บทนำ 2/2
"คุณหนู... นะ นี่เป็นเพราะฮูหยินรองกลั่นแกล้งให้เงินคุณหนูน้อยกว่าความเป็นจริงต่างหากเจ้าค่ะ"
ดวงตาคู่สวยสว่างวาบเมื่อคิดสิ่งใดออก "ข้ารู้แล้วว่าจะทำอย่างไร ขอบใจเจ้ามากนะมิ่งจูที่เอ่ยเตือนเรื่องนี้กับข้า"
"เจ้าค่ะ" มิ่งจูยิ้มกว้างที่ถูกคุณหนูเอ่ยชมเช่นนี้
"เจ้าออกไปเรียกช่างตัดอาภรณ์มาตามเดิมเถิด ข้ามีหนทางแล้วล่ะว่าจะหาเงินได้อย่างไร แล้วอย่าลืมกำชับช่างด้วยเล่าว่าข้าขอผ้าเป็นโทนสีอ่อนอย่างเช่นสีชมพูกลีบบัว สีเหลืองสีส้มของสีใบไม้ร่วง สีเขียวของหยก และสีฟ้าของท้องฟ้าด้วยเล่า ตอนนี้ข้าไม่อยากสวมอาภรณ์สีแดง สีน้ำเงิน และสีม่วงแล้ว ใส่แล้วดูมีอายุเกินไปนัก"
"เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ"
มิ่งจูรับคำทั้งที่มีคำถามอยู่ในใจ ทว่าสาวใช้เช่นนางมิควรซักถามผู้เป็นนาย มีแต่ต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น
"เดี๋ยวก่อน! เจ้าแอบไปที่หอเฟิ่งจือให้ข้าด้วย บอกกับคนดูแลว่าข้าต้องการไปพบเจ้าของหอในอีกสามวันข้างหน้า ข้ามีข่าวที่น่าเชื่อถือได้ไปแลกเปลี่ยนกับเขา แต่จงจำไว้ว่าอย่าให้ผู้ใดพบเห็นเจ้าเป็นอันขาด"
"เจ้าค่ะคุณหนู" มิ่งจูรับคำเสียงเบา ก่อนจะไปทำตามที่คุณหนูบอกอย่างเคร่งครัด
เช้าวันต่อมาซือเมี่ยวได้มาร่วมทานอาหารเช้าพร้อมกับครอบครัว สร้างความประหลาดใจให้กับบิดาเป็นอย่างมาก ด้วยตั้งแต่เขาแต่งฮูหยินรองเข้ามานางก็เอาแต่หลบหน้าหลบตา ทั้งยังชอบหาเรื่องกลั่นแกล้งฮูหยินรองอยู่ร่ำไป จนเขารู้สึกอ่อนใจกับบุตรสาวคนโตเป็นอย่างมาก ทว่าหลายวันมานี้นางดูเปลี่ยนไปเหลือเกิน
"คารวะท่านพ่อและแม่รองเจ้าค่ะ เมี่ยวเอ๋อร์ขอทานอาหารเช้าด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ"
วันนี้ซือเมี่ยวสวมอาภรณ์สีเหลืองอ่อนที่ปักลายดอกเหมยเล่นลม ประทินโฉมเพียงบางเบาเผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามอ่อนหวาน ทำให้ภาพลักษณ์ของนางในวันนี้คือสตรีน่ารักสดใส
"เหตุใดจะไม่ได้เล่า รีบมานั่งข้างพ่อเร็วเข้าเถิด พ่อมิได้เห็นหน้าเจ้ามาเกือบหนึ่งเดือนเลย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
'ซือเหลียง' เสนาบดีกรมคลังในวัย 40 ที่ยังดูหนุ่มแน่นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"ข้าสบายดีเจ้าค่ะท่านพ่อ เพียงแต่เงินรายเดือนที่ได้ดูจะน้อยไปนิด นี่ข้าก็เพิ่งจะตั้งโรงทานเพื่อรำลึกถึงท่านแม่ และต้องซื้ออาภรณ์ใหม่ทั้งหมดจึงทำให้เงินที่มีร่อยหรอไปมากเลยเจ้าค่ะ" สายตาอันร้ายกาจลอบมองฮูหยินรองของบิดา
'จูเลี่ยงหลิน' ฮูหยินรองในวัยเพียง 25 ที่แต่งเข้าจวนเพียงห้าปีรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งแผ่นหลังเล็ก เม็ดเหงื่อเย็น ๆ พลันซึมออกมาจากไรผม ใบหน้างามกระอักกระอ่วนโดยพลัน รีบเร่งแก้ตัวเป็นการด่วน
"เอ่อ... เพราะเดือนก่อนเมี่ยวเอ๋อร์ใช้เงินมากเกินไป ในเดือนนี้แม่รองจึงให้น้อยกว่าปกติ แต่ถ้าเมี่ยวเอ๋อร์ขาดเหลือสิ่งใดย่อมมาหาแม่รองได้ทุกเมื่อเลยนะ"
"แต่เดือนละ 10 ตำลึงทองก็ดูจะน้อยเกินไปนะเจ้าคะแม่รอง ตัวข้าไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะเพียงแต่คนนอกอาจจะคิดว่าจวนของเราขัดสนก็เป็นได้ ดูอย่างหลิ่งฟางหลานสาวของแม่รองยังได้เงินเดือนมากกว่าข้าถึง 3-4 เท่าเลยนะเจ้าคะ" ซือเมี่ยวกระตุกยิ้มเย็น
นางรู้หรอกว่าแม่รองผู้นี้จงใจให้เงินเดือนนางน้อย ส่วนที่เหลือก็แอบเก็บเข้ากระเป๋าของตนเองทั้งหมด นี่ยังไม่นับรวมผลกำไรจากร้านค้าที่เป็นสินเดิมของท่านแม่ด้วยนะ คอยดูว่านางจะทำให้อีกฝ่ายคายออกมาทางไหนกัน!
"อะไรนะ! ข้าสั่งให้เจ้าให้เงินเมี่ยวเอ๋อร์เดือนละ 50 ตำลึงทองมิใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงได้แค่ 10 ตำลึงทอง อธิบายมาจูเลี่ยงหลิน เจ้าคิดจะยักยอกเงินที่เหลือของลูกสาวข้าเช่นนั้นหรือ"
"ขะ ข้า..."
จูเลี่ยงหลินพลันมีสีหน้าซีดขาว ยิ่งถูกสามีตวาดเสียงเช่นนี้นางยิ่งรู้สึกตกใจ ก่อนที่ตัวเองจะแสร้งเป็นลมล้มพับไปเพื่อหาทางรอด
"แม่รอง! เป็นอะไรไปเจ้าคะ ใครอยู่ข้างนอกรีบไปตามท่านหมอมาเร็วเข้า"
ซือเมี่ยวยิ้มหยันในใจ แม่รองผู้นี้ฉลาดไม่เบาเลย ตอบไม่ได้ก็แสร้งเป็นลมเสียเลย เห็นทีนางคงต้องคิดจัดการแม่รองผู้นี้ใหม่เสียแล้ว วันนี้แค่หยอกล้อราวกับเด็กน้อยเท่านั้น ถือเป็นการเตือนว่านางมิใช่สตรีเจ้าอารมณ์เช่นกาลก่อน ยิ่งไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่จะมารังแกกันโดยง่าย!
