังไม่หิว”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องทานให้เป็นเวลา อีกอย่างหนูทำแกงจืดกับผัดผักไว้ให้แล้ว เอาออกมาอุ่นได้เลยค่ะ”
“ขอบใจมากจ๊ะ”
“ไม่ต้องขอบใจหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้หนูทำให้ได้” หญิงสาวปลดผ้ากันเปื้อนที่มีแต่ฝุ่นออก
“สามีฉันนี่โชคดีที่ได้เธอมาช่วยทำงาน”
“หนูก็โชคดีที่ได้เจอคนดีๆ อย่างศาสตราจารย์ค่ะ”
“เธอจัดกระเป๋าอะไรเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” หญิงสาวยิ้มเขิน “นี่เป็นการเดินทางครั้งแรกของหนูเลยค่ะแทบจะนับเวลาถอยหลังขึ้นเครื่องบินแล้วค่ะ”
“ดีแล้ว เธอควรใช้ชีวิตให้เต็มที่ ได้เดินทางได้เห็นอะไรใหม่ๆ บ้าง” ซาร่าแตะหลังมือหญิงสาวเบาๆ “จริงซิ...เธอเก็บนามบัตรนี่ไว้ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินเขาจะให้ความช่วยเหลือกับเธอได้”
“คนเมื่อกี้เหรอคะ” หญิงสาวพลิกนามบัตรอ่านดูชื่อตำแหน่งหน้าที่การงานของเจ้าของบัตร
“ใช่จ๊ะ”
หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง อีกแค่สามวันเธอก็จะเดินทางแล้ว แค่คิดหัวใจเธอก็เต้นแรง จะได้เจอคนรักที่ไม่ได้พบหน้ากันมาสองปีในสถานที่โรแมนติกสุดๆ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
ซาร่ายิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้า เธอเคยผ่านความรู้สึกแบบนี้มาก่อนและนั้นทำให้เธอได้พบคนรัก-สามีของเธอและได้ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทยมานานกว่ายี่สิบปี
แต่ความรัก มันไม่ได้ง่ายดายที่จะได้มาครอบครอง โดยเฉพาะรักแท้.
