บทย่อ
ปีนั้น เขากับกตังค์อายุเพียง 6 ขวบ วันนั้นกตังค์อยากเล่นพ่อแม่ลูก เขาเป็นพ่อ เจษเป็นแม่ ภายหลังกตังค์บอกว่าอยากจะให้เหมือนจริงกว่านี้ ก็เลยจูบเจษ จูบหน้าผาก แก้ม ไล้ไปถึงริมฝีปาก
บทที่ 1
ปี2008นั้น สำหรับเจษแล้วเป็นปีที่มหัศจรรย์อย่างมากปีหนึ่ง ตอนที่เขาเพิ่งเปิดเทอมม.4ก็ถูกเด็กเกเรชั้นเดียวกันที่ไม่ตั้งใจเรียน ทั้งวันเอาแต่เกียจคร้านของห้องข้างๆ คนหนึ่งจ้องไว้แล้ว
ถ้าพูดให้ถูกต้อง น่าจะเป็นเขาไปจ้องคนอื่นเขาก่อนถึงจะถูก เขาชอบหน้าตาที่ดูดีของคนคนนั้น คาดไม่ถึงมีวันหนึ่งหลังเลิกเรียนก็ตามเขากลับบ้านอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นเจอเขาจูบดูดดื่มอยู่กับสาวแซ่บซึ่งแต่งตัวโป๊คนหนึ่งในซอย
เจษหนีเตลิดไป เหมือนมองเห็นสิ่งที่สกปรกอะไรเข้า ในดวงตาขัดเคืองมาก ตอนที่วิ่งชนกับถังขยะจนล้มไปตั้งหลายอัน สุดท้ายถูกเด็กเกเรตามมาทันตรงหัวมุมและกดเอาไว้บนผนังกำแพง เด็กเกเรพูดจากับเขาแบบโหดร้าย “แม่งเป็นพวกสะกดรอยตามโรคจิตอะไรรึไง?”
เจษตะลึง ในสายตาเต็มไปด้วยหน้าตาที่ดูดีของคนคนนั้น ในหูก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว ในสมองของเขาไม่รู้เส้นประสาทเส้นไหนกระตุกแล้ว คาดไม่ถึงตอบว่า “อ่า ใช่ ฉันชอบนาย”
ปฏิกิริยาของเด็กเกเรนั้นเจษลืมไม่ลงทั้งชีวิต เจษได้ยินเขาหัวเราะเยาะ จากนั้นพูดว่า “คนรักร่วมเพศอย่างพวกนายน่าขยะแขยงจริงๆ”
ถ้าบอกว่าต่อมาเจษมีเรื่องเสียใจอะไรอยากจะทำเพิ่มเติม ก็คือเวลานี้เขาควรจะกระโจนไปบนตัวเด็กเกเร ดึงผมทรงนักเรียนที่ดูหล่อเหลาของเขาจนโล้น แต่ไม่ใช่อัดอั้นจนทำให้หน้าตัวเองแดงจนเป็นสีตับหมู หวาดกลัวจนถึงขีดสุด
ความขัดแย้งของพวกเขาถือว่าเริ่มต้นขึ้นแล้ว
เจษไม่รู้เหมือนกันว่าเปิดเทอมวันแรก ทำไมเขาถึงเดินตามคนแปลกหน้าไปแบบถูกผีเข้า ยังเห็นเรื่องรักใคร่ของคนอื่นเขากับตาตัวเองอีก ไม่แปลกที่คนคนนั้นจะด่าเขา
ตั้งแต่เด็กเจษก็ยอมรับอย่างสงบถึงความจริงที่ว่าตัวเองชอบผู้ชาย เพียงแค่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงคือ เปิดเทอมแค่หนึ่งอาทิพย์ เรื่องที่เขาเป็นคนรักร่วมเพศจะแพร่ไปในระดับชั้นแล้ว ไม่นานก็กระจายไปทั่วทั้งชั้นมัธยมปลายเหมือนกับไวรัส
ทุกคนล้วนรู้ว่าม.4ห้องAมีเกย์คนหนึ่ง
ข่าวที่สั่นสะเทือนอันนี้ทำให้ไม่นานชั้นเรียนของเจษกลายเป็นจุดท่องเที่ยวในโรงเรียน มักจะมีคนที่มีเจตนาแอบแฝงอ้างว่าเดินผ่านมาส่องดูอยู่หน้าประตู
วันนี้เจษเพิ่งเดินออกมาจากห้องเรียนอยู่หน้าประตูก็ถูกนักเรียนหญิงสองคนดึงไว้ นักเรียนหญิงคนหนึ่งในนั้นพูดแบบมีลับลมคมใน “ได้ยินว่าห้องพวกนายมีเกย์คนหนึ่ง ช่วยชี้ให้ดูหน่อยว่าเป็นคนไหน?”
