10 เราจะไม่หวง ไม่หึง ไม่แสดงความเป็นเจ้าของต่อกัน
หลังจากคลาสเรียนจบลง เวลล์เดินนำเนปาลออกมาจากห้อง วันนี้เธอต้องกลับไปอ่านหนังสือที่ซื้อมา แถมยังต้องไปเข้าคอร์สปั้นที่สมัครเอาไว้ด้วย มีอะไรให้ต้องทำมากมายจนไม่อยากจะเสียเวลานั่งฟังเนปาลบ่นเรื่องที่อยากให้เธอเลิกยุ่งกับคริส
“เวลล์”
ไม่ใช่เนปาลที่เรียกเวลล์เอาไว้ หากแต่เป็นโมนา หญิงสาวผู้ตั้งตนว่าเกลียดเธอเหลือเกิน เวลล์ไม่ได้หยุดเดินหรือหันไปให้ความสนใจโมนา เธอยังคงเดินต่อไป
“ฉันเรียก แกไม่ได้ยินหรือไง” โมนาวิ่งมาขวางหน้าเวลล์เอาไว้
“มีอะไร”
“วันนี้ที่บิลลี่มีจัดปาร์ตี้สมาชิก” โมนาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“แล้วไง”
“แกไม่รู้เหรอ…ฉันนึกว่าแกเตรียมตัวจะไปอ่อยพี่คริสซะอีก”
“เดือดร้อนอะไรแก หรือเพราะตัวเองอ่อยเขาไม่ได้เลยกลัวว่าเวลล์จะอ่อยสำเร็จ” เนปาลเข้ามาเสริมทัพเวลล์เอาไว้
“เนปาล” เสียงอ่อนของโมนาเอ่ยชื่อคนมาใหม่ เพราะเป็นที่กล่าวขานว่าเนปาลคือ (อดีต) แฟนของซัน เลยทำให้หลายคนต้องเกรงใจ
“ว่าไง! แกจะไปอ่อยคริสเลยกลัวว่าถ้าเวลล์ไปแล้วจะอดแดกใช่ไหม”
“ฉัน…ฉันไม่จำเป็นต้องไปอ่อยเขา เพราะยังไงฉันก็ได้พี่ คริสมาแล้ว”
“เหรอ…ได้มาแล้วเหรอ…ได้มายังไงล่ะ? ถ้าได้มาแต่ตัวหรือแค่เขานอนด้วยนานๆทีก็ไม่ควรเอามาอวดนะ แล้วอีกอย่างมีผู้หญิงที่บิลลี่คนไหนไม่เคยได้คริสบ้าง”
“เนปาล!”
“เวลล์อาจจะไม่ได้สมาชิกบิลลี่ แต่ฉันเป็น! เพราะงั้นถ้าคืนนี้ฉันเห็นแกที่นั่น ศพไม่สวยแน่” พูดจบเนปาลก็ดึงแขนเวลล์เดินออกมาจากตรงนั้นทันที
“ปล่อยฉัน” เวลล์สะบัดแขนออกจากมือของเพื่อนสนิทเมื่อทั้งคู่มาถึงใต้ตึกเรียน
“มึงหัดสู้คนซะบ้างนะเวลล์ กูทนเห็นอีโมนามันตามราวีมึงไม่ไหวแล้ว”
“ที่แกพูดกับโมนา…รู้ไหมว่ามันก็รวมฉันด้วย”
“มึงสำคัญกว่าทุกคน ไม่งั้นคริสมันจะแคร์มึงเหรอ”
“ไม่จริงหรอก เขาก็แค่ติดใจร่างกายฉัน”
“หึ! ใสจังนะมึงอะ คริสมันให้มึงเป็นที่หนึ่ง มีแค่มึงที่ได้ขึ้นคอนโดมันไม่รู้หรือไง” เวลล์รู้เรื่องนั้นดี แต่ก็ใช่ว่าจะสำคัญเสียที่ไหน
“สำคัญหรือเป็นที่หนึ่งแล้วไง ในเมื่อเขาไม่ได้รักฉัน”
“กูถึงบอกให้มึงเลิกยุ่งกับมันไง”
“เบื่อจะฟังเรื่องนี้แล้ว” ไม่รู้กี่ร้อยรอบที่ต้องฟัง ไม่รู้ว่าเนปาลไม่เข้าใจบ้างหรือไง ถ้าหากว่าเธอทนเลิกยุ่งกับเขาได้เธอคงทำไปนานแล้ว
“มึงสวยขนาดนี้ บ้านก็รวย เรียนก็เก่งคนมาจีบก็เยอะ ทำไมไม่เอาตีนเขี่ยๆดูสักคนวะ”
“เพราะฉันไม่อยากได้ใครไง! คนเดียวที่ฉันต้องการคือคริส!” เวลล์เริ่มจะโมโหขึ้นมาแล้ว
“แล้วมึงทำอะไรเพื่อให้ได้มันมาบ้าง! มึงเอาแต่นอนรอมัน รอให้มันมาหามึง ถ้าเป็นกู กูคงไปหามันแล้ว กูจะทำทุกทางเพื่อให้ได้มันมา!”
“ฉันไม่รู้ว่าต้องทำยังไง!”
“มึงรู้เวลล์! มึงรู้ดีอยู่แก่ใจแต่มึงไม่ทำ มึงกลัวว่ามันจะรู้ว่ามึงรักมัน มึงกลัวมันทิ้งมึง!”
“แกก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ว่าฉันกลัวอะไร แล้วจะมาเอาอะไรจากฉันอีกล่ะ”
“กูจะสอนมึงนะเวลล์ สอนเป็นครั้งที่ล้าน! ถ้ามึงไม่อยากแพ้มึงต้องทำให้มันรักมึง! ทำให้มันพูดกับมึงว่ามันรัก”
“แต่ฉันไม่มีปัญญาไง”
“โว้ย! มึงไปเลยนะ ไปหาชุดที่สวยที่สุดแล้วคืนนี้ไปบิลลี่กับกู”
“ฉัน…”
“หุบปาก! กูยอมไปเหยียบบิลลี่เพื่อมึงเลยนะ เพราะงั้นเงียบปากแล้วทำตามที่กูบอก”
พูดจบเนปาลก็เดินออกไปจากตรงนั้น ทำให้เวลล์ได้แต่ถอนหายใจออกมาโดยไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีมือดีกำลังแอบถ่ายวิดีโอของเธออยู่
แท็กซี่วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าตึกสองชั้นนามว่าบิลลี่ สถานที่ยอดนิยมของวัยรุ่นนักดื่ม เวลล์ในชุดเดรสสีดำแสนสั้นลงจากแท็กซี่อย่างไม่มั่นใจ สายตาสอดส่องไปยังผู้คนที่กำลังต่อแถวเข้าผับ เช่นเดียวกับพวกเขาที่พอเห็นว่าเป็นเธอก็ต่างมองมาเป็นตาเดียว ผู้ชายมองมาด้วยความเสน่หาเพราะเธอสวยล้ำ ส่วนผู้หญิงบ้างมองเพราะอิจฉา บ้างมองเพราะรู้ว่าเธอคือเวลล์ สาวเนิร์ดที่ตกกลางคืนออกล่าเหยื่อ ปกติได้ยินแต่ชื่อเสียง วันนี้ได้เห็นกับตา
“สวยนี่” เนปาลเดินคีบบุหรี่เข้ามาหาเวลล์
“เหม็นบุหรี่”
“แหม ทีไอ้เวรคริสมันสูบไม่เห็นบ่นเหม็น”
“ไปต่อแถวกันเถอะ” เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียง เวลล์จึงดึงแขนเนปาลให้มายืนต่อแถวเตรียมเข้างาน
“ต่อทำไม กูเป็นใครมึงไม่รู้เหรอ” ว่าแล้วเนปาลก็พาเวลล์เข้าไปที่ประตูแขกวีไอพีทันที
ภายในงานถูกตกแต่งอย่างแปลกหูแปลกตา เพราะวันนี้เป็นปาร์ตี้ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบสองปีของบิลลี่ ผู้คนหลั่งไหลกันเข้างานอย่างแน่นขนัด
บนเวทีมีดีเจที่กำลังเปิดเพลง ขณะนั้นสายตาของเวลล์ก็เหลือบไปเห็นคริสที่ยืนอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ทั้งคู่สบตากันก่อนที่เธอจะเห็นว่าเขาเผยแววตาไม่สบอารมณ์ออกมาเดินหันหลังเดินออกไป
“คริสเห็นฉันแล้ว!” เวลล์ตะโกนบอกเนปาล
“แล้วไง ก็มึงมาหามัน มันก็ต้องเห็นมึงสิ!”
