2
“โธ่... คุณบัวของบ่าว อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ คุณพฤกษ์อาจจะแค่อารมณ์ไม่ดี”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะพี่บัว พี่พฤกษ์ไม่ชอบบข้า ถ้าเรามีที่ไปก็คงจะดีนะจ๊ะ ไม่ต้องมาทนให้เขาเหม็นขี้หน้าอยู่แบบนี้” คนพูดมีน้ำเสียงเศร้าสร้อยเหลือประมาณ
“ปากบอกว่าไม่ชอบแต่เข้าหาคุณบัวทุกคืน เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงชัดๆ” พุดซ้อนพูดแล้วทำสีหน้าไม่ชอบใจที่เจ้านายสาวโดนรังแกเช่นนี้ แต่ตัวเองก็เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรไปตำหนิเจ้านาย
“อย่าไปพูดแบบนั้นให้ใครได้ยินนะจ๊ะพี่ เดี๋ยวพี่พฤกษ์รู้เข้าจะโกรธเอาอีก” คนปรามหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู บ่าวรับใช้ที่นอนเฝ้าหล่อนอยู่หน้าห้อง รู้ว่าใครเข้าออกห้องพักของหล่อนบ้าง แต่ก็น้ำท่วมปากพูดไม่ได้
หลังจากคุณหลวงอัฐกับคุณหญิงนิดเสียชีวิต พฤกษ์ก็เนรเทศหล่อนไปอยู่เรือนหลังเล็กเพราะรังเกียจ หล่อนเป็นแค่ผู้อาศัย จำต้องระเห็จไปอยู่ที่นั่น ซึ่งหล่อนก็ไม่ได้ปริปากบ่นอะไรออกมาเลยสักคำ เขาเป็นเจ้าของบ้าน เขาจะสั่งให้ไปอยู่ที่ไหนหล่อนก็ต้องไป
“อาบน้ำอาบท่าได้แล้วเจ้าค่ะคุณบัว เดี๋ยวจะค่ำมืดเสียก่อน จะได้เข้านอนกัน วันนี้คุณบัวของบ่าวเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” พุดซ้อนไม่อยากพูดให้เจ้านายสาวอายอีก
เกิดเป็นหญิงเมื่อโดนรังแกก็ไม่มีปากมีเสียง มีสิทธิ์อะไรที่จะปฏิเสธ ยิ่งมาอยู่บ้านเขา อาศัยข้าวแดงแกงร้อนของเขาก็ยิ่งจะต้องปิดปากให้เงียบ ถ้าถูกเขาไล่ออกจากบ้านไป จะไม่มีที่ซุกหัวนอน
“เดี๋ยวบ่าวไปเอาขมิ้นกับมะขามเปียกก่อนนะเจ้าคะ คุณบัวรออยู่ที่ท่าน้ำก่อนนะเจ้าคะ”
“จ้ะพี่” กลีบบัวตอบรับ นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำด้วยจิตใจเลื่อนลอย
“พี่พุดซ้อนมาแล้วเหรอจ๊ะ อุ๊ย! พี่พฤกษ์” หล่อนร้องอุทานเมื่อหันไปก็เจอเข้ากับพฤกษ์ที่วางมือร้อนๆ อยู่ตรงไหล่บอบบางของหล่อน
“จะอาบน้ำเหรอ” เขาเอ่ยถาม
“ค่ะพี่พฤกษ์” คนพูดมีท่าทีเขินอาย เสียงสั่นสะท้าน ก้มงุดเพราะตัวเองอยู่ในสภาพอันล่อแหลมนัก
“ตัวหอมอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบก็ได้” เขากระซิบลงตรงริมหู ใช้ริมฝีปากดุนดันกลีบปากของหล่อนเบาๆ พอหล่อนเบี่ยงหลบเขาก็หอมแก้ม ขบเม้มติ่งหูสาวอย่างมีชั้นเชิง
“อย่าเจ้าค่ะพี่พฤกษ์ เดี๋ยวบ่าวในเรือนมาเห็นเข้า”
“ไม่มีใครมาเห็นหรอก ข้าสั่งไอ้เข้มเอาไว้แล้วว่าไม่ให้ใครเข้ามา”
