1 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองซุมบ้า[1]
ริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล
เรือสำราญสุดหรูในเครือ Ford’coppola ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ โดยธุรกิจท่องเที่ยวที่ครอบคลุมไปทั่วราชอาณาในแถบซุมบ้าเป็นของตระกูลชื่อดังก้องโลก ซึ่งตอนนี้ ‘ราฟาเอล ฟอร์ด คอปโปลา’ เข้ามาบริหารกิจการแทนผู้เป็นพ่อที่วางมือไปหลายปีแล้ว
ปัจจุบันราฟาเอลคือนักธุรกิจไฟแรงและควบตำแหน่งเจ้าพ่อมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในแหล่งซุมบ้า เรือสำราญที่แล่นกลางทะเลในขณะนี้บรรจุนักท่องเที่ยวไว้หลายร้อยคน และกว่าจะจอดเทียบท่าเรืออีกฝั่งคงใช้เวลานานถึงเกือบหนึ่งสัปดาห์เลยทีเดียว
ตามสื่อออนไลน์และโซเซียลจะเห็นราฟาเอลในมุมแวดวงนักธุรกิจ แต่ก็มีผู้คนไม่น้อยที่ต่างก็รู้ว่าเขาทำธุรกิจด้านมืด โดยมีตำรวจหมายหัวเขาในหลายองค์กรเช่นเดียวกัน ทว่าไม่สามารถมีใครกล้าท้าทายอำนาจและอิทธิพลที่เขามีได้ ในเรือสำราญนี้ก็เช่นกันภายใต้ท้องเรือลำนี้บรรจุไปยาเสพติดจำนวนหลายร้อยล้านเม็ด เพื่อส่งในท่าเรือหน้าที่จะจอดเทียบท่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้และลำเรียงเพื่อนำเข้าไปยังฝั่งยุโรป
แกร๊ก~
“เสียงอะไร?”เสียงเข้มเปล่งถามลูกน้องมือขวา เมื่อตอนนี้ภายในห้องนี้มีเพียงราฟาเอลและเดวิดคนสนิทของเขาเท่านั้นที่เข้ามาในห้องเก็บยานรกเหล่านี้เอาไว้
“ผมว่าในห้องนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคน แต่ยังมีคนนอกที่เล็ดลอดเข้ามา”เดวิดเงี่ยหูฟังและรับรู้ตามสัญชาตญาณนักฆ่าได้เลยว่า เสียงลมหายใจผะแผ่วไม่ใช่ของผู้เป็นนายหรือเขาเป็นแน่ แต่ยังมีผู้ไม่ได้รับเชิญเข้ามาภายในนี้ด้วย
ทั้งราฟาเอลและเดวิดต่างพยักหน้ากันอย่างรับรู้ หากมีใครร่วงรู้ความลับว่าเรือสำราญลำนี้ลำเรียงยาเสพติดมาล่ะก็ ผู้คนบนเรือจะหวาดระแวงและแตกตื่นเพราะหากตำรวจทราบไม่ใช่เขาที่เดือดร้อนแต่เป็นทุกคนบนเรือนี้ต่างหากที่กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ราฟาเอลและเดวิดพยักหน้าให้กันอย่างรู้งานก่อนจะเดินจากไปจากตรงนี้ในทันที
“พวกเขาเดินไปแล้วนี่น่า~”เสียงหวานพึมพำกับตัวเอง ดวงตากลมโตมองแผ่นหลังบึกบึนของชายทั้งสองที่ก้าวจากไป กล่องไม้หลายใบถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ทำให้ ‘เอริดา วิลเวอร์เล่’ ฉงนสงสัยก่อนจะค่อยๆ ย่อง และสอดส่องแต่ทว่าช่องไม้กลับถูกกล่องกระดาษด้านในปิดบังสิ่งที่อยู่ภายในเอาไว้จนมองไม่เห็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น
“อะไรนะที่อยู่ข้างใน”คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมด้วยความสงสัยใคร่รู้ นิ้วเรียวก็พยายามกดไปตามร่องรูเพราะอาจจะทำให้สัมผัสสิ่งของด้านในได้ โดยที่เจ้าหล่อนไม่สามารถรับรู้เสียด้วยซ้ำว่าภัยอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวในขณะนี้แล้ว
แกร๊ก!!
“เธอเป็นใคร?”ความเย็นเฉียบของปลายกระบอกปืนจดจ่อที่ขมับเล็กด้านซ้าย ร่างบางรู้สึกถึงน้ำเสียงกระด้างและแรงกดดันในคำถามของอีกฝ่ายที่กำลังจะปลิดชีวิตเธอในอีกไม่ช้า
“ฉันถาม!...ปากอมอะไรเอาไว้อยู่วะ!!”ราฟาเอลตะคอกถามด้วยความฉุนเฉียว เขาไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะมีความขลาดกลัวมากเพียงใด เพราะสุดท้ายเดวิดก็ต้องปลิดชีวิตเธออยู่ดี มาเฟียหนุ่มไม่ยอมปล่อยผู้ที่ล่วงรู้ความลับเขาให้มีลมหายใจและก้าวเท้าออกจากเรือสำราญลำนี้ได้เป็นอันขาด
“ยะ...อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ”เอริดาพูดด้วยความน้ำเสียงกระตุกกระตัก หน่วยตากลมโตเริ่มคลอไปด้วยหยาดน้ำตาที่สามารถหลั่งไหลอาบพวงแก้มใสได้ตลอดเวลา สองขาเสลาสั่นเทาราวกับว่าร่างบางจะทรุดลงไปกองที่พื้นได้ทุกเมื่อแต่ด้วยความใสซื่อส่งผลทำให้สาวน้อยใจดีสู้เสือ ค่อยๆ หมุนตัวไปรับชะตากรรมของตน
“ลดปืนลงเดวิด”ทันทีที่เจ้าหล่อนหันมาเผชิญเดวิดก็ตระเตรียมจะเหนี่ยวไกปืน ทว่าเสียงทรงอำนาจของราฟาเอลก็เอ่ยห้ามปรามเพชฌฆาตที่หมายจะปลิดชีวิตแม่เหยื่อหน้าหวานเสียก่อน
“ยะ...อย่ายิงหนูเลยนะคะ~”เสียงสั่นเครือแทบเรียบเรียงคำพูดตัวเองไม่ถูก ทันทีที่เอริดาได้มองหน้าคมคายของร่างสูงที่กำลังก้าวมาเผชิญหน้ากับเธอ หัวใจดวงน้อยก็แทบหยุดเต้นเพียงเพราะได้สังเกตกรอบหน้าคมคายที่เป็นดั่งพระเจ้าสร้างสรรค์ความลงตัวสมบูรณ์ราวกับเทพบุตร
ดวงตาสีเขียวมรกตเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันมากล้นจนต้องทำให้คนมองละสายตาจากเขาไม่ได้ จมูกโด่งเป็นสันรับกับปากหยักที่น่าสัมผัสด้วยปากกระจับบางจิ้มลิ้มของเธอนัก มิหนำซ้ำขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเอริดาถึงสองเท่าก็ยิ่งทำให้เขาดูน่าเกรงขามและน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน
“รนหาที่ตายเอง รู้ไหมว่าในห้องนี้ไม่มีใครเข้ามาได้นอกจากฉันกับลูกน้องของฉันเท่านั้น!!”
“นะ...หนูไม่รู้จริงๆ ค่ะ หนูไม่อยากอยู่ด้านบนก็เท่านั้น”เอริดาบอกตามความเป็นจริง เพราะด้านบนมีแต่ผู้ชายเต็มไปหมด แถมมือไม้ของนักธุรกิจทั้งหลายก็ช่างไวและเหนียวอย่างกับปลาหมึก
“มาขายตัวเหรอ?”คำพูดตรงไปตรงมาของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เอริดาแทบอยากจะกรี๊ดร้องดังลั่นแสกหน้าเขานัก ทว่าเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะว่าเธอยังคงเป็นรองเขาอยู่มาก