เจษรีบร้อนไปเข้าห้องน้ำ ไม่หลบเลี่ยง ชี้ตัวเองแล้วก็เดินไปข้างนอก ได้ยินด้านหลังมีเสียงร้องตกใจ “ไม่ใช่บอกว่าเป็นผู้ชายขี้เหร่เหรอ? ยังหล่อมากอยู่นะ”
กตังค์ เจษสอบถามจนรู้ว่าเด็กเกเรคนนั้นชื่อกตังค์ เขาเริ่มต้นเกลียดกตังค์จากตรงนี้ บอกว่าเขาเป็นเกย์ไม่เป็นไร บอกว่าเขาขี้เหร่ ก็คือเผยแพร่ข่าวเท็จแล้ว
เจษเดินเข้าห้องน้ำมา มองเห็นกตังค์เดินออกมาจากโถปัสสาวะ หลังจากสบสายตากับเขาทีหนึ่ง เจษได้ยินเขาพูดลอยๆ ว่า “เกย์ควรไปห้องน้ำหญิง”
เจษโกรธจนหน้าเขียวปัด ปกติในใจเขามีคำพูดมากมาย แต่ปากพูดไม่ออกสักคำหนึ่ง
กตังค์สูงกว่าเขาอยู่ช่วงหนึ่งศีรษะ แม้แต่เจษถลึงตาใส่เขายังดูไม่มีพลังขนาดนั้น พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
เจษเดินเข้าโถปัสสาวะไป กลับเห็นกตังค์ที่อยู่ด้านหลังซึ่งไม่รู้ว่าตามเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร และกลับไปยืนอยู่หน้าโถปัสสาวะอีกรอบ จ้องเขาอย่างยั่วยุ เหมือนว่ากำลังรอเขาถอดกางเกง
เจษยืนอยู่เฉยๆ กตังค์ก็ยืนอยู่ด้านข้างเขาแบบไม่รีบร้อน จนกระทั่งเสียงออดเข้าเรียนดังแล้ว ในที่สุดกตังค์ถึงเอ่ยปาก “เจ๊ เจ๊ไม่ถอดกางเกงจะฉี่ยังไง? จะนั่งยองๆ ลงไปเหรอ?”
ครู่หนึ่งเจษก็ตอบสนองต่อคำพูดของกตังค์ เขามองกตังค์อยู่ด้านข้างหัวเราะแบบบ้าไปแล้ว พอเขาเงยหน้าก็ถีบไปตรงหัวเข่ากตังค์ กตังค์ตัวไม่นิ่งจึงคุกเข่าลงพื้นทันที
สีหน้ากตังค์เปลี่ยนฉับพลัน สบถนิดหน่อยก็กระโดดขึ้นมาจากพื้น บีบคอของเจษไว้แล้วกดเขาไปบนผนัง เขาพูดกับเจษแบบดุร้าย “ต่อไปเจอนายครั้งหนึ่งฉันจะต่อยนายครั้งหนึ่ง”
เจษเชื่อคำพูดนี้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเปิดเทอมไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์กว่าๆ กตังค์ถูกทางโรงเรียนแจ้งเตือนไปสองครั้งเพราะชกต่อยทั้งนอกและในโรงเรียนมาหลายครั้ง
เจษเจอกตังค์เข้าอีกครั้ง ไม่ใช่ในโรงเรียน กตังค์ก็ไม่สามารถทำตาม“คำสัญญา”ที่จะต่อยเขาได้ เพราะแค่คืนเดียวพวกเขาสองคนก็อยู่ร่วมห้องเดียวกันแล้ว