บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 ตัดขาดจากคนสกุลหวง

เพี้ยะ!

“ท่านไม่มีสิทธิ์บังคับข้า นับจากวันนี้เป็นต้นไปข้ากับหวงซานซานไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหวงอีก!” อ้ายเหมยลั่นวาจาเสียงกร้าว จากนั้นจึงก้าวขึ้นรถม้าไปโดยที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมา ปล่อยให้หวงฉงมองตามรถม้าที่วิ่งจากไปอย่างอึ้งๆ ความรู้สึกหลายอย่างประดังประเดเข้ามา ทว่าความรู้สึกอ้างว้างราวกับอะไรบางอย่างได้ขาดหายไปกลับมีมากกว่า

“ท่านพี่ไม่ต้องไปสนใจพวกนางหรอกเจ้าค่ะ ให้นางจากไปก็ดีเหมือนกัน ท่านพี่เองก็ไม่ได้รักใคร่อ้ายเหมยแล้วนี่เจ้าคะ” เตาจี๋เหยาเดินเข้ามากอดแขนสามีพร้อมเผยรอยยิ้มด้วยความพึงพอใจ

“ไม่ต้องมายุ่งกับข้า!” หวงฉงสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเตาจี๋เหยาจนนางเซถลาไปทางด้านหลัง หวงจินหลิงปรี่เข้ามาประคองมารดากล่าวถามด้วยความห่วงใย

“ท่านแม่เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ”

เตาจี๋เหยาไม่ตอบคำถามของบุตรสาวได้แต่ส่งสายตามองตามสามีไปด้วยความเสียใจ แม้เขาจะเกรงใจนางและตระกูลเตาอยู่มาก ทว่านางรู้ดีว่าเขาไม่เคยรักนางเลยแม้แต่น้อย ฮูหยินผู้เฒ่าหย่งเฉียงรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของลูกสะใภ้จึงเดินเข้ามาหาพลางแตะมือลงบนท่อนแขนของนางเบาๆ

“เอาน่าฮูหยินใหญ่ หวงฉงคงโมโหที่โดนอ้ายเหมยทำร้าย เจ้าอย่าได้คิดมากเลยนะ” นางกลัวว่าเตาจี๋เหยาจะนำเรื่องนี้ไปบอกบิดาของนางและทำให้หวงฉงต้องโดนตำหนิจึงปลอบใจลูกสะใภ้เสียงอ่อน

“ข้าก็หวังเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านแม่ หาไม่ข้าไม่ยอมจริงๆด้วย” กล่าวจบเตาจี๋เหยาก็สะบัดหน้าเดินจากไป หวงจินหลิงเห็นเช่นนั้นจึงก้าวตามมารดาไปอย่างติดๆ ปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่าหย่งเฉียงมองตามพลางทอดถอนลมหายใจออกมาเบาๆ หากเตาจี๋เหยาไม่ใช่บุตรสาวของตระกูลเตาผู้เรืองอำนาจ นางคงไม่มีวันรับสตรีเอาแต่ใจอย่างเตาจี๋เหยามาเป็นลูกสะใภ้อย่างแน่นอน

รถม้าคันใหญ่วิ่งเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูจวนตระกูลจาง ตลอดเส้นทางจากจวนตระกูลหวงมาถึงปลายทางไม่มีบทสนทนาใดเล็ดลอดออกมา หวงซานซานเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจของคนเป็นแม่ นางจึงเอื้อมมือไปกุมมือบางของอ้ายเหมยเอาไว้ อ้ายเหมยส่งยิ้มบางๆคืนให้กับบุตรสาว ถึงแม้จะเสียใจเรื่องหวงฉงอดีตสามี ทว่านางมั่นใจว่านางตัดสินใจถูกต้องแล้ว จะไม่ยอมก้มหน้าก้มตาอยู่ที่จวนตระกูลหวงให้ผู้ใดรังแกได้อีกต่อไป

“ถึงแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”

เสียงของบุตรสาวทำให้อ้ายเหมยหลุดจากภวังค์ความคิด จากนั้นจึงก้าวลงบันไดรถม้าไปหยุดอยู่ที่หน้าจวนหลังใหญ่ นางเห็นความใหญ่โตของจวนตระกูลจางแล้วก็อดยิ้มบางๆออกมาไม่ได้ ทว่าไม่นานรอยยิ้มต้องเลือนหายไปจากใบหน้า เมื่อคิดได้ว่ามันคงจะดีกว่านี้หากหวงซานซานอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข

“หนิงหยู่เอาข้าวของๆท่านแม่ไปไว้ที่ห้องของข้า”

“เจ้าค่ะฮูหยิน” หนิงหยู่ขานรับคำเสียงแผ่วและเดินไปจัดการงานตามคำสั่งของเจ้านาย ในขณะที่หวงซานซานประคองมารดาเดินตามไปห่างๆ ระหว่างทางอ้ายเหมยได้กวาดสายตามองจวนหลังใหญ่ไปพลาง เมื่อเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องนางจึงเอ่ยปากขึ้น

