บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

เรื่องราวพูดแล้วมันยาว ถ้าเล่าแบบสั้นๆ ก็คือพ่อแม่ของเจษเขาต้องไปทำโครงการระยะยาวที่อื่น เลยส่งเจษไปอยู่บ้านคนที่เป็นญาติห่างๆ ทางแม่ และในตอนนั้นเอง เจษถึงรู้ว่า

ที่แท้คนที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดซึ่งรู้จักกันมาสิบกว่าปีก็สามารถถูกเรียกว่าเป็น“ญาติห่างๆ ทางแม่”ได้ในเวลาที่เหมาะสม

เจษได้ยินแม่บอกว่า “ตอนลูกเป็นเด็ก น้าญ่ายังเคยอุ้มลูกด้วยนะ”

น้าญ่าก็คือเพื่อนเก่าของแม่ เขาจำได้อยู่บ้างแบบเลือนราง

พ่อแม่ของเจษลากกระเป๋าเดินทางของเขา พาเขามาถึงหน้าประตูบ้านครอบครัวหนึ่ง แม่เขาเอ่ยปากพูดกะทันหัน

“น้าญ่ายังมีลูกชายคนหนึ่ง ตอนเด็กพวกลูกเคยเล่นด้วยกัน”

ความทรงจำที่เลือนรางแจ่มชัดในทันใด เจษมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา เวลานี้ประตูเปิดออกแล้ว ประตูทางนั้นมีเสียง“เชี่ย”คำหนึ่งลอยมา เขาเงยหน้าทันที สบตากับกตังค์ที่อยู่ในบ้าน

ในสมองของเจษยังเป็นคำพูดนั้นของเขา“เจอนายครั้งหนึ่งก็ต่อยนายครั้งหนึ่ง” กตังค์ตกตะลึงไปเช่นกัน ทั้งสองคนเบิกตาอยู่เฉยๆ โดยมีพ่อแม่เจษกั้นอยู่ตรงกลาง

“นี่คือลุงนุตน์กับน้าพิมของลูก” ในบ้านมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา ตีแขนกตังค์สักหน่อยแล้ว

มองเห็นหน้าของผู้หญิง เจษนึกขึ้นได้แล้ว นี่ก็คือน้าญ่า ตอนเป็นเด็กเขาจดจำน้าญ่าได้ฝังใจเป็นเพราะเธออายุน้อยหน้าตาสวย ไม่เจอกันหลายปียังให้ความรู้สึกไม่เปลี่ยนไปสักนิด

ทั้งสองครอบครัวพูดคุยกันอยู่ในบ้าน ครึ่งหนึ่งคือตื่นเต้นคึกคัก ครึ่งหนึ่งคือหนาวเหน็บเยือกเย็น

ในที่สุดเจษเข้าใจแล้ว ทำไมตอนนั้นเขาถึงเดินตามกตังค์ไปอย่างไม่มีเหตุผล

“เจษ ตอนเป็นเด็กเจษเป็นเงาตามตัวของพี่กตังค์ของเจษเลยนะ เจษยังจำได้มั้ย?” น้าญ่าส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา

เจษเกือบสำลักน้ำลายของตัวเองตาย เขามองทางกตังค์ และกลืนน้ำลายกลับลงไป

คนที่ไม่เจอกับสิบปี บนหน้ามองร่องรอยในวัยเด็กไม่ออกแม้แต่น้อย คาดไม่ถึงบุคลิกบนตัวไม่เปลี่ยนสักนิด ยังเลวเหมือนกันด้วย

“เธอพูดแบบนี้ เขาต้องเขินแน่ โตขนาดนี้แล้ว ยังตามกตังค์อยู่ได้ที่ไหน” แม่ของเจษก็ส่งเสียงหัวเราะดังกังวานออกมาเช่นกัน

เจษเห็นมุมปากกตังค์มีรอยยิ้มเยาะเย้ยแบบที่สังเกตไม่ง่ายนิดๆ

เมื่อสิบปีก่อนบ้านของกตังค์ไปมาหาสู่สนิทสนมกับบ้านของเจษ ต่อมาไม่รู้เพราะอะไรน้าญ่าพากตังค์จากไปกะทันหัน ปีนี้เพิ่งกลับมากัน

สิบปีก่อน เจษอายุหกขวบเท่ากับกตังค์ แต่ว่ากตังค์สูงกว่าเขาอยู่ช่วงหนึ่งศีรษะแล้ว รูปร่างก็ใหญ่กว่าเขาเท่าหนึ่ง เจษพบว่าตามอยู่ด้านหลังเขามีความรู้สึกปลอดภัยมาก

ดังนั้นจึงตามติดข้างกายเขาแบบหน้าด้านๆ แต่สุดท้ายกตังค์กลับผลักเขาออกไป และวิ่งหนีไปแบบไม่หันหน้ามามอง

“พวกลูกสองคน ตอนเป็นเด็กสนิทกันมากนะ!”

คุณแม่ทั้งสองหันหน้ามายิ้มกริ่มมองพวกเขา มองไม่เห็นความกดอากาศต่ำบริเวณนี้โดยสิ้นเชิง

“ตอนนี้เด็กสองคนก็เรียนหนังสืออยู่โรงเรียนเดียวกันพอดี......”

ทางนั้นยังพูดคุยกันต่อไปอีก ทว่าเจษกลับไม่มีกะจิตกะใจฟังต่อไปแล้ว

เมื่อก่อนกตังค์ไม่ได้ชื่อกตังค์ ชื่อกวิน เปลี่ยนชื่อใหม่หมด แม้แต่นามสกุลยังเปลี่ยนจึงเป็นเรื่องน่าแปลกสุด มิน่าเดิมทีเจษจำเขาไม่ได้

ในบ้านนี้ไม่เห็นแค่พ่อของกตังค์ คาดเดาตามนามสกุลเดิมของกตังค์ น่าจะเป็นลุงพุธที่บางครั้งเจษเคยได้ยินจากในปากพ่อแม่ เขาหนีตามคนอื่นไปแล้ว

หนีไปแล้ว ก็คือหนีตามคนรักไป เอาเงินของน้าญ่าหอบหนีไปแล้วแบบนั้น

พ่อแม่ของเจษเดินทางในคืนนั้นเลย บ้านของกตังค์กลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง น้าญ่ายุ่งวุ่นวายไปหมดช่วยจัดเตรียมห้องว่างให้เจษแล้ว เจษนั่งอยู่ก็ไม่ได้ ยืนอยู่ก็ไม่ได้อีก มองกตังค์ที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก จ้องเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นในใจเกิดความรู้สึกอยากวิ่งหนี

กตังค์ลุกขึ้นมา เดินผ่านด้านหน้าเขา เข้าห้องไปแล้ว ออกแรงเหวี่ยงประตู

ทันใดนั้นน้าญ่าเดินออกมาจากห้อง เข้ามาบอกกับเขา “เจษ ตอนกลางวันฝนตก ผ้าปูที่นอนที่ซักแห้งไม่ทันในช่วงเวลาสั้นๆ คืนนี้เจษก็เบียดกับกตังค์อยู่ในห้องเขาไปก่อนนะ”

ในใจเจษเต้นตึกตัก ในหัวสมองมีเสียงที่พูดกับเขาว่า รีบหนี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel