ตอนที่ 2 : โลหิตชโลมแค้น 1/2
ตอนที่
[1]
โลหิตชโลมแค้น
นางมองภาพถึงแค่ตอนที่ตนเองสิ้นลมในหน้าจอนั้นแล้วก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีก
ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงปริศนาอันทรงอำนาจดังขึ้นในห้วงความคิดของนาง…
เจ้าปรารถนาจะกลับไปแก้ไขมันหรือไม่
และนั่นคือจุดเริ่มต้น...
หลี่ซ่างเอินใช้เวลากว่าสิบปีในโลกศิวิไลซ์แห่งนี้ทุ่มเทเรียนรู้ทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง นางศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อเข้าใจกลเกมการเมือง ศึกษากลยุทธ์การทหารเพื่อเรียนรู้การวางแผนซ้อนแผน ศึกษาศาสตร์การแพทย์เพื่อแยกแยะพิษและยาสมุนไพร ศึกษาจิตวิทยาเพื่ออ่านใจคน
และที่สำคัญ... นางฝึกฝนวรยุทธ์และทักษะการต่อสู้ทุกแขนงจนร่างกายและจิตวิญญาณหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ความใสซื่อบริสุทธิ์ถูกเผาไหม้ไปในกองเพลิงแห่งความแค้น เหลือเพียงสตรีผู้มีปัญญาเฉียบแหลมและจิตใจที่แข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว
จนกระทั่งวันหนึ่ง... แสงสว่างจ้าก็สาดส่องเข้ามาห่อหุ้มวิญญาณของนาง พลังมหาศาลดึงนางกลับสู่ที่ที่นางจากมา…
เฮือก!!
หลี่ซ่างเอินสะดุ้งสุดตัว ลืมตาโพลงขึ้นบนเตียงนอนที่คุ้นเคยที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกกุ้ยฮวาในห้องที่คอยช่วยปลอบประโลมจิตใจ หญิงสาวยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตนอย่างเชื่องช้า...
เรียบเนียน ไร้ซึ่งรอยแผลเป็นอัปลักษณ์นั่น
“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ฝันร้ายหรือ”
ก่อนจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างกาย หลี่ซ่างเอินหันขวับไปมองไจ้หลินบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของนางที่กำลังมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แววตานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
น้ำตาของหลี่ซ่างเอินรื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ นางโผเข้าสวมกอดร่างของไจ้หลินไว้แน่นราวกับกลัวว่าภาพตรงหน้าจะสลายไป
“ไจ้หลิน... เจ้ายังอยู่... เจ้ายังอยู่จริง ๆ”
ไจ้หลินตกใจกับการกระทำของผู้เป็นนายเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็รีบยกมือขึ้นลูบหลังปลอบประโลมอย่างนุ่มนวล
“โธ่ คุณหนูของบ่าว ไจ้หลินก็ต้องอยู่กับคุณหนูสิเจ้าคะ คงจะฝันร้ายจริง ๆ สินะเจ้าคะ”
หลี่ซ่างเอินผละออกจากอ้อมกอด นางสูดหายใจลึกเพื่อระงับความรู้สึกตื้นตันเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด “ไจ้หลิน วันนี้คือวันใด เดือนใด ปีใดหรือ”
“วันนี้เป็นวันที่สิบห้า เดือนสี่ ปีรัชศกเว่ยจิ่งที่สิบหกเจ้าค่ะคุณหนู”
วันที่สิบห้าเดือนสี่!!
หัวใจของหลี่ซ่างเอินกระตุกวูบ มารดาของนางจากไปตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว นางกลับมาช้าเกินไปที่จะช่วยมารดา
แต่แล้ว... ความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในสมอง หากวันนี้คือวันที่สิบห้า นั่นหมายความว่า...
“อีกสามวันคือวันที่พี่ใหญ่จะพาข้าไปไหว้พระที่อารามหยวนทงใช่หรือไม่”
ไจ้หลินพยักหน้า “ใช่แล้วเจ้าค่ะ แล้วคุณหนูจะไปกับคุณหนูใหญ่หรือไม่เจ้าคะ”
สามวัน
นางมีเวลาอีกแค่สามวันก่อนที่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในชีวิตจะเริ่มต้นขึ้น แต่ครานี้... มันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว!
“อ้อ แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะคุณหนู” ไจ้หลินเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“บ่าวได้ยินพวกแม่ค้าในตลาดต่างพูดกันให้หนาหูเลยว่าอีกสามวัน จะมีขบวนเสด็จมาถึงเมืองหลวงด้วยนะเจ้าคะ”
หลี่ซ่างเอินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ขบวนเสด็จของผู้ใดกัน”
“เซวียอ๋องเจ้าค่ะ! ได้ยินว่าพระองค์ไม่ได้เสด็จเข้าเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว ครานี้ชาวบ้านชาวช่องต่างรอต้อนรับกันเต็มถนนสายหลักเลยเจ้าคะ คงจะยิ่งใหญ่มากเป็นแน่” ไจ้หลินเอ่ยตื่นด้วยความตื่นเต้น
เซวียอ๋อง ซ่งเว่ยหลิง
ในเสี้ยววินาทีนั้น ดวงตาของหลี่ซ่างเอินก็ทอประกายวาบขึ้นมาทันที!
ถนนสายหลักที่ผู้คนไปรวมตัวกัน ทำให้เส้นทางไปอารามหยวนทงเงียบสงัดและเปลี่ยวกว่าปกติ จึงทำให้แผนการของหลี่ซวงอี๋ในครั้งนั้นสำเร็จได้อย่างง่ายดาย…
นางคุ้น ๆ เหมือนว่าไจ้หลินเคยพูดเรื่องนี้แต่นางไม่ได้สนใจฟัง สุดท้ายจึงพบกับจุดจบเช่นนั้น ครั้งนี้ทุกอย่างก็ยังคงหมุนวนเช่นเดิมสินะ
ทว่า…ในวิกฤตย่อมมีโอกาส เมื่อสวรรค์ส่งนางกลับมาในจังหวะเวลาที่เหมาะเจาะเช่นนี้ พร้อมกับส่งบุรุษผู้มีอำนาจล้นฟ้าและเกลียดชังสตรีเจ้ามารยาเป็นที่สุดมาให้ถึงที่...
หลี่ซ่างเอินแย้มยิ้มออกมาบางเบา เป็นรอยยิ้มที่ไจ้หลินไม่เคยเห็นมาก่อน มันงดงามเยือกเย็นและแฝงไปด้วยความหมายลึกล้ำจนน่าขนลุก
หลี่ซวงอี๋เจ้าอยากให้ข้าไปอารามหยวนทงนักใช่หรือไม่ ได้สิ ข้าจะไป แต่เส้นทางชีวิตหลังจากนั้น... ข้าจะเป็นผู้กำหนดมันเอง!
