บทที่ 3 จีบหน่อย
บทที่ 3
จีบหน่อย
รถยนต์คันหรูสีขาวถูกยกขึ้นบนรถสไลด์ของร้านซ่อมรถชื่อดังที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัย จนกระทั่งมันมาจอดเทียบหน้าตัวร้าน ทำให้ฉันที่นั่งรออยู่ด้านในห้องแอร์เย็น ๆ ถึงกับร้อนใจรีบผุดตัวลุกขึ้นและเดินไปหาลูกชายตัวเก่งทันที
จากการพูดคุยกับช่างในตอนแรก ฉันไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะมีคุณเนื้อคู่ยืนอยู่ข้าง ๆ บอกไปเพียงว่ารถสตาร์ตไม่ติดและได้จอดทิ้งไว้ที่ตึกนิเทศ ซึ่งเพียงเท่านั้นก็ทำให้ช่างตัดสินใจเรียกรถสไลด์มารับรถของฉันมาที่ร้านซ่อมรถแห่งนี้
“อย่ารุนแรงกับลูกของหนูมากนะคะพี่ น้องเพิ่งถอยมาจากศูนย์ไม่ถึงปีเลยอะ” ฉันรีบเดินไปบอกพี่ช่างผู้ชายที่ตอนนี้กำลังรับหน้าที่ดูแลเคสรถของฉัน โดยที่คุณเนื้อคู่นั้นนั่งรออยู่ด้านในห้องรับรอง ซึ่งอยู่ห่างกันพอสมควร และที่สำคัญฉันเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันกำลังพูดคุยกับพี่ช่างในตอนนี้แน่นอน
“พี่ลองเช็กดูแล้วนะ รถน้องก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ สตาร์ตได้ตามปกติเลยนี่นา แล้วทำไมตอนนั้นน้องถึงบอกว่ามันเสียล่ะ”
“เอ่อ...ก็ไม่รู้สิคะพี่ ตอนนั้นอยู่ ๆ มันก็สตาร์ตไม่ติดอะ โห่พี่...หนูก็ผู้หญิงตัวคนเดียวไม่รู้เรื่องรถไรนี่หรอก” ฉันแสร้งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ทำท่าทางไขสือไม่รู้เรื่องราว ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเข้าใจเต็มอกว่าลูกชายตัวเก่งคันนี้มันสมบูรณ์และแข็งแรงมากแค่ไหน
“งั้นน้องก็เอารถกลับได้เลย แต่ต้องจ่ายค่าช่างกับค่าเรียกรถก่อนนะน้อง หรือถ้าน้องอยากให้พี่ลองเช็กเพิ่มเติมก็ได้นะ แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย”
“งั้นพี่ช่วยเช็กดูหน่อยแล้วกัน หนูอยากให้มันชัวร์อะพี่ จะได้สบายใจ ไม่ต้องรีบนะคะ หนูรอได้” ฉันรีบบอกกับพี่ช่างจนลิ้นแทบพันกัน เนื่องจากสายตาดันหันไปเห็นคุณเนื้อคู่ที่กำลังเดินออกมา แถมยังทำท่าว่าจะตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของเขาอีกด้วย
“ได้น้อง งั้นนั่งรอแป๊บนะ”
“ค่ะ ๆ ตามสบายเลยพี่...คุณเนื้อ...เอ๊ย น้องกวิน! จะไปไหนอะ” ฉันสาวเท้าวิ่งเข้าไปหาคนตัวโตพลางจับรั้งที่ชายเสื้อเขาเอาไว้
“ก็ผมช่วยพามาหาช่างแล้วนี่ไง แถมช่างก็เอารถพี่มาแล้วด้วย หมดธุระของผมแล้ว” ไม่ว่าเปล่า ขายาวก้าวฉับตรงดิ่งไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่จอดอยู่หน้าร้าน โดยไม่ได้สนใจกับเสียงเรียกรั้งของฉันเลยสักนิดว่ากำลังตะโกนร้องบอกแค่ไหน
“เดี๋ยวสิ รถพี่มันยังต้องเช็กอีกสักพักเลย ใจคอจะทิ้งให้พี่อยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ มันมีแต่ผู้ชายง่ะ”
“แล้วใจคอพี่จะรบกวนผมอย่างเดียวเลยรึไง”
ทว่าประโยคตอบกลับทำเอาฉันสะอึกแน่นิ่งไปชั่วขณะ เหมือนถูกด่าว่าไร้มารยาทยังไงก็ไม่รู้ อีกทั้งสายตาคมคู่นั้นยังจดจ้องมาที่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยคำตำหนิมากมาย แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูด แต่ฉันก็สามารถรับรู้ได้ว่าเขากำลังไม่พอใจฉันขั้นสุด
“อ่า...ขอโทษ งั้นกลับเลยก็ได้ ขอบคุณมากนะที่ช่วยเรื่องรถ ไว้ถ้ามีโอกาสพี่ขอตอบแทนเราแล้วกันนะ” สีหน้าจืดเจื่อนปรากฏขึ้นทันทีที่ได้รับคำตอบตอกหน้าหงาย
เหมือนกับถูกของแข็งบางอย่างตีเข้ากลางหัวจนมันมึนตึงไปทั้งหมด ร่างกายก็ชาวาบตั้งแต่โคนผมมายังปลายนิ้วเท้า ยอมรับเลยว่าฉันเกิดอาการ ‘เงิบ’ และเสียหน้ากับคำพูดของคุณเนื้อคู่จริง ๆ
“ไม่เป็นไร”
“เย็นชาจังเลยน้า...ขับรถดี ๆ ล่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยพี่ บาย” ฉันถอนหายใจพลางโบกไหวมือลาให้กับคนตัวโต ที่ตอนนี้กำลังคร่อมตัวรถมอเตอร์ไซค์และเตรียมพร้อมในการออกตัว
จนกระทั่งเขาขับเคลื่อนมันออกไปช้า ๆ ฉันจึงได้หมุนตัวกลับมา ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปรอในห้องรับรองของทางร้านซ่อมรถดังเดิม
“ใช่เรื่องที่จะมาฉีกแบงก์เล่นไหมวะเนี่ย รถดี ๆ แต่เอามาตรวจเช็กให้เสียเงิน อยากจะบ้า!”
ใช้เวลาราว ๆ สองชั่วโมงก็ได้ลูกชายกลับคืนสู่อ้อมกอด ค่าเสียหายในวันนี้คือสามแบงก์เทาไม่ขาดไม่เกิน ความเซ็งถาโถมอัดเข้าร่างกายจนอยากระบาย แต่ความหิวโหยจากการนั่งรอรถหลายชั่วโมง ทำให้ฉันจำต้องแวะจอดกินข้าวที่ร้านใกล้ ๆ กับคอนโดฯ ของตัวเองเพื่อเติมพลังก่อนจะแผลงฤทธิ์คิดทำอะไรบ้า ๆ ได้อีก
“อ้าวนังหนูคนสวย มา ๆ วันนี้จะกินอะไรดี ไม่เจอหน้าหลายวันเลยนะเนี่ย” ทันทีที่ขาก้าวเข้าไปในร้านอาหารตามสั่ง เสียงแหลม ๆ ของป้าเจ้าของก็เอ่ยทักทายพร้อมด้วยรอยยิ้มฉีกกว้าง ที่สามารถเห็นได้ไกลมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร
“เอาสุกี้แห้งไม่ใส่ผักกาดค่ะป้า อ้อ...ใส่น้ำจิ้มสุกี้น้อย ๆ น้า หนูลดโซเดียมอยู่”
“ได้จ้า ป้าจำได้ ไม่สุกี้ก็ผัดเห็ดนี่แหละที่หนูชอบสั่ง”
“ป้าจำได้ด้วยเหรอคะเนี่ย โห ดีใจอ่า” ฉันทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ ขณะที่ใบหน้าก็หันไปสนทนากับป้าเจ้าของร้านที่ตอนนี้กำลังขะมักเขม้นในการทำอาหารหน้าเตา
“ป้าจำหนูได้ เมนูของหนูมันเรื่องมากยิ่งกว่าใคร แถมเครื่องประดับที่หนูใส่มันก็เยอะจนเวอร์ ป้าจำได้แม่นเลยล่ะลูก”
สิ่งที่ได้ยินทำเอาฉันนิ่งไปชั่วขณะ ป้ากำลังหลอกด่าฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย...
“อ้าวสุดหล่อ! วันนี้กินอะไรดีลูก เข้ามานั่งก่อน”
“เอากะเพราหมูกรอบไข่ดาวจานหนึ่งครับป้า”
ขณะที่ฉันกำลังคิดตกตะกอนถึงคำพูดเมื่อครู่ เสียงของป้าเจ้าของร้านก็เอ่ยขึ้นทักทายกับลูกค้าที่เข้ามาใหม่ ซึ่งมันก็ทำให้ฉันหันไปมองตามระดับสายตา กระทั่งพบว่าคนที่เดินเข้ามานั้นคือคนที่ฉันเพิ่งแยกจากเขาไปไม่นานนี้เอง
คุณเนื้อคู่!
ให้ตาย...วันนี้ฉันเจอหน้าเขาด้วยความบังเอิญสองครั้งแล้วนะเนี่ย ไม่รู้ว่าฉันคิดเองเออเองไปคนเดียวหรือเปล่าว่านี่มันพรหมลิขิตชัด ๆ!
“คุณเนื้อคู่! เจอกันอีกแล้ว มานั่งนี่สิ โต๊ะพี่ว่างนะ” ทันทีที่สายตาจับจดจ้องมองร่างสูงที่เพิ่งเดินเข้ามาและรับรู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ก็ทำให้ฉันรีบโบกไหวมือและออกปากทักทายด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ไม่เป็นไรครับ โต๊ะอื่นก็ว่าง”
แป่ว!
เสียงการ้องดังอยู่ในหัวสมองก่อนที่เสียงแตกดังเพล้งจะดังขึ้นตามมาติด ๆ นอกจากคุณเนื้อคู่จะไม่ยอมนั่งลงที่โต๊ะของฉันแล้ว เจ้าตัวยังเดินผ่านไปโดยไม่ชายตามองมาที่ฉันเลยแม้แต่นิดเดียว
“สุกี้ได้แล้วหนู น้ำดื่มบริการตัวเองเลยนะลูก”
“ขอบคุณค่ะป้า” ฉันส่งยิ้มกว้างพลางยื่นมือไปรับจานสุกี้ที่เพิ่งถูกเสิร์ฟลงตรงหน้า ก่อนจะหันขวับไปมองยังไอ้หนุ่มหล่อโดนใจที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์
การตัดสินใจอันรวดเร็วเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันหยัดกายขึ้นพร้อมกับการถือจานสุกี้ สองขาก็ก้าวเดินฉับ ๆ ตรงปรี่ไปยังโต๊ะของคุณเนื้อคู่ที่เขานั่งอยู่ หลังจากนั้นก็ถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ซึ่งการกระทำเหล่านั้นสามารถเรียกความสนใจจากเขาได้เต็มเปา
“แหะ...ขอนั่งด้วยคนสิ พี่เป็นโรคกินข้าวคนเดียวไม่ได้อะ มันเหงา มันเปล่าเปลี่ยวหัวใจ”
“แต่ผมเป็นโรคไม่ชอบนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับใครครับ”
แป่ว!
เสียงอีการ้องและเสียงแตกดังเพล้งเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันหลับตาแน่นพลางกดข่มอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ ไม่อยากแสดงความวีนเหวี่ยงใด ๆ ออกไป เพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะตกใจที่ได้เห็นร่างนางมารร้ายจากตัวของฉัน
ไม่ได้ ๆ ฉันจะให้คุณเนื้อคู่เห็นสภาพน่ากลัวแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!
“ใจร้ายจัง ขอนั่งด้วยแป๊บเดียวเอง พี่ไม่ใช่คนกินช้า สิบนาทีก็หมดแล้วเนี่ย”
“งั้นก็รีบกินสิ” คำตอบกลับส่งมาทันควัน นอกจากคำพูดเร่งรัดแล้ว สายตาของเขายังเป็นการบีบบังคับให้ฉันรีบจัดการของกินตรงหน้าให้หมดโดยเร็วอีกด้วย
“พี่รอกินพร้อมกวินดีกว่า”
“นี่พี่ไม่ได้จะจีบผมอยู่ใช่ป้ะ”
“จีบดิ...เฮ้ย! อะไรนะ” ความปากไวไม่ทันคิดทบทวนถึงคำถามที่ส่งมา ฉันเลยเผอเรอตอบกลับไปตามที่หัวใจเรียกร้อง แต่พอสติกลับคืนก็ล่วงรู้ว่ามันไม่ทันเสียแล้ว
“พอเหอะพี่ ผมไม่ชอบ” ฉันอ้าปากค้างทำตาโตเมื่อได้ยินคำพูดของไอ้เด็กรุ่นน้องที่ตอบเหมือนกับมันเป็นเรื่องธรรมดา
ทั้ง ๆ ที่อาการของฉันมันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ากำลังเงิบอย่างถึงที่สุด!
“ทำไมอะ พี่ไม่ตรงสเปคเหรอ” ไหน ๆ ก็ถูกจับได้แล้วก็ยอมเปิดปากเคลียร์กันตรง ๆ ไปเลยแล้วกัน
ฉันวางช้อนกับส้อมก่อนจะใช้มือเท้าคางและจับจดสายตามองไปยังคนฝั่งตรงข้ามอย่างเอาคำตอบ ฉันเองก็คิดว่าหน้าตาอย่างฉันก็ไม่ธรรมดา เข้าขั้นสวยและน่ารัก แถมฐานะก็คิดว่าน่าจะรวยมากระดับมหาเศรษฐี คนหย่อนบัตรคิวตามขายขนมจีบก็มีเป็นร้อย มันเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันจำต้องถามหาเหตุผลจากไอ้เด็กหล่อคนนี้นี่ไงว่าทำไมถึงเลือกปฏิเสธอย่างไม่ไยดีแบบนี้
“ไม่มีเหตุผลไรเลย ผมแค่ไม่ชอบพี่”
เอามีดมาแทงยังไม่เจ็บเท่านี้เลย...
“ตอนนี้ไม่ชอบ ก็ไม่ได้แปลว่าครั้งต่อ ๆ ไปจะไม่ชอบป้ะ”
“ผมมั่นใจครับ ผมไม่ชอบพี่แน่นอน”
“ไอ้เด็กบ้า!” ฉันโพล่งขึ้นด้วยความหงุดหงิดเต็มประดา สีหน้าและท่าทางแสดงออกชัดว่าฉันกำลังไม่พอใจไอ้เด็กนี่จนถึงขั้นกล้าขึ้นเสียงใส่เลยทีเดียว
“กะเพราหมูกรอบไข่ดาวได้แล้วลูก”
“ขอบคุณครับ”
เสียงของป้าเจ้าของร้านดังแทรกขึ้นตามมาด้วยจานอาหารที่วางกั้นกลางตรงหน้า ราวกับเป็นเสียงกระดิ่งบนเวทีมวยที่ทำให้ฉันต้องถอยหลังกลับมาตั้งลำใหม่
ฉันหลับตาแน่นพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ พยายามระงับข่มอารมณ์ให้อยู่ในจุดที่เยือกเย็นเป็นน้ำแข็งมากที่สุด ก่อนจะรีบกระแอมไอปรับน้ำเสียงให้เป็นหญิงสาวผู้น่ารัก ไม่ใช่คนขี้วีนอย่างที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
“งั้นพี่ขอจีบหน่อยได้ป้ะ เผื่อว่าสักวันหนึ่งน้องจะสนใจพี่อะ” หลังจากที่พื้นที่ตรงนี้มีแค่เราสองคน มันก็ทำให้ฉันรวบรวมความกล้าที่จะเอ่ยความในใจออกไปจนคนตรงหน้าชะงัก
“…”
“เฮ้ย ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ขอจีบเอง แบบว่า...กวินไม่ต้องชอบพี่ก็ได้ พี่ขอแค่ได้จีบก็พอ”
“ไม่อะ” จากที่เงียบไปชั่วครู่ เสียงเข้มก็ตอบกลับมาพร้อมกับการส่ายหน้าหวือที่บ่งบอกว่าเขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของฉันเลยสักนิด
“น่านะ ขอจีบหน่อย จีบแบบมีชั้นเชิง ไม่วุ่นวายให้รำคาญ ไม่เป็นไอ้บ้าตามตื๊อแน่นอนพี่สัญญา” ฉันยกนิ้วก้อยขึ้นมาทำท่าสัญญา ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าชีวิตของไอ้ญาณินจะมีโมเมนต์ขอจีบผู้ชายด้วย
“ผมไม่...”
“อ๊ะ เกี่ยวก้อยแล้ว แปลว่าตกลงนะ” ฉันอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ รีบใช้นิ้วก้อยของตัวเองเกี่ยวพันที่นิ้วก้อยของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ไกวไปมาเพื่อเป็นการตอกย้ำว่าสัญญาของเราสองคนได้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้เป็นต้นไป
“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย”
“ไม่เคยแอบชอบใครหรือไง พี่สัญญาว่าจะจีบแบบน่ารัก ไม่ทำให้เรารำคาญแน่นอน ไว้ถ้าพี่มั่นใจแล้วว่าพี่จีบเราไม่ติดแน่ ๆ พี่สัญญาเลยว่าพี่จะเดินออกไปเอง ไม่งี่เง่าไม่ทำความรำคาญอะไรให้กับเราแน่นอน” ฉันยอมปล่อยมือออกก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นการชูสามนิ้วเพื่อเป็นการยืนยันในคำพูดของตัวเอง
“อย่ามาหาว่าผมใจร้ายแล้วกัน”
“ตอบแบบนี้แปลว่ายอมแล้วใช่ป้ะ โอเค...งั้นเริ่มแรกของการจีบก็คือการแลกไอดีกัน ขอโทรศัพท์หน่อยสิคะสุดหล่อ”
ฉันยกยิ้มอย่างพึงพอใจที่เห็นท่าทีอ่อนลงของคนตัวโต ไอ้เด็กนี่ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ แค่เย็นชาหยิ่งผยองและน่าหมั่นไส้ก็เท่านั้นเอง
ฉันคนนี้จะเปลี่ยนให้คนหน้านิ่งอย่างเขา กลายมาเป็นไอ้เด็กดีสุดน่ารักของพี่ณินให้ได้เลยคอยดู!
