บทที่ 3
“ถ้าไม่มีอะไร ดิฉันกลับแล้วนะคะท่านซีอีโอ จะไล่ฉันออกก็กรุณาจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานด้วย อ้อ! อย่าลืมแจ้งให้ฉันรู้ก่อนหนึ่งเดือนด้วยนะคะ”
ทีแรกเวรุณีจะยอมรับการไล่ออก เดินไปจากที่นี่ดีๆ แต่เมื่อเขาแรงมาอย่างนี้ เธอก็แรงกลับ สมน้ำสมเนื้อกันดี
“ลาล่ะค่ะ”
ร่างกลมกลึงหันหลังเดินตัวปลิว เปิดประตูเข้าลิฟท์กลับไปชั้นสำนักงานตนด้วยใจเต้นระรัวทันที
บ้านที่มีเวรุณีเพียงลำพังนั้นเงียบเหงา เธอซื้อเพียงน้ำเต้าหู้เป็นมื้อเย็น เทใส่แก้วและเปิดโทรทัศน์ดูอย่างเหม่อลอย คิดถึงอนาคตอันลางเลือนของตน หากธรณ์ไล่ออก เศรษฐกิจแบบนี้จะไปสมัครงานที่ไหน จะกินอยู่อย่างไร จะใช้ชีวิตคนเดียวได้หรือไม่
คิดด้วยสมองอันสับสนอยู่นานจนปวดหัว จึงไปอาบน้ำ แต่งตัวขึ้นไปไหว้พระในห้องชั้นบนของบ้าน ซึ่งมีอัฐิพ่อแม่และเวลา ระหว่างนั้นได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้านรัว รถคันงามสีดำปลาบจอดนิ่งอยู่
“มาหาใครเหรอคะ”
เวรุณียืนห่างประตูรั้วประมาณวา คะเนให้ ...หากคนกดออกเป็นผู้ร้ายเอื้อมไม่ถึงตัวเธอแน่
“มาหาคุณนั่นแหละ เปิดประตูทีสิ”
ธรณ์ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง ทำไมรู้จักบ้านฉัน”
เธอพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ในใจกลัวสุดขีด เขารุกคืบเข้ามาในชีวิตเธอ ทั้งที่ทำงาน ...ที่พัก
“คุณเป็นพนักงานบริษัทผมนะ ฝ่ายบุคคลมีข้อมูลคุณอยู่แล้ว อย่าลืมสิ”
ชายหนุ่มเฉลยหน้ายุ่ง
“เปิดประตู จะให้ยืนคุยอยู่ตรงนี้หรือยังไง”
“แล้วคุณมาหาฉันเรื่องอะไรล่ะ อยากทำอะไรก็บอกผ่านฝ่ายบุคคลสิ”
“ทำไมจะต้องบอกก็ในเมื่อเป็นเรื่องระหว่างคุณกับผม”
“ฉันกับคุณไม่มีเรื่องอะไรกันแล้ว”
ธรณ์หรี่ตามองลอดประตูรั้วเหล็กดัด ไปยังเจ้าของบ้านในชุดนอนเชิ้ตยาวคลุมเข่า ผมถักเป็นเปียเดี่ยวไพล่หลัง
“เรื่องที่คุณเสนอผมเองในบริษัท...เรื่องลูก”
ปลายประโยคลากยาว แผ่วเบาราวกระซิบ แสงจากหลอดไฟเหนือประตูรั้วสว่างจ้า เวรุณีอ่านการขยับปากเขาออก
“เร็ว! เปิดได้แล้ว จะให้ชาวบ้านแถวนี้รู้ด้วยหรือยังไง”
ธรณ์แกล้งเพิ่มเสียงดังขึ้น เวรุณีเม้มปาก ยอมเปิดประตู จึงเห็นว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว มีคนขับรถและหนุ่มสวมสูทคนเคยเจอที่โรงพยาบาลนั่งหน้ามาด้วย
“รออยู่นี่แหละ เราจะคุยกันตามลำพัง”
เธอจำต้องเชิญเขานั่งบนโซฟาขนาดกะทัดรัด ประจันหน้ากับโทรทัศน์ โดยตัวเองนั่งถัดไป
“ผมยอมรับข้อเสนอ”
ธรณ์บอกเรื่องที่ต้องการไม่อ้อมค้อม
“อะไร...”
ขณะเธอยังงงๆ อยู่
“ที่ว่าคุณจะมีลูกกับผมไง”
“เฮ้ย!”
เจ้าของบ้านร้องสียงหลง ดีดตัวออกจากโซฟา เขาก็ไวทายาด คว้าแขนดึงไว้เสียก่อน กลายเป็นเขาและเธอลุกขึ้นยื้อกันไว้
“คุณเป็นคนเสนอเองนะเวรุณี”
สายตาเขามองโลมเลียร่าง ดวงหน้ากลมใสกระจ่าง ลำคอใต้ปกเสื้อคอวี อกสาวเคลียเนื้อผ้ารำไร ต่ำไปจนถึงปลีน่องขาวๆ ซึ่งโผล่พ้นรอยสาปเสื้อนอน เธอหน้าแดงย่อตัวลงหวังความยาวเสื้อเพิ่มขึ้นเพื่อปิดขา แต่กลายเป็นดันอกอิ่มให้พุ่งดันแนบเสื้อออกมาอีก
“ไปหาผู้หญิงคนอื่นให้อุ้มท้องแทนสิ คุณมีเงินตั้งเยอะ”
“ไม่เอา เดี๋ยวมีปัญหาต้องฟ้องร้องกันเหมือนในข่าว”
ธรณ์หมายถึงข่าวฟ้องร้องแม่อุ้มบุญซึ่งต้องการเก็บเด็กเอาไว้เสียเอง
“เป็นคุณนั่นแหละดีแล้ว เราไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน”
ผู้ชายคนนี้แย่เหลือเกินในสายตาเวรุณี พูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉย ...เขาจะใช้มดลูกเธอเลี้ยงลูกเขา
“ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
“แล้วตอนนั้นคุณเสนอมาทำไม”
เขากระชับมือที่จับแน่นขึ้น ...เจ็บจนเธอนิ่วหน้า
“ก็ฉันโมโหนี่ เลยพูดอะไรอย่างนั้นไป”
“งั้นรักษาคำพูดด้วยนะ คุณต้องรับผิดชอบมีลูกให้ผม เขาจะเป็นทายาทคนต่อไปของตระกูล”
เวรุณีรู้สึกเหมือนกำลังพูดกับคนบ้า ที่คิดถึงแต่ความต้องการของตัวเอง ไม่สนใจเธอเลย
“อย่างนี้แฟร์กับผมแล้ว”
“แต่ไม่แฟร์กับฉัน แล้วคนอื่นจะมองฉันว่ายังไง”
“ก็มองแบบเดิมนั่นแหละ คุณยังโสด ไม่มีแฟน ไม่มีใครนี่”
เธออ้าปากค้าง
“คุณให้คนสืบเรื่องฉันเหรอ!”
เขายักไหล่ ดังเป็นเรื่องธรรมดามาก
“มดลูกที่ลูกผมต้องอาศัยอยู่ตั้งเก้าเดือนนี่ ผมก็มีสิทธิ์รู้นี้ ว่าสะอาดหรือเปล่า ผ่านมาแล้วกี่คน”
เวรุณีทนไม่ไหวกับวาจาร้ายกาจ เงื้อมือเตรียมสมนาคุณ ธรณ์ไม่ยอมพลาดซ้ำสอง กระตุกแขนทีเดียวร่างอวบก็ปลิวมาเข้าปะทะอกแกร่ง วงแขนแข็งแรงข้างเดียวรัดเอวไว้แน่น ส่วนมือที่เหลือเชยคางมนขึ้น
“คุณเลวที่สุด หยาบคาย!”
“ผมพูดความจริงต่างหาก เราโตๆ กันแล้วนะ”
ธรณ์พึงใจกับกลิ่นหอมรวยริน ...เธอใช้น้ำหอมอะไร ชื่นใจและเย้ายวนอย่างประหลาด เวรุณีอวบ ตัวนิ่ม อกหยุ่น ไม่บางหุ่นนางแบบจนตัวแทบหักเหมือนผู้หญิงอื่นที่เคยคบ
“วิธีนี้แหละวินๆ ทั้งสองฝ่าย ผมได้ทายาท แล้วจะให้เงินคุณสักก้อน เอาไปทำเรื่องที่อยากทำ”
เวรุณีตกขอบสเปคเขาไปเสียไกล ทั้งหน้าตา คุณวุฒิ ทรัพย์สิน สถานะทางสังคม ข้อดีอย่างเดียวที่เธอมีคือประวัติขาวสะอาด ไม่มีปัญหาเรื่องผู้ชาย
“แล้วถ้าฉันแบล็คเมล์คุณล่ะ”
หญิงสาวยิงคำถามท้าทาย
“ก็ลองดูสิ ผมมีวิธีจัดการของผมเหมือนกัน”
ธรณ์ยิ้ม แต่ดวงตาไม่ยิ้มด้วย เวรุณีลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“งั้นก็แค่เป็นการอุ้มบุญ เอาน้ำเชื้อคุณฉีดใส่ไข่ แล้วฝังมดลูกฉันเท่านั้นใช่ไหม”
“รู้ดีจังเลยนะ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วทึ่งกับเธอ
“ในอินเตอร์เน็ตมีเรื่องนี้ตั้งเยอะแยะ ปล่อยฉันได้แล้ว”
เวรุณีเคยคิดเล่นๆ หากเหงามากๆ น้องชายแยกไปมีครอบครัวใหม่ และเธอไม่มีใคร วันหนึ่งอาจทำเหมือนนางเอกหนังต่างประเทศ ไปขออสุจิจากธนาคารอสุจิ เพื่อตั้งท้องโดยไม่ต้องการพ่อ จึงหาอ่านข้อมูลเผื่อไว้
ไม่คิดเลยว่าต้องมาใช้จริงๆ ธรณ์ปล่อยคลายวงแขนอย่างเสียดาย เธอผลักอกเขาออก ถอยไปยืนหน้าโทรทัศน์
“แล้วเราจะคุยเรื่องนี้กันอีกที”
ชายหนุ่มกระชับสูทที่ยับ แล้วเดินออกไป ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายใจของเจ้าของบ้าน
