เหมือนโลกหยุดหมุน 1.1
บทที่ 1
เหมือนโลกหยุดหมุน
จวนราชครูหลิน
สตรีใบหน้างดงาม กิริยาเรียบร้อยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของตน ท่าทางสง่างามในทุกการเคลื่อนไหว มือขาวนวลของนางถือพู่กันด้วยความชำนาญ แสดงถึงความเป็นผู้รู้ที่สั่งสมจากการฝึกฝนมานาน นางกำลังคัดอักษรด้วยความตั้งใจ แผ่นกระดาษขาวสะอาดถูกเติมแต่งด้วยตัวอักษรที่งดงามอ่อนช้อยและเป็นระเบียบ เสียงของพู่กันยามตวัดลงบนกระดาษดังก้องภายใต้ความเงียบสงบ
บุตรสาวของท่านราชครูนามว่าหลินซูหนานผู้นี้ เป็นหญิงสาวที่ฉลาดหลักแหลมและเข้มแข็งยิ่ง นางไม่เคยยอมให้ใครมารังแกโดยไม่ตอบโต้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนหวานอยู่ในตัว ทุกการกระทำและถ้อยวาจาที่เอื้อนเอ่ยมักแสดงออกถึงความ
สง่างาม นางเป็นโฉมสะคราญที่มีจิตใจกล้าแกร่งและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเมตตาและอ่อนโยนต่อ
ผู้ที่สมควรได้รับ
ไม่เพียงแค่บุคลิกที่ดูสง่างามเท่านั้น หลินซูหนานยังเป็นหญิงสาวที่มีความงามที่สามารถสะกดทุกสายตาที่พบเห็นได้อย่างยิ่งยวด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวานละมุน ผิวพรรณ
ขาวนวลละเอียดดุจหยก เนื้อแก้มมีสีระเรื่อ ราวกับกลีบดอกบ๊วย ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนดูชุ่มชื่นดุจดอกไม้ที่เบ่งบานในยามเช้า
ในขณะที่นางกำลังจดจ่ออยู่กับการคัดอักษร จู่ ๆ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้น เซียงลี่ สาวใช้คนสนิทของหลินซูหนานวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เสียงหอบหายใจของสาวใช้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของห้อง
เซียงลี่หยุดยืนตรงหน้าโต๊ะหนังสือ นางพยายามจะควบคุมลมหายใจที่หอบเหนื่อยให้สงบลง แต่ยังคงมีความกังวลฉายชัดอยู่ในดวงตา
หลินซูหนานเงยหน้าขึ้นจากกระดาษที่นางกำลังคัดอักษรมองอีกฝ่ายด้วยสายตาสงบนิ่ง นางไม่ได้แตกตื่นไปกับสาวใช้เลยแม้แต่น้อย ก่อนจะกล่าวตำหนิออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นแต่หนักแน่นว่า
“เซียงลี่ สำรวมกิริยาของเจ้าเสียบ้าง วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเช่นนี้ไม่สมกับการเป็นสาวใช้ที่ข้าฝึกสอนมาเลย”
“ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู บ่าวเพียงแต่กังวล...” เซียงลี่
ก้มหน้าลงด้วยความละอาย ที่ตนเองนั้นแสดงกิริยาไม่งามออกมา
หลินซูหนานตัดบทขึ้นมาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายกล่าวประโยคต่อมา
“เกิดเรื่องใดกันถึงทำให้เจ้าต้องเร่งรีบเช่นนี้”
เซียงลี่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่ยังคงแฝงความกังวล
“คุณหนู ตอนนี้มีขันทีคนสนิทของฝ่าบาทมาจากในวังหลวงเพื่อมอบราชโองการแก่สกุลหลินเจ้าค่ะ”
“เรื่องแค่นี้เองหรือ เหตุใดเจ้าจะต้องมาโวยวายบอกข้า โดยปกติท่านพ่อก็รับราชโองการจากฝ่าบาทเป็นประจำอยู่แล้วนี่” หลินซูหนานถอนหายใจออกมาเล็กน้อย พร้อมกับส่ายหน้าให้กับอาการของสาวใช้ที่ดูจะร้อนรนจนเกินเหตุ