“แล้วฉันต้องทำไงต่อ”
“ขึ้นไปหามัน ขจัดอีตัวทุกคนที่มายั่วมัน สร้างความเป็นเจ้าของ”
“แล้วแกล่ะ! แกจะไม่ขึ้นไปกับฉันเหรอ”
“ไม่อะ กูไม่อยากเจอหมาบ้า” หมาบ้าที่ว่านั้นคือซัน…
“ว่าแต่ฉัน แกก็ปอดเหมือนกันนั่นแหละ แน่จริงก็ไปเผชิญหน้ากับเขาสิ กลัวอะไร”
“ไม่ได้กลัวแต่กูเกลียด!”
“แกกลัว!”
“เกลียด!”
“ไม่เชื่อ!”
“ก็ได้! งั้นกูจะขึ้นไปกับมึง”
แล้วเนปาลก็เดินนำเวลล์ขึ้นไปที่ชั้นสองอย่างไม่รีรอ ตามใจที่เวลล์ต้องการ เพราะเธอรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเธอนั้นไม่ชอบแพ้ใคร จริงๆแล้วก็ไม่ต่างไปจากเธอเลย
เนปาลผลักประตูเข้ามาที่ห้องวีไอพีห้องหนึ่งแล้วเดินเข้าไปอย่างเคยชิน ภายในห้องมีผู้ชายนั่งอยู่สี่คน ซัน วัยยี่สิบสี่กำลังนัวผู้หญิงอยู่ กาย วัยยี่สิบสองกำลังเล่นโทรศัพท์ จีน วัยยี่สิบเอ็ดกำลังเกากีตาร์ตัวโปรด ส่วนคริส เขากำลังสูบบุหรี่
“เนปาล!” จีนเงยหน้าจากมือถืออย่างตกใจ
“เจ๊” จีนวางกีตาร์ทันควัน
คริสไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาเอาแต่สูบบุหรี่อย่างเงียบงัน ส่วนซันหลังจากผลักผู้หญิงที่เขานัวอยู่ทิ้งก็นั่งเงียบมองเนปาลด้วยสายตาค้างเติ่ง
“กูพาเพื่อนมาส่ง” เนปาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฟังก่อน…” ซันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน ทั้งที่ปกติแล้วเขานั้นเป็นคนแข็งกระด้างที่ต้องวางท่าทีหนักแน่นคอยคุมลูกน้องนับสามสิบ
“เจ๊ นั่งก่อนดิ ไม่ได้เจอนานเลยคิดถึง เวลล์มานั่งด้วยกันสิ” จีน น้องเล็กที่ปกติเป็นตัวสร้างความปรองดองลุกขึ้นมาโอบไหล่เนปาลอย่างสนิทสนม
“ไม่อะ! กูมีนัดกับเด็กไว้อีกห้อง นี่แค่พาเวลล์มาส่งให้ไอ้บ้าคริส”
“เด็กที่ไหน!” ซันถามเสียงแข็ง
“มึงอย่าเสือก!” เนปาลตะคอกกลับ
“รำคาญน่ะ! ถ้าปากเก่งมากนักก็จับกระแทกไปเลยเฮีย” กาย ผู้มีนิสัยไม่สนโลกพูดขึ้น
“กาย!” ซันหันมาปรามน้อง
“ตามกันเป็นหนังอินเดียแบบนี้ คงได้กลับมาคบกันชาติหน้าล่ะมั๊ง” กายส่ายหน้าอย่างไม่อยากสนใจแล้วลุกเดินออกไปจากห้อง
“เวลล์ทำตามที่กูสอน กูไปล่ะ” ว่าแล้วเนปาลก็เดินตามหลังกายออกไป
“เนปาล!” ซันลุกขึ้นวิ่งตามเนปาลออกไป
ขณะนี้ภายในห้องเหลือจีนผู้ไม่เกี่ยวข้องกับคริสผู้เงียบงันและเวลล์ผู้ที่ทำตัวไม่ถูก เวลล์เดินเข้ามาหาคริสหยุดยืนตรงหน้าเขาเงียบๆ หวังเล็กๆว่าเขาจะเริ่มพูดอะไรกับเธอก่อน
“เวลล์สวยมากเลยนะวันนี้” จีนทำลายความเงียบลง เขาเคยเจอเวลล์มาก่อนแล้วในสภาพสาวเนิร์ดที่มหาลัย
“ขอบคุณ” เวลล์ยิ้มตอบจีน
“จีน มึงไปเช็กวงหน่อยไป เดี๋ยวดีเจเปิดเพลงนี่จบวงต้องขึ้นแล้วนี่” คริสออกคำสั่งกับรุ่นน้องให้เขาไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“บอกให้ออกไปไกลๆก็จบแล้ว ไม่ต้องทำมาสั่งงานหรอก” จีนบ่นอุบอิบแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกีตาร์
“ไง”
เพราะทนรอให้เขาทักก่อนไม่ไหว เวลล์จังเอ่ยทักเขาไปด้วยคำง่ายๆสั้นๆ อยากจะชินที่บางครั้งคริสก็มีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวก็ทำเหมือนเขาแคร์เธอ แต่เดี๋ยวก็ทำเป็นไม่สนใจ
“คุณมาทำไมครับ” คำถามห่างเหินเหลือเกิน
“มาหาคุณ”
“ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้มีธุระ” นี่เป็นครั้งแรกที่เวลล์ออกมาหาเขาตั้งแต่ข้องเกี่ยวกันมานับปี และเธอดันเลือกวันสำคัญเสียด้วย
“ไหนธุระคุณ…จัดปาร์ตี้ก็ไม่ชวนกันบ้างเลย”
“ปกติคุณไม่เคยมา วันนี้ผมมีธุระจริงๆคุณกลับไปก่อนเถอะ ผมอยู่ดูแลคุณไม่ได้”
“ก็แล้วทำไมต้องดูแลด้วย เวลล์ขอนั่งอยู่ในห้องนี้ด้วยคนไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้ครับ วันนี้ผมต้องอยู่กับผู้หญิงที่เขาหามาให้ และเขาก็ต้องได้ผู้หญิงจากที่นี่ด้วย”
“ผู้หญิง…”
“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะเปิดบิลลี่ในย่านนี้ พวกเขากำลังจะมา พูดง่ายๆคือเรามาคุยธุรกิจกันและมันต้องมีผู้หญิงครับ” คริส กลัวเหลือเกินว่าถ้าพวกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาถึง เกิดเห็นเวลล์แล้วถูกใจขึ้นมา
“เขาที่ว่านี้เป็นใคร”
“คุณไม่ต้องรู้หรอกครับ”
“งั้นเวลล์ขออยู่ด้วย จะนั่งเฉยๆ จะไม่มองเวลาคุณอยู่กับผู้หญิงพวกนั้น”
“ไม่ได้”
“ทำไมไม่ได้ ก็เวลล์จะไม่ทำอะไรไงจะนั่งเฉยๆ”
“ก็บอกว่าไงไม่ได้ไง! ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง!”
เป็นครั้งแรกที่คริสตะคอกเวลล์ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแบบนี้ มันทำให้เธอนิ่งไปในทันที ร่างบางลุกขึ้นยืนสองมือกำแน่นพยายามอดกลั้นความอ่อนไหว
“กลับไปก่อนไป” เพราะรู้ว่าเธอกำลังตกใจ คริสจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ไม่เป็นไร…งั้นเวลล์ไปหาผู้ชายข้างล่างนั่งคุยรอคุณก็ได้” เวลล์เดินออกไปทันที
เขารู้ว่าเธอไม่ทำอย่างที่พูดแน่ แต่ด้วยน้ำเสียงและแววตา…เวลล์กำลังเสียใจ และเขาทนปล่อยให้เธอเสียใจนานไม่ได้จึงลุกตามออกไปอย่างเร็ว
“เวลล์” คริสคว้าแขนเวลล์เอาไว้
“คุณให้เวลล์ไปนี่” หญิงสาวช้อนสายตามองเขานิ่ง
“ผมอยากให้คุณเข้าใจ”
“เวลล์เข้าใจ งานคุณสำคัญเหมือนที่เวลล์ให้ความสำคัญกับเรื่องเรียน” ไม่เข้าใจ! ที่จริงแล้วเธอไม่เข้าใจเลยสักนิด
“นี่คุณกำลังงอนผมใช่ไหม”
“เวลล์ไม่ได้งอน…เราตกลงกันแล้วว่าเราจะไม่หวง ไม่หึง ไม่แสดงความเป็นเจ้าของต่อกัน”
“กลับไปก่อนเถอะนะ…เชื่อผม คุยธุระเสร็จแล้วผมจะรีบไปหาเลยทันที”
“คุณห่วงความรู้สึกเวลล์เหรอ” แทบกลั้นใจตาย กว่าเธอจะกล้าถามคำถามง่ายๆนี้ออกไป
