บทย่อ
...หากสวรรค์เมตตา ชาติภพหน้าขอให้คนที่วิ่งตามความรักนี้มิใช่ตัวข้า... จ้าวซินหยาน เป็นหญิงคณิกาชั้นสูงที่มิได้ขายเรือนร่างดังหญิงคณิกาทั่วไป แต่นางขายเสียงเพลงผ่านการดีดผีผา ฝีมือของนางเรียกได้ว่าหาใครเทียบได้ยาก หากให้ได้ฟังก็ล้วนเคลิบเคลิ้มราวกับอยู่ในความฝัน จางเฟยเจิน บุตรคนโตของจางเฟยฮุ่ย เป็นผู้สืบทอดเหลาอาหารขนาดใหญ่ของตระกูล ทั้งสองคนได้พบกันครั้งแรก เพราะจางเฟยเจินได้เชิญจ้าวซินหยานมาดีดผีผาที่เหลาอาหาร จากนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้น จนนางปักใจรักต่อบุรุษผู้นี้เพียงคนเดียว อีกทั้ง จางเฟยเจินยังเคยให้สัญญาว่าจะไถ่ตัวนางออกจากหอหงฮวา และมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นดังหวัง ในเทศกาลหยวนเซียว จ้าวซินหยานพบว่าจางเฟยเจินได้ทำบางอย่างกับคุณหนูตระกูลหลี่อยู่ที่ตรอกโรงน้ำชา ทั้งที่คืนนี้เขานัดกับนางเอาไว้ และสุดท้าย ข่าวก็แพร่สะพัดว่าจางเฟยเจินจะได้แต่งงานกับคุณหนูหลี่ ความผิดหวัง และเจ็บปวดจากคำหลอกลวงของเขาทำให้นางเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง แต่ว่า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างก็วนกลับมาที่เดิม จ้าวซินหยานได้ย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีต และคราวนี้ก็ตั้งใจไว้ว่า จะไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำรอยเดิม คนที่ต้องเจ็บปวดและโง่งมกับความรักครั้งนี้ จะต้องเป็นเขา จางเฟยเจิน /////////////////////////////////
บทที่ 1 หวนคืน
...หากสวรรค์เมตตา ชาติภพหน้าขอให้คนที่วิ่งตามความรักนี้มิใช่ตัวข้า...
“แม่นางซินหยาน แม่นางซินหยาน ตื่นเถิดเจ้าค่ะ”
ร่างกายสั่นไหวด้วยแรงเขย่า ทำให้เปลือกตาคู่สวยเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ นัยน์ตาหงส์มองสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนที่จะหันมาตามเสียงเรียก เหตุการณ์พวกนี้ช่างคุ้นเคยนัก
“ลุกขึ้นชำระร่างกายแล้วผลัดผ้าเถิดเจ้าค่ะ ยามโหย่ว (17.00-18.59 น.) รถม้าของคุณชายจางจะมารับแล้วนะเจ้าคะ”
สวรรค์หนอสวรรค์ ท่านช่างมีเมตตานัก แต่เหตุใด มิส่งนางกลับมาเร็วกว่านี้สักสามชั่วยามกันเล่า อย่างน้อย ๆ นางจะได้ตอบรับคำเชิญของคุณชายหลี่ มิใช่คุณชายจาง
จ้าวซินหยานหยัดกายลุกขึ้นนั่งบนตั่งนอน แล้วแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอ กลับมาทั้งทีแต่ก็ยังหนีบุรุษผู้นั้นไม่พ้น
“อาหลาน ข้าหลับไปนานเท่าไหร่กัน” ซินหยานหันไปมองหน้าสาวใช้ข้างกายแล้วก็เอ่ยถามขึ้น
“ท่านพึ่งพักสายตาไปเมื่อยามอู่ ( 11.00-12.59 น.) เจ้าค่ะ”
ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน แม้แต่ทุกคำพูดของอาหลานก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แต่หากถ้าสวรรค์เมตตานางให้กลับมา คงเป็นตัวนางเองที่ต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่างมิให้เดินตามรอยเดิม
“งั้นเจ้าก็เตรียมชุดใหม่ให้ข้าเถิดอาหลาน ข้าไม่อยากจะสวมชุดสีขาวแล้ว เปลี่ยนเป็นสีแดงให้ข้า”
จ้าวซินหยานมองดูชุดสีขาวปักลายสีชมพูที่นางมักจะชอบสวมใส่ในคราก่อน ช่างเหมาะกับหญิงสาวที่อ่อนโยนและไร้เดียงสาอย่างนางเมื่อชาติก่อนนัก แต่ครานี้ นางจะมิเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว
โฉมสะคราญในชุดสีแดงปักลายนกกระเรียน นั่งอยู่หน้ากระจกสำริด เพ่งพิศมองใบหน้างามที่แต่งแต้มสีไว้เพียงจาง ๆ แล้วก็หันไปหาสาวใช้ข้างกาย
“อาหลาน ริมฝีปากนี้ข้าอยากจะให้แดงขึ้นอีกหน่อย สีอ่อนแบบนี้ คุณชายตระกูลไหนเห็นก็จะคิดว่าข้านั้นไร้เดียงสา จะหลอกล่ออะไรก็ได้”
“เจ้าค่ะ”
อาหลานรับคำแล้วรีบแต่งแต้มสีชาดลงบนริมฝีปากบางเล็กของสาวงามอย่างแผ่วเบา แม้จะแปลกใจที่วันนี้สาวงามนั้นแต่งแต้มใบหน้าดูฉูดฉาดกว่าที่เคยเป็น แต่ก็มิได้เอ่ยทักท้วง เพราะใบหน้าที่งามราวกับแสงจันทร์สาดส่อง ต่อให้แต่งหรือไม่แต่ง แม่นางผู้นี้ก็ยังงามล้ำเช่นเดิม
ยามโหย่วรถม้าของคุณชายจางก็มาเทียบหน้าหอหงฮวา จ้าวซินหยานเดินมาขึ้นรถม้าโดยมีอาหลานตามอยู่ข้างกายไม่ห่าง สตรีผู้ที่มีความงามเลื่องลือโจษจันไปทั่วเมือง จะออกจากหอหงฮวาแต่ละครั้งก็ย่อมมีผู้คนให้ความสนใจ
จ้าวซินหยาน เป็นหญิงคณิกาชั้นสูงอยู่ในหอหงฮวา ที่มิได้ขายเรือนร่างดังเช่นนางคณิกาทั่วไป แต่ซินหยานนั้นขายเสียงเพลงผ่านการดีดผีผา เป็นที่เลื่องลือกันว่า ผู้ใดที่ได้รับฟัง มักจะล่องลอยดังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
คุณชายแต่ละตระกูลจึงแย่งชิงที่จะได้รับฟังเสียงเพลงจากผีผาของนางทุกวัน แต่ซินหยานจะตอบตกลงเพียงวันละหนึ่งคำเชิญเท่านั้น
สาเหตุนี้ ชาติที่แล้วของนางจึงได้พบจุดจบที่น่าเศร้าใจ
รถม้าเคลื่อนตัวผ่านย่านชุมชนและร้านค้า เมื่อชาวบ้านรู้ว่าแม่นางซินหยานอยู่ในรถม้าคันนี้ก็ต่างยืนรอเพื่อจะได้ชมความงดงาม
นิ้วเรียวที่เอาไว้ใช้ดีดผีผา แง้มผ้าที่หน้าต่างรถม้าออกเล็กน้อย เพื่อให้ชาวบ้านได้เห็นหน้านางถนัด
..งามสมคำล่ำลือ..
..ใบหน้าเหมือนแสงจันทร์ส่องอยู่ตลอดเวลานั้นมิเกินจริง..
คำชื่นชมเยินยอพวกนี้ จ้าวซินหยานรับฟังมานับครั้งไม่ถ้วน คุณชายตระกูลเล็ก ตระกูลใหญ่ ต่างก็พูดกับนางแบบนี้เช่นกัน จนทำให้สาวงามมิได้รู้สึกยินดียินร้ายเมื่อได้ฟัง
แต่พอเป็นคนผู้นั้น คำพูดเดียวกันกลับทำให้ความรู้สึกของนางวูบไหวได้ง่ายดาย จางเฟยเจิน คือบุรุษที่ทำให้นางรู้จักความรัก และเป็นคนเดียวกันที่ทำให้นางรู้จักความเสียใจ
แต่มันก็เป็นเรื่องในคราวก่อน สวรรค์ส่งนางย้อนกลับมาในครั้งนี้ ซินหยานสาบานตนไว้ว่า จะไม่เดินซ้ำรอยเดิมเด็ดขาด
คนที่ต้องวิ่งตามและโง่งมในความรักครั้งนี้ จะต้องเป็นเขา จางเฟยเจิน
/////
ใช้เวลาเพียงไม่นาน รถม้าก็จอดอยู่หน้าเหลาอาหารของตระกูลจาง คุณชายผู้ที่เชิญซินหยานมาในวันนี้เป็นบุตรชายคนโตของจางเฟยฮุ่ย เถ้าแก่เหลาอาหารขนาดใหญ่และเป็นที่เลื่องลือในเมืองตงหนานแห่งนี้
ความร่ำรวยของตระกูลจางนั้นใคร ๆ ต่างก็ทราบดี เกิดใหม่อีกหลายภพชาติก็คงจะยังใช้สมบัติที่มีอยู่ไม่หมด
จ้าวซินหยานก้าวลงจากรถม้า โดยมีอาหลานยื่นมือมารอรับ จางเฟยเจิน ก่อนหน้านี้ทำการค้าอยู่ที่ซีหนาน เพิ่งย้ายกลับมาบ้านเกิดของผู้เป็นบิดาเพื่อสืบทอดเหลาอาหารที่มีอยู่หลายแห่งได้ไม่นาน
บุรุษผู้มีใบหน้าราวเทพปั้น ทั้งรูปร่างก็สูงสง่าราวเทพสวรรค์จุติมาเกิด เป็นที่หมายปองของคุณหนูตระกูลผู้ดีหลายบ้าน
..รวมถึงซินหยานในชาติก่อนก็เช่นกัน..
“จ้าวซินหยาน ความงามนี้สมคำล่ำลือนัก เป็นเกียรติแก่ตัวข้าที่วันนี้เจ้าตกลงรับคำเชิญมาดีดผีผาให้ฟัง”
พอก้าวเข้ามาในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับทำการแสดงผีผา ผู้ที่นั่งอยู่ก่อนก็เอ่ยทัก
“คุณชายชมซินหยานเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ความงามเช่นข้า ในหอหงฮวายังมีอีกมากมายนัก”
แม่นางผู้นี้ช่างถ่อมตัวนัก หรือหอหงฮวาจะสอนวิธีการพวกนี้ให้กับสาวงามทุกคน
จางเฟยเจินนึกคิดอยู่ในใจ จากที่ท่องเที่ยวในหอโคมแดงหลายแห่ง พบเจอสาวงามมากมาย แต่ผู้ที่มีใบหน้านวลสว่างราวจันทร์ส่องเช่นนาง หาได้เคยพบพานที่ไหนมาก่อน
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เริ่มแสดงเถิด ข้าอยากจะได้ยินเสียงผีผาของเจ้าเต็มที ว่าจะสมคำล่ำลือหรือไม่”
“เจ้าค่ะคุณชาย”
ซินหยานนั่งลงแล้ววางผีผาไว้บนตัก มือซ้ายประคองไว้ มือขวาก็เริ่มดีดบรรเลงเป็นท่วงทำนอง
หากแต่ครานี้ ทำนองเพลงที่นางกำลังบรรเลงไม่ได้อ่อนช้อยนุ่มนวลเหมือนดังในชาติก่อน หากแต่เป็นท่วงทำนองเร่งเร้า ปลุกอารมณ์ของบุรุษผู้ที่อยู่ตรงหน้า
“ใคร ๆ ก็ล่ำลือว่าเสียงพลงจากผีผาของเจ้า ผู้ใดฟังแล้วก็เคลิบเคลิ้มราวกับกำลังฝัน แต่เหตุใดที่ข้าฟังอยู่ตอนนี้ เสียงเพลงของเจ้าราวกับกำลังยั่วยวนข้าอยู่เล่า ซินหยาน”
จางเฟยเจินลุกจากที่นั่ง เดินมาใกล้ซินหยานที่กำลังบรรเลงผีผาอย่างต่อเนื่อง เสียงดนตรีของนางทำเอาร่างกายชายชาตรีร้อนรุ่ม ท่วงทำนองเร่งเร้า ทั้งยังนัยน์ตาหงส์ที่ปรายมองมาเป็นระยะทำเอาเฟยเจินนั้นทนไม่ไหว
“พอเถิดแม่นาง ข้ามิได้อยากฟังผีผาแล้ว”
“หากคุณชายมิได้อยากฟังข้าดีดผีผาแล้ว ถ้าเช่นนั้น ซินหยานคงต้องขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ”
จ้าวซินหยานประคองผีผาแล้วลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันจะหมุนตัวกลับ บุรุษมือไวผู้นี้ก็ถึงตัวนางเสียแล้ว พอเขาเข้ามาประชิดก็ทำให้จิตใจนางอ่อนไหวอีกครั้ง
ใบหน้าของเฟยเจินนั้นยังดูสง่างามมิเปลี่ยนไปเลย
“ข้ามิอยากฟังผีผาแล้ว แต่หากข้าอยากได้เจ้าต้องทำเช่นไร”
วงแขนแข็งแกร่งของเขารั้งเอวคอดของนางเอาไว้ โน้มใบหน้าชิดใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รินรดกัน คราก่อนก็เป็นเช่นนี้
“คุณชายเจ้าคะ ซินหยานเพิ่งจะ 16 ปีเมื่อไม่นาน คนที่อยากจะครอบครอง คงต้องรอมามาเปิดประมูลความบริสุทธิ์ของซินหยานก่อนเจ้าค่ะ”
นางเอ่ยบอกแล้วแสร้งทำเอียงอาย เดิมทีมันควรเป็นอย่างนั้น แต่เพราะความโง่งมของนางในชาติก่อน ซินหยานถึงขนาดไปขอมามาให้ตอบรับคำของจางเฟยเจินที่ต้องการจะเป็นผู้เปิดบริสุทธิ์นางโดยไม่ต้องประมูล
ได้ความบริสุทธิ์นางไปแล้วเป็นอย่างไรเล่า สุดท้ายเขาก็ไปแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลี่ แล้วทิ้งให้นางเจ็บปวดจนเลือกทางเดินอันโง่เขลาจบชีวิตตัวเอง
แต่แม่นางโง่งมผู้นั้นได้ตายจากไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงจ้าวซินหยาน ที่เป็นผู้คุมเรื่องราวทุกอย่าง หากอยากจะให้เขาเจ็บปวดเหมือนที่เคยรู้สึก ก็คงต้องยอมแลกกับบางสิ่งบางอย่าง
ชาติที่แล้วก็เคยตกเป็นของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง หากชาตินี้จะเป็นแบบนั้นอีกครั้งจะเป็นไรไป ถ้านางจะได้แก้แค้นบุรุษผู้นี้
*****************************************

