บท
ตั้งค่า

กลวิธี

3

กลวิธี

“เจียวเจียว เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” เสียงฝีเท้าย่ำรวดเร็วเรียกให้นางฟื้นจากภวังค์ความคิด ลืมตามองไปทางประตูห้อง ตัวยังไม่ถึงแต่น้ำเสียงห่วงใยนี้กลับมาถึงเร็วยิ่งนัก

หญิงสาวยกมือขึ้นนวดคลึงขมับตนเองแผ่วเบา มีเรื่องให้นางต้องใช้ความคิดอีกแล้ว จากนี้นางควรแสร้งเป็นโจวเจียวเจียวให้สมบูรณ์ไม่เช่นนั้นคงมีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นวัน

“ท่านพี่ เหตุใดโหวกเหวกเช่นนี้” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลดังเช่นโจวเจียวเจียวคนก่อน แม้เอาแต่ใจแต่นางไม่เคยหยาบคายกับพี่ชายเพียงคนเดียวเลยสักครั้ง

กลับกันมักออดอ้อนจนสุดท้ายก็ได้สิ่งที่ต้องการ แต่วิธีการเช่นนั้นใช้ไม่ได้กับมู่หลินเฟิง

“เสี่ยวมั่วกล่าวว่าเจ้าต้องการกระดาษและพู่กัน”

“เป็นเช่นนั้น เจียวเจียวเพียงอยากหาสิ่งใดทำเท่านั้น เหตุใดท่านพี่จึงต้องกระวนกระวายเช่นนี้”

“เจ้าป่วยหนักหรือ เหตุใดจึงอยากได้ของที่มองแล้วทำตนเองเวียนหัวเล่า”

“ตอนนี้เจียวเจียวไม่รู้สึกเช่นนั้นแล้ว ท่านอย่าได้กังวล ข้าหายดีแล้ว” ผู้ฟังขมวดคิ้วจนหว่างคิ้วย่นลง แม้จะไม่เชื่อว่านางหายแล้ว แต่เท่าที่มองเห็นน้องสาวก็ไม่เป็นอันใดอย่างนางกล่าวจริง ๆ

เขายกมือแตะหน้าผากนาง ดูว่ายังมีอาการตัวร้อนเหมือนสองสามวันก่อนอยู่หรือไม่

“ไม่มีไข้แล้วจริง ๆ เช่นนั้นพี่ก็หมดห่วง นอกจากนี้เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่” โจวจี้หยวนกล่าวพลางหันไปรับของจากไป๋อวี่บ่าวคนสนิท วางมันไว้บนเตียง ก่อนจะส่งยิ้มเอ็นดูให้หญิงสาวตรงหน้า

“ไม่แล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่ไปทำงานเถอะ อย่ามัวแต่สนใจข้า เพียงเท่านี้ท่านพี่ก็มีงานยุ่งมากพอแล้ว” นางกล่าวพลางส่งยิ้มไร้เดียงสาให้ผู้เป็นพี่ชาย โจวจี้หยวนดีใจจนน้ำตาเกือบไหล นึกเอ็นดูนางในใจขึ้นมา นางคงโตแล้วกระมังจึงได้รู้ความเช่นนี้

เดิมทีโจวจี้หยวนก็รักเอ็นดูน้องสาวผู้นี้อยู่แล้ว ในชีวิตนี้แทบจะนับครั้งได้เลยว่าเคยดุนางกี่หน พอนางรู้ความแววตาใสซื่อเช่นนี้จึงยิ่งน่าเอ็นดูมากขึ้น

หากเป็นเมื่อก่อนนางคงถามว่ามู่หลินเฟิงมาเยี่ยมนางหรือไม่เป็นอย่างแรก แต่พูดคุยกันอยู่นานนางไม่ถามถึงสหายเขาเลยแม้ครึ่งคำ

“เจียวเจียวของพี่รู้ความยิ่งนัก เช่นนั้นหากต้องการสิ่งใดให้เสี่ยวมั่วไปแจ้งพี่จะให้คนจัดหาให้เจ้า ช่วงนี้ก็พักผ่อนให้ดีเถอะ”

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านพี่กลับไปทำงานเถิด ข้าจะนอนพักอีกสักหน่อย”

“ได้ เช่นนั้นเจ้าพักเถอะ เย็นนี้พี่จะให้คนนำยาบำรุงมาให้”

“เจ้าค่ะ” โจวเจียวเจียวรับคำจากนั้นแสร้งนอนลงบนเตียง โจวจี้หยวนจึงดึงผ้าขึ้นมาห่มคลุมให้นางไว้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ตระกูลโจวมีทายาทเพียงสองคนหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี บุตรชายมากความรู้เฉลียวฉลาด หากฝักใฝ่การสอบขุนนางภายหน้าต้องเป็นขุนนางสำคัญ แต่โจวจี้หยวนนั้นไม่ต้องการทำงานภายใต้การควบคุมของราชสำนัก กลับชอบการค้าจึงเป็นผู้สืบทอดการค้าแทบทั้งหมดของตระกูลโจวที่มีอยู่ทั่วเมือง

โจวเจียวเจียว บุตรสาวเพียงคนเดียวที่คนทั้งตระกูลพากันรักเอาใจ แม้จะดื้อรั้นไปบ้างแต่นางกลับเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่เสแสร้ง แต่น่าแปลกที่หลายคนไม่ชอบนาง รวมถึงมู่หลินเฟิงสหายของพี่สาว

ไม่ชอบยังพอเข้าใจแต่บางคราเขากลับทำท่าราวกับเกลียดนาง ทั้งที่เมื่อก่อนเขารักตามใจนางไม่ต่างจากโจวจี้หยวน อาจมากกว่าเสียด้วย โจวเจียวเจียวเองทำดีต่อเขาเสมอ กระนั้นนางก็ไม่ยอมแพ้หวังว่าสักวันจะชนะนางในใจเขาได้

โจวเจียวเจียวไม่ชอบวาดเขียน ไม่ชอบทำการค้าตรวจบัญชี โจวจี้หยวนก็ไม่เคยบังคับปล่อยให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากทำ งานร้านค้าของตระกูลตนเองรับทำเองทั้งหมด ไว้รอให้นางถูกใจบุรุษคนใดค่อยให้สินเดิมมากหน่อยนางจะได้ไม่ลำบากไปตลอดชีวิต

ส่วนบิดาและมารดายามนี้ลงใต้ไปเยี่ยมบ้านเก่ามารดาซ้ำยังไปตกลงเรื่องการค้า มอบหมายให้บุตรชายดูแลบุตรสาวอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลโจว

โชคดีที่ก่อนนี้นางไม่เป็นอันใดมากไม่เช่นนั้นไม่รู้เลยว่าจะรายงานกับบิดามารดาอย่างไร

ลับหลังโจวจี้หยวน หญิงสาวที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นนั่ง ชะเง้อคอมองดูจนแน่ใจว่าเขาไปแล้วจริง ๆ จึงยกแท่นฝนหมึก กระดาษและพู่กันไปยังโต๊ะริมหน้าต่าง

“คุณหนูจะทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

“หาอะไรทำแก้เบื่อ เสี่ยวมั่วเจ้ามานี่ฝนหมึกให้ข้าที” นางเอ่ยพลางกวักมือเรียกสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงให้มายังริมหน้าต่าง เด็กสาวผู้นั้นเดินตามมาอย่างว่าง่าย รับแท่นหมึกในมือผู้เป็นนายมาถือเอาไว้

“เจ้าฝนข้าจะเขียน” เสี่ยวมั่วพยักหน้าย่อตัวนั่งลงบนพื้นข้าง ๆ โต๊ะ ฝนหมึกให้โจวเจียวเจียวเขียนสิ่งแปลกตาลงกระดาษเนื้อดีที่โจวจี้หยวนนำมาส่งให้เมื่อครู่

“คุณหนูท่านเขียนสิ่งใดเจ้าคะ เหตุใดไม่คุ้นตาเลย” เด็กสาวเอียงคอมองอักษรบนกระดาษที่ผู้เป็นนายเขียนไว้ แม้นางจะไม่รู้หนังสือแต่อักษรบางตัวนางคุ้นเคย แต่อักษรบนกระดาษของผู้เป็นนายนางไม่คุ้นชินแม้แต่น้อย

หากนางอยากรอดชีวิตไม่จบชีวิตดังเช่นในนิยายที่เคยอ่าน นางควรเตรียมพร้อมทุกอย่างไม่ให้หลุดรอดแม้แต่อย่างเดียว

สิ่งแรกที่นางไม่ควรทำคือการเขียนบันทึกต่าง ๆ หากมีผู้ใดพบเข้าจะเป็นภัยต่อตนเอง แต่หากไม่บันทึกนางจะจำมันได้อย่างไรเล่าว่าควรดำเนินการเช่นใดบ้าง

เมื่อคิดเช่นนี้โจวเจียวเจียวจึงเขียนภาษาที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจลงไปบนกระดาษเนื้อดีบนโต๊ะ มุมปากยกยิ้มพอใจกับความคิดของตนเอง

วิธีหนีการเป็นนางร้าย เพื่อเป็นตัวประกอบ

ข้อแรก อย่าทำตัวฉลาดเกินจากนิสัยเดิมของตัวละคร

หญิงสาวเขียนได้เพียงสองบรรทัดก็มีสาวใช้มาพบ ในมือถือเทียบเชิญมาด้วย เทียบเชิญจากตระกูลเฉียนเพื่อเชิญนางเข้าร่วมงานปักปิ่นของบุตรสาวคนรอง แม้โจวเจียวเจียวจะเอาแต่ใจแต่ตระกูลโจวนั้นร่ำรวยเป็นที่ต้อนรับ อีกทั้งพี่ชายยังไม่แต่งงาน เช่นนี้จึงมีคนต้องการผูกมิตรด้วยมากมาย

หญิงสาวเงยหน้าจากกระดาษเพื่อมองสาวใช้ที่เพิ่งเดินเข้ามา

เสี่ยวมั่วเดินไปรับเทียบเชิญมาให้ผู้เป็นนายโดยไม่ต้องรอคำสั่ง

เทียบเชิญจากตระกูลเฉียนกระมัง โจวเจียวเจียวคิดในใจ นางจำได้ว่าอีกไม่กี่วันโจวเจียวเจียวก็มีเรื่องทะเลาะกับสืออีหรานในงานปักปิ่นนี้ เช่นนั้นอย่างไรนางก็คงต้องไป

อีกทั้งนางมีเรื่องต้องทำในพิธีปักปิ่นนี้ด้วยเช่นกัน...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel