Chapter2
ปารวียังไม่ได้แก่สักหน่อย เอาเป็นว่าอายุเกินวัยเบญจเพศมาปีสองปี
แค่วันนี้ชื่อที่ติดอยู่ในความทรงจำเริ่มทำพิษนิดหน่อย เธอทำผิดต่อเขา เท่าๆ กับที่เขาทำผิดต่อเธอ ความผิดในวัยเยาว์ที่น่าจะเจ๊ากันไป แต่ก็สะดุดทุกครั้งที่ได้ยินชื่อนี้
ไม่เอาล่ะ! ปารวีส่ายศีรษะ ท่าจะเครียดกับการหางานมากไปจนคิดเป็นตุเป็นตะ แต่ได้ยินชื่อคนรู้จักในอดีตก็เอามาย้อนความหลังเสียมากมาย
ชื่อคณิตโหลจะตาย ใครๆ ก็ชื่อนี้ได้ ลูกค้าไม่ใช่คณิตคนที่เธอรู้จักหรอก โลกไม่กลมขนาดนั้น แต่บางทีถ้าเจอเขาจริงๆ ทั้งเขาและเธออาจจะหัวเราะให้กัน มองเป็นเรื่องขำของความเขลาในวัยเยาว์
ปารวีลุกจากเตียงเดินไปหยิบโน้ตบุคที่ซ่อนในตู้เสื้อผ้ามาเสียบปลั๊กเพื่อเข้าเวปไซต์หางาน เธอควรทิ้งเรื่องไร้สาระต่างๆ ไป มุ่งมั่นกับงานมากกว่า
เธอตกงานกะทันหันเพราะบริษัทที่เคยทำงานอยู่ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก เนื่องจากการทุจริตของหัวหน้าฝ่ายบัญชีคนเก่า
เมื่อเปลี่ยนผู้บริหารเรื่องจึงแดง มีการดำเนินคดีและสอบสวนพนักงานหลายคน แต่กระนั้นปัญหาเรื่องเงินก็ยังหนักมากจนบริษัทต้องปิดตัวลง
ปารวีทำงานร้านดอกไม้ของเพียงเพ็ญมาได้หกเดือนแล้ว ความจริงวุฒิปริญญาตรีอย่างเธอควรจะหางานที่เหมาะสมมากกว่านี้
เพียงแต่ปารวีไม่อยากจะอยู่เฉยๆ รองาน ซึ่งมีแต่ทำให้เงินเก็บร่อยหรอลง พอดีกับร้านดอกไม้เพียงเพ็ญติดประกาศรับสมัครคนพอดี
ทีแรกเธอกะทำเป็นงานพิเศษเพื่อไม่ให้ว่างและพอหาค่ากินอยู่ แต่ผ่านไปสามเดือนงานพิเศษก็กลายเป็นงานประจำ เพียงเพ็ญให้หยุดทุกวันพฤหัส ซึ่งพอต่อการไปสัมภาษณ์งาน ก็แค่สัมภาษณ์ละนะ มีเรียกมาสามสี่ที่ แต่แล้วก็เงียบหาย
ปารวีเข้าใจอยู่ ว่าด้วยสภาวะการเมืองและเศรษฐกิจแบบนี้ การรับพนักงานเข้าทำงานแต่ละคนคงยากเต็มที แต่ไม่ยอมแพ้ เธอยังมุ่งมั่นหางานที่เหมาะสมต่อไป
ปารวีอยู่ในรถแท็กซี่ที่เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างดีเยี่ยม บรรยากาศเย็นเฉียบ เธอกำลังไปส่งดอกไม้ให้ผู้ชายชื่อคณิตที่ออฟฟิศเขา ดอกไม้ในอ้อมกอดเธอคือคาร์เนชั่นชมพู
‘คาร์เนชั่นสีชมพูมีความหมายว่า...ฉันเริ่มจะรักเธอแล้วละ หันมาสนใจฉันบ้างเถอะ เริ่มให้ดอกไม้ผู้หญิงวันแรกเอาความหมายเบาๆ ก่อน ดอกกุหลาบมันแรงไปเอาไว้เป็นไฮไลท์วันอื่นๆ’
เพียงเพ็ญยิ้มร่าเมื่อยื่นช่อดอกไม้ให้ก่อนขึ้นแท็กซี่
‘อย่าลืมบอกความหมายดอกไม้นี้ให้กับลูกค้าเรารู้ด้วยล่ะ ไหนทวนสิป่าน’
โอ๊ย! หวานเลี่ยนเหลือเกินในความรู้สึกปารวี แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเป็นงาน งานทำเงินจำไว้ป่าน! เธอท่องมนต์กล่อมตัวเองในใจ
การจราจรไหลเลื่อนอย่างช้าๆ นานพอดู ปารวีก็ได้มายืนอยู่หน้าตึกสูงที่ติดป้ายออฟฟิศบริษัทชื่อดังต่างๆ เธอเดินไปแจ้งเรื่องที่มาติดต่อกับเคาน์เตอร์
ประชาสัมพันธ์หน้าแฉล้มกดโทรศัพท์คุยสายสักครู่ ก่อนวางมันลงแล้วผายมือไปทางลิฟท์ ออฟฟิศลูกค้าอยู่ชั้นสิบเอ็ด ลิฟท์ว่างพอดีปารวีรีบเดินเข้าไป เธอกดเลขชั้นเป้าหมาย แล้วยืนนิ่งกอดกระชับช่อดอกคาร์เนชั่น
กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก ทำงานกับเพียงเพ็ญมีข้อดีเหมือนกัน แม้ได้เงินเดือนน้อย เจ้านายจู้จี้ แต่ก็ได้ทำงานกับดอกไม้สวยๆ งามๆ หอมๆ ราคาแพง ดอกไม้ที่ไม่เคยมีใครให้เธอสักที เอ้อ! มีสิ มีอยู่คน ...คณิตไง