“ตรงนี้เป็นท่าน้ำนะเจ้าค่ะ มันไม่เหมาะสม”
“ท่าน้ำแล้วทำไม” เขาปลดอาภรณ์ออกจากกาย ไม่ได้สนใจเสียงประท้วงของหล่อนอีก เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ และเวลานี้เขาต้องได้หล่อนให้สมใจอยาก
“มันไม่ใช่ในห้องนอน มันไม่งามน่ะสิเจ้าคะ” กลีบบัวรีบบอก หล่อนอายที่ต้องให้เขามาทำอะไรแบบนี้ตรงนี้ มารดาสอนให้รักนวลสงวนตัว แต่มันจบสิ้นลงตั้งแต่ที่หล่อนมาเหยียบบ้านหลังนี้ แล้วเขาก็เข้าหาหล่อน ย่ำยีอย่างไร้ค่าไร้ราคา สูบกินน้ำหวานจากหล่อนจนเหือดแห้ง
ทุกวันนี้หล่อนเหมือนดอกไม้ข้างทาง อีกไม่นานเขาคงเบื่อและเขี่ยทิ้งเพราะกลืนกินความหวานจนหมดสิ้นเหมือนชานอ้อยที่ไร้สิ้นความหวาน
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ที่ไหนก็ได้” คนเอาแต่ใจเวลาอยากได้ก็พูดจาหว่านล้อมทุกอย่าง
“ว้าย! พี่พฤกษ์” กลีบบัวร้องเสียงหลงเมื่อถูกกระชากผ้าถุงลงมาจนถึงเอว เผยให้เห็นปทุมถันอวบอิ่มที่ถูกเขาขย้ำขยี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เขาไม่ทันให้หล่อนได้ตั้งตัวก็ตรงเข้าตะโบมจูบทรวงอกอวบอิ่มนั้นอย่างตะกละตะกลาม รวบดูดอย่างเร่าร้อน ขยำขยี้อย่างมันมือ จนกลีบบัวต้องหลุดเสียงร้องครางออกมาไม่ขาดสาย
“พี่พฤกษ์ พอก่อนค่ะ อ๊า...” กลีบบัวรีบยกมือขึ้นอุดปากตัวเองเอาไว้เมื่อเผลอครางออกมาเสียงดังลั่น
“จะห้ามทำไม เจ้าก็เสียวเหมือนกันไม่ใช่รึ” เขากัดหัวนมสีชมพูของหล่อนแรงๆ ทำให้กลีบบัวถึงกับสะดุ้ง
“พี่พฤกษ์อย่าทำรุนแรงกับบัวเลยนะเจ้าคะ” กลีบบัวพยายามห้ามปราม แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เข้าหูเขาเอาเสียเลย
“อ๊า... พี่พฤกษ์บัวเจ็บค่ะ อย่ากัด” หล่อนดันศีรษะของเขาออกห่าง
“เจ็บอย่างเดียวเหรอ ไม่เสียวด้วยหรือ” เขาเอ่ยถามเสียงแหบพร่า เบียดกายเข้าไปตรงหว่างขาของหล่อน โดยถลกผ้าถุงขึ้นมาเหนือเอว ทำให้ตอนนี้ทั้งท่อนบนและท่อนล่างของหล่อนเปลือยเปล่าแนบชิดไปกับเรือนร่างแข็งแกร่งของเขาที่ไร้สิ้นอาภรณ์ติดกาย
“อ๊า... พี่พฤกษ์”
“ข้าถามว่าเจ้าเสียวไหม” น้ำเสียงดุดันของเขากระซิบถามชิดริมหู มือหนาบีบปลายคางสวยเอาไว้แน่น ทำให้หล่อนต้องรีบพยักหน้าตอบ เพื่อทำให้เขาพึงพอใจ
พฤกษ์แยกขาของหล่อนอ้าออกจนกว้าง แล้วจับมือของหล่อนมารูดรัดแก่นกายชาย กลีบบัวหน้าแดงใจสั่นเพราะเขาชอบทำอะไรห่ามๆ หื่นๆ และพูดตรงๆ ทำให้หล่อนอาย
“พี่พฤกษ์”
“รูดให้หน่อย เดี๋ยวข้าจะกระแทกเจ้าที่ท่าน้ำนี่แหละ”
“จริงๆ เราควรไปทำกันบนห้องนอนนะเจ้าคะ” หล่อนอายที่เขาทำอะไรแบบนี้ จะตรงไหนทุกที่ทุกเวลา พฤกษ์ไม่เคยเว้นจากการย่ำยีหล่อน