เซียงลี่รีบส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความร้อนรน ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างกังวลใจ
“ไม่ใช่แค่นั้นนะเจ้าคะคุณหนู เรื่องนี้บ่าวคิดว่าคุณหนูไม่สนใจไม่ได้เจ้าค่ะ เพราะบ่าวแอบได้ยินมาว่าราชโองการที่ฝ่าบาทมอบให้สกุลหลินในครั้งนี้นั้น ก็คือพระราชโองการเพื่อมอบสมรสพระราชทานระหว่างคุณหนูกับองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังคำของสาวใช้คนสนิท พู่กันที่อยู่ในมือของหลิน
ซูหนานร่วงหล่นลงพื้นอย่างไม่รู้ตัว เสียงพู่กันกระแทกพื้นดังก้องท่ามกลางความเงียบงัน มือของนางสั่นเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวอย่างไม่เป็นจังหวะ
นางรีบควบคุมอารมณ์ของตนเอง พลางถามย้ำเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
“เจ้าว่าอย่างไรนะ สมรสพระราชทานอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะคุณหนู บ่าวได้ยินชัดเจนเลยว่าพระราชโองการคราวนี้คือ การมอบสมรสพระราชทานระหว่างคุณหนูตระกูลหลินกับองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ” เซียงลี่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เนื่องจากนางได้ยินอย่างชัดเจน จากนั้นจึงรีบมาบอกคุณหนูของตนทันที
หลินซูหนานไม่อาจควบคุมความตกใจที่เกิดขึ้นได้ ยามนี้นางรู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ใจหนึ่งหวังว่าสิ่งที่ได้ยินจะเป็นเพียงความเข้าใจผิดของสาวใช้
หญิงสาวยืนอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะตัดสินใจบางอย่าง เมื่อตัดสินใจแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากเรือนของตนอย่างร้อนรน การก้าวเท้ายาว ๆ ของนางแสดงถึงความรีบเร่ง และความกังวลใจที่ไม่อาจปิดบังได้ สายตาของนางมองไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น
หลินซูหนานไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากเวลานี้ใจของนางมุ่งมั่นเดินไปยังลานหน้าจวนเพื่อไปให้ถึงที่นั่นอย่างเร็วที่สุด
ภายในใจของนางเต็มไปด้วยความคิดที่สับสนและไม่แน่ใจ ‘สมรสพระราชทานกับองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือ เหตุใดถึงได้กะทันหันเพียงนี้ หรือว่านี่คือแผนการทางการเมืองใดของฝ่าบาท’
เมื่อเดินมาถึงลานหน้าจวนก็พบว่ามีบ่าวรับใช้อยู่เต็มไปหมด ซึ่งทุกคนต่างมองมาที่นางด้วยความสนใจ บ้างแสดงความกังวล บ้างแสดงความตื่นเต้น โดยมีขันทีคนสนิทของฝ่าบาทยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนในชุดเครื่องแบบของราชสำนัก ใบหน้าของเขายิ้มแย้มขณะรอการมาถึงของนาง
หลินซูหนานหยุดยืนห่างจากกลุ่มคนเหล่านั้นเล็กน้อย พยายามสงบสติอารมณ์และควบคุมความรู้สึกของตนเอง
“มาแล้วหรือคุณหนูหลิน ข้าจะได้อ่านพระราชโองการเสียที ตระกูลหลินรับพระราชโองการ” ขันทีคนสนิทกล่าวกับนางด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง นั่นทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณหน้าจวนรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที
โหวกงกงยิ้มออกมา ก่อนจะเริ่มคลี่พระราชโองการออกอ่าน เสียงประกาศของเขาดังก้องกังวานไปทั่วลานกว้าง