ลิฟท์หยุดที่ชั้นเจ็ดพร้อมกับภวังค์ปารวีสะดุดลงด้วย เอาอีกแล้วป่าน! คิดเรื่องปัจจุบันสิอย่าคิดเรื่องในอดีต เธอเอ็ดตัวเองในใจ
ถ้าว่างมากก็ท่องความหมายของดอกคาเนชั่นชมพู ปารวีพึมพำปากขมุมขมิบท่องความหมายดอกไม้กันลืม
ประตูลิฟท์เปิดออก มีผู้ชายยืนอยู่ ร่างนั้นสูงกว่าปารวีมาก เธอสูงแค่อกเขา แลเห็นเพียงแต่เทคไทเทาและสูทสีดำ
คนหน้าลิฟท์ชะงักนิดหนึ่งก่อนก้าวเท้าเข้ามายืนอยู่ด้านข้างเธอ ปารวีเพียงแต่แลดูสูทเขาเท่านั้น ไม่ได้มองหน้า
ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจนี่นา เธอแค่มาส่งดอกไม้ แถมแต่งตัวโทรมๆ เสื้อเชิ้ตสีเทา กางเกงยีน ผมรวบเป็นมวยซาลาเปา มีปอยตกลงนิดหน่อย
ผู้ชายในสูทอาจจะไม่คิดกระมัง ว่าครั้งหนึ่งคนที่ยืนอยู่ข้างเขาคนนี้ก็เคยแต่งตัวโก้ๆ เหมือนกันในสมัยยังเป็นสาวออฟฟิศ
ลิฟท์หยุดลงที่ชั้นสิบเอ็ด ปารวีเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หนุ่มสูทเทาเดินตามมาช้าๆ เธอแจ้งชื่อลูกค้าที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์หน้าป้ายบริษัท
“มาพบคุณคณิตเหรอคะ อ้าว! พอดีเลย”
ประชาสัมพันธ์ทักมองไปที่ข้างหลังปารวี เธอพลอยหันกลับตามไปด้วย
“คุณคณิตมีดอกไม้มาส่งค่ะ”
คณิต!!! ปารวีรู้สึกเหมือนตกเหว ใจวูบไหว ทว่าร่างกายนิ่งงัน ผู้ชายที่ชื่อคณิตในสูทสีเทา มองดอกคาร์เนชั่นชมพูสลับกับใบหน้าเธอ
“จะเอาไปให้สาวไหนเอ่ย”
ประชาสัมพันธ์ถามดวงตาระยิบยับ
“คาร์เนชั่นเหรอ”
เขาสูงกว่าเดิม ...เสียงทุ้มนุ่มกว่าเดิม ...ผมยาวกว่าเดิม ...ดวงตาคมกล้ากว่าเดิม ที่ยังเหมือนเดิมคือแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนใบหน้าขาวที่มีไรหนวดจางๆ
“ทำไมเป็นดอกคาร์เนชั่นล่ะ มันหมายถึงอะไร”
คณิตถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวรีบดึงสติตัวเองออกมาจากอาการตกตะลึง
“ค่ะ คะ...คาร์เนชั่นชมพูมีความหมายว่า ...ฉันเริ่มจะรักเธอแล้วล่ะ หันมาสนใจฉันบ้างเถอะ"
ปารวีอยากจะเอาศีรษะตัวเองโขกกำแพงนัก ทีอย่างนี้ละจำความหมายของเจ้าดอกไม้นี่ได้ดี แถมเผลอเอ่ยออกไปแล้วด้วย
“อืม อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่กุหลาบแดงก็ดีแล้ว”
เขาหยิบกระเป๋าสตางค์จากกางเกง เปิดมันออกแล้วยื่นธนบัตรใบละพันและห้าร้อยออกมาอย่างละใบ
“ไม่ต้องทอน”
คณิตสอดแขนมาโอบช่อคาร์เนชั่นไปจากปารวี แขนเสื้อสูทเสียดสีกับเชิ้ตเธอ กริยาไม่ได้กระแทกกระทั้น แต่ห่างเหินอยู่ในที เขาเดินไปโดยที่ไม่ชายตาแลเธอสักนิด!
“กลับมาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้างป่าน”
เพียงเพ็ญถามเสียงใสเมื่อลูกน้องเดินเข้ามาในร้าน
“ค่ะ ก็...ส่งดอกไม้เสร็จแล้ว”
ปารวีตอบแบบพยายามเก็บความรู้สึกสุดฤทธิ์
“เห็นผู้หญิงที่ได้ดอกไม้ไหม เป็นไง สวยขนาดไหน ฉากมอบดอกไม้ให้ประทับใจหรือเปล่า”
เพียงเพ็ญชอบนักแลให้เธอเก็บบรรยากาศเวลาไปมอบดอกไม้ให้ลูกค้า เพื่อเป็นข้อมูลในการเล่าเรื่องความประทับใจให้ลูกค้ารายต่อไป
เจ้านายสอนปารวีเสมอว่าร้านขายดอกไม้ ไม่ใช่เพียงขายดอกไม้ แต่ยังต้องขายความประทับใจให้ทั้งผู้รับ และผู้จ่ายรู้สึกว่าเงินที่จ่ายไปนั้นคุ้มค่าในด้านความรู้สึกด้วย