“ซานเอ๋อร์ให้แม่มาพักที่นี่ ท่านแม่ทัพจะไม่ว่าอะไรหรือลูก” อ้ายเหมยรู้สึกเกรงใจประมุขของจวนตระกูลจางไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะมีศักดิ์เป็นบุตรเขยของนางแต่ก็หาได้มีความใกล้ชิดกันเหมือนครอบครัวปกติ และยิ่งรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคู่สามีภรรยามีแต่ความเฉยชาหมางเมิน หากจางอี้เหลียงรู้ว่าหวงซานซานให้นางมาอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลจาง เขาจะไม่ว่าอะไรแน่หรือ

“ท่านแม่อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ เราจะอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราวเท่านั้น หลังจากที่ข้าจัดการเรื่องหย่ากับแม่ทัพจางเสร็จ เราจะไปจากที่นี่ทันที”

“ถ้าเช่นนั้นให้แม่ไปพักอยู่ห้องอื่นก็ได้นะลูก บางทีเผื่อวันใดท่านแม่ทัพจะมาค้างที่ห้องของเจ้า”

“ไม่มีวันนั้นหรอกเจ้าค่ะ” หวงซานซานเบ้ปากเล็กน้อย นางคิดว่าทุกๆคืนเขาคงขลุกตัวอยู่กับหลิวอ้ายอิงมากกว่า และอีกอย่างที่นางตัดสินใจให้ท่านแม่อ้ายเหมยพักอยู่ที่ห้องนี้ด้วยกันเพื่อป้องกันเวลาที่จางอี้เหลียงเปลี่ยนใจจากหลิวอ้ายอิงไม่ให้มาค้างกับนางอย่างไรเล่า ยามที่นึกถึงคืนที่เขาร่วมรักกับนางอย่างป่าเถื่อนคราใดก็ยังรู้สึกแค้นใจไม่หาย

อ้ายเหมยได้ยินเช่นนั้นได้แต่ส่งสายตามองบุตรสาวด้วยความเห็นใจ แต่กระนั้นนางก็ยอมรับการตัดสินใจของหวงซานซานเพราะจะให้นางกลับไปยังจวนตระกูลหวง ทุกคนก็คงไม่ยอมรับนางอยู่ดี ช่วงระยะเวลานี้อย่างไรก็คงต้องอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลจางไปก่อนจนกว่าหวงซานซานจะจัดการเรื่องหย่าจากแม่ทัพจางอี้เหลียงได้สำเร็จ

หารู้ไม่ว่าเรื่องที่หวงซานซานพาอ้ายเหมยเข้ามาอยู่ที่จวนตระกูลจางจะรู้ถึงหูของจางอี้เหลียงในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม

“หวงซานซานน่ะหรือพาฮูหยินรองตระกูลหวงมาที่จวนตระกูลจาง”

“ใช่ขอรับท่านแม่ทัพ ดูเหมือนว่าฮูหยินรองตระกูลหวงจะมีปัญหากับคนตระกูลหวงและเสนาบดีหวงฉง ฮูหยินใหญ่จึงไปรับนางมาอยู่ด้วยขอรับ” ทหารรักษาความปลอดภัยภายในจวนตระกูลจางนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาแจ้งแก่จางอี้เหลียงถึงค่ายทหาร

“จัดห้องให้ฮูหยินรองตระกูลหวงพัก ดูแลนางให้ดี” หลังจากที่เงียบไปสักพักใหญ่ จางอี้เหลียงจึงได้กล่าวขึ้น แม้จะไม่พอใจเท่าใดนักที่หวงซานซานข้ามหน้าข้ามตาเขา แต่กระนั้นฮูหยินรองอ้ายเหมยก็ถือว่าเป็นมารดาของนาง เป็นท่านแม่ยายของเขาจะให้ขับไสไล่ส่งออกไปจากจวนคงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเท่าใดนัก

“ฮูหยินใหญ่ให้ฮูหยินรองตระกูลหวงพักอยู่ที่หอนอนกับฮูหยินใหญ่ขอรับ” ทหารที่เข้ามารายงานเหลือบตามองผู้เป็นนายเล็กน้อย จากนั้นจึงก้มหน้าลงอย่างกริ่งเกรง

ตึกๆๆ!

