บทที่ - 4
“ขอบคุณครับที่มาตามนัดของผม”
“ขอบคุณเช่นกันค่ะที่ชวนนามาทานมื้อเย็นด้วย ร้านนี้เป็นร้านที่นาชอบมากด้วยค่ะ” เธอตอบกลับพร้อมส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามกับตัวเอง
“ครับ ผมอยากรู้จักคุณนาให้มากกว่านี้ครับ ก็เลยต้องเสียมารยาทสืบประวัติคุณนาและรู้ว่าคุณชอบทานอะไรและชอบร้านอาหารร้านไหน”
“คุณป้องดูจริงจังมากเลยนะคะ” หล่อนปิดปากยิ้มอายอย่างมีจริต
“แน่นอนครับ เพราะผมอยากรู้จักคุณนามากกว่าแค่ลูกค้าครับ”
“เรื่องนั่นไว้เป็นเรื่องในอนาคตเถอะค่ะ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันไปก่อนนะคะ” นัยนาพูดอย่างรักษาหน้าอายหนุ่ม ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบไม่ถูกใจชายหนุ่มตรงหน้า แต่เท่าที่รู้มาประวัติเรื่องผู้หญิงของเขาใช่จะน้อย เขาคือตัวพ่อของความเจ้าชู้เลย เห็นเงียบๆ ขรึมๆ แบบนี้แต่ก็ไม่เคยขาดแคลนเรื่องผู้หญิง
“ผมก็หวังว่าในอนาคตของเราจะไม่ใช่แค่เพื่อนกันครับ” เธอเป็นคนฉลาดและรู้จักวิธีที่จะกำราบเขา และเนี่ยแหละคือสิ่งที่เขาชอบ หล่อนถือตัวตลอดไม่ยอมให้เขาเข้าถึงตัวได้ง่าย
“ค่ะ ถ้างั้นเราสั่งอาหารกันเถอะค่ะ นาหิวแล้ว”
“ผมสั่งแล้วครับ เดี๋ยวเด็กคงมาเสิร์ฟให้ ผมสั่งแต่ของโปรดคุณนาเลยนะครับ”
“ขอบคุณนะคะ ไม่ต้องเอาใจนาขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้หรอกครับ ผมอยากทำคะแนนเผื่อว่าความสัมพันธ์ของเราจะขยับเร็วขึ้น”
“ค่ะ” เธอไม่ต่อความยาวแล้วสนใจอาหารที่เด็กในร้านยกเข้ามาเสิร์ฟ ส่วนปกป้องก็มองหน้าของสาวสวยอ่อนโยนตลอดเวลาที่เธอให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้า ยิ่งมองหล่อนก็ยิ่งน่ารัก ยิ่งอยากครอบครอง แต่ยังก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้
ตั้งแต่เปิดเรียนมารับน้องกลับดึกทุกวัน ทำกิจกรรมกับเพื่อนจนทำให้เธอเพลียถึงบ้านสลบทุกวัน และเช้ามาก็รีบออกมาแต่เช้าเพื่อนั่งรถเมล์ไปเรียนหนังสือให้ทันคาบเช้า เป็นแบบนี้มาสองอาทิตย์แล้วที่เริ่มใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย สนุกและเหนื่อย เริ่มมีเพื่อนใหม่ๆ ในคณะ ณิชาภัทรเรียนคณะนิเทศฯ เพื่อที่ในอนาคตจะได้ทำงานเบื้องหลังวงการบันเทิงในแบบที่ฝันไว้
สาวน้อยในชุดนักศึกษาก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือหลังจากทำงานกลุ่มกับเพื่อนเสร็จ และเพื่อนก็พากันแยกย้ายกลับกันหมดแล้ว เหลือแต่เธอที่ยังนั่งรอรถเมล์ที่หน้ามหาลัย แต่รอนานแล้วก็ยังไม่มีรถสายที่จะกลับบ้านมาจอดที่ป้ายสักคัน เธอมองนาฬิกาเป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว ดึกขนาดนี้จะนั่งแท็กซี่ก็กลัวเหมือนในข่าวจึงตัดสินใจโทรหาน้าชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งแต่วันที่เขาพามาทิ้งไว้ที่บ้าน
ตื๊ด!ตื๊ด!ตื๊ด!
กดต่อสายไปเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมรับสาย หรือว่าเขาจะหลับไปแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าปลายสายกำลังเริงสวาทกับนางแบบสาวที่รู้จักกันเมื่อหลายวันก่อนอยู่ และเมื่อเสียงสั่นเตือนของโทรศัพท์ดังรบกวนถี่ๆ เข้าเขาจึงผละจากหล่อนคว้าหยิบโทรศัพท์ที่วางที่โต๊ะโคมไฟข้างหัวเตียงมาดูว่าใครโทรมารบกวนเวลานี้ และพอเห็นว่าเป็นหลานสาว ใช่เขาลืมณิชาภัทรไปเลย
“มีอะไรรึเปล่า” กดรับพร้อมกรอกเสียงหอบเหนื่อยส่งไปในสายพร้อมดันอีกมือที่ว่างก็คว้าจับมือนางแบบสาวไม่ให้ซุกชน
“น้าป้องมารับหนูหน่อยค่ะ”
“ว่าไงนะ”
“มารับหนูหน่อยค่ะ พอดีตอนนี้หนูอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาลัยค่ะ หนูรอรถเมล์ไม่มีมาสักคันเลย และหนูไม่กล้านั่งแท็กซี่กลับคนเดียวด้วยค่ะ หนูกลัว”
“ทำไมถึงอยู่ดึก” เขาชักถามกลับ
“หนูทำงานกลุ่มกับเพื่อนเพิ่งเสร็จค่ะก็เลยกลับดึก”
“แล้วเพื่อนเธอล่ะ”
“กลับหอพักกันแล้วค่ะ”
“อือ คือฉันต้องไปรับเธอใช่ไหม”
“ค่ะน้าป้อง รีบๆ มานะคะหนูกลัวค่ะ ที่ป้ายรถเมล์เริ่มไม่มีคนแล้วค่ะ”
“เออ รออยู่นั่นแหละ วุ่นวายจริง” แล้วก็ตัดสายทิ้งทันทีพร้อมกับบอกนางแบบสาวให้รีบแต่งตัวและกลับบ้านตัวเองพร้อมกับบอกเธอว่าพรุ่งนี้จะให้เลขาส่งเช็คเงินสดไปให้ ส่วนตัวเองก็รีบแต่งตัวแล้วออกไปรับหลานสาวที่เขาลืมไปแล้วว่าพาเธอมาอยู่ที่บ้านตัวเอง