นิ้วใหญ่ของจางอี้เหลียงเคาะลงบนโต๊ะไม้เนื้อดีเป็นจังหวะ ขณะที่ดวงตาแข็งกระด้างหรี่ลงเล็กน้อย หวงซานซานกล้าพาคนอื่นมาที่จวนตระกูลจางโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเขาได้อย่างไรกัน ถึงแม้ว่าฮูหยินรองอ้ายเหมยจะเป็นมารดาของนางก็ตาม แต่การที่นางทำเช่นนี้โดยไม่ปรึกษาหรือขออนุญาตเขาก่อน เท่านั้นยังไม่พอ นางยังให้ฮูหยินรองอ้ายเหมยเข้าไปพักกับนางยังหอนอนของนางอีก นางไม่รู้หรืออย่างไรกันว่าห้องนั้นเป็นห้องที่ใช้รับรองเวลาที่เขาจะร่วมเตียงกับนาง

“หวงซานซานเจ้าชักจะเหิมเกริมมากเกินไปเสียแล้ว!” จางอี้เหลียงกัดฟันดังกรอด หากหวงซานซานเพียงแค่ให้ฮูหยินรองอ้ายเหมยมาพักที่จวนตระกูลจางชั่วคราวยังพอให้อภัยได้ แต่การที่นางพามารดามาอยู่ที่หอนอนของนางกับเขานั้น เขายอมไม่ได้เป็นอันขาด!

เวลาล่วงเลยไปจนถึงปลายยามอิ่ว (17.00 - 18.59 น.)

ตึกๆๆๆ!

เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องใหญ่ หวงซานซานและอ้ายเหมยที่เพิ่งรับประทานสำรับเย็นเสร็จชำเลืองสายตามองไปยังประตูเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าจะมีแขกมาเยือนในเวลาเย็นย่ำเช่นนี้ ก่อนที่สาวใช้เฝ้าประตูจะเอ่ยปากขึ้น

“ท่านแม่ทัพจางกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

เพียงแค่สิ้นเสียงของสาวใช้ ประตูห้องก็ถูกผลักให้เปิดออกราวกับว่าคนที่ยืนอยู่ภายนอกใจร้อนไม่อาจทนรอเสียงตอบรับของคนที่อยู่ภายในห้องได้ ร่างสูงองอาจก้าวเดินเข้ามาด้านใน ท่าทางน่าเกรงขามของเขาแฝงความทระนงส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมดูดุดันมากขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจางอี้เหลียงจะอายุอานามมากกว่าหวงซานซานเพียงสี่ปี เป็นรุ่นลูกของอ้ายเหมยได้ แต่ก็ทำให้อ้ายเหมยอดรู้สึกหวั่นเกรงไม่ได้เลย แตกต่างจากหวงซานซานที่กำลังนั่งยืดตัวเชิดคอราวกับไม่ได้สะทกสะท้านหรือรู้สึกอะไรต่อการมาถึงของเขาเลยแต่อย่างใด

อ้ายเหมยสังเกตได้ว่าแววตาที่หวงซานซานเคยมองจางอี้เหลียงอย่างชื่นชมไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กลับเต็มไปด้วยความรำคาญเข้ามาแทนที่

‘เกิดอะไรขึ้นกับซานเอ๋อร์กันแน่’ บางทีอาจเป็นเพราะแม่ทัพจางเคยทำร้ายจิตใจของหวงซานซานจึงทำให้ความรู้สึกของนางมีให้เขาเปลี่ยนแปลงไป อ้ายเหมยได้แต่ครุ่นคิดในใจด้วยความสงสัย แต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดมันออกมา

“ท่านแม่ยาย” จางอี้เหลียงค้อมศีรษะให้สตรีวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นท่านแม่ยายของเขา ขณะที่อ้ายเหมยพยักหน้ารับเบาๆ พลางกล่าวทักทายชายหนุ่มคืน

“ท่านแม่ทัพจาง”

“ท่านแม่ยายเดินทางมาเหนื่อยๆ ข้าได้สั่งให้สาวใช้จัดห้องให้ท่านแล้ว เชิญท่านแม่ยายไปพักที่ห้องนั้นเถิด ห้องที่ข้าให้สาวใช้จัดให้สุขสบายกว่าที่นี่มากนัก อีกทั้งยังไม่ต้องนอนเบียดกัน” เมื่อกล่าวจบประโยค จางอี้เหลียงได้ปรายตามองไปยังหวงซานซานที่ตอนนี้กำลังหันไปสบตากับอ้ายเหมย

“แม่กับลูกจะนอนด้วยกัน ไยท่านแม่ทัพถึงได้ขัดขวางล่ะเจ้าคะ” หวงซานซานไม่ยอมง่ายๆ สายตาวาววับของเขาทำให้นางรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ ยิ่งเห็นเช่นนี้มีหรือที่นางจะยอมให้ท่านแม่อ้ายเหมยไปนอนห้องอื่น

“ข้าเกรงว่าท่านแม่ยายจะนอนไม่สบาย อีกอย่างห้องหับที่จวนสกุลจางก็มีนับสิบๆห้อง เหตุใดเจ้าต้องบังคับให้ท่านแม่ยายนอนกับเจ้าที่ห้องนี้ด้วยเล่า หรือว่าเจ้ากำลังกลัวข้า” ท้ายประโยคเขากดเสียงต่ำลง ราวกับรู้ทันความคิดและความรู้สึกของนาง ขณะที่อ้ายเหมยมองคู่สามีภรรยาที่กำลังจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครสลับกันไปมาด้วยความลำบากใจ นางเกรงว่าจะเกิดสงครามย่อยขึ้นในห้องนี้เสียก่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel