ตอนที่ 2
“เราคุยกันถึงไหนแล้ว”
ทันทีที่ประตูปิดลงตามหลังบุตรสาว ดอกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีระดับศาสตราจารย์ก็กลับเข้าเรื่องที่พูดคุยกันค้างอยู่ทันที
“ความเป็นไปได้ของทฤษฎีจุดพลังงานนิวเคลียร์ในอุณหภูมิปกติที่จะนำไปสู่การผลิตพลังงานได้ชั่วนิรันดร์”
“ทฤษฎี ‘โคลด์ ฟิชั่น’ ของคาร์ล ไมเออร์ นักเคมี-ไฟฟ้าชาวเยอรมันสินะ”
“ครับ คุณพ่อของผมคิดจะนำมาปัดฝุ่น ทำการวิจัยใหม่อีกครั้งเผื่อจะพบข้อผิดพลาดที่ทำให้การทดลองทฤษฎีนี้ไม่มีอะไรคืบหน้าต่อจากที่ไมเออร์ได้ทดลองเอาไว้ คุณพ่อยินดีทุ่มทุนสำหรับใช้ในงานวิจัยและทดลอง”
“มันจะคุ้มเรอะ?”
“ยิ่งกว่าคุ้มอีกครับถ้าเราทำได้สำเร็จ”
“แล้วถ้าไม่สำเร็จล่ะ?”
“คุณพ่อบอกว่า... เราก็จะได้รู้กันเสียทีว่าทฤษฎีของไมเออร์มาผิดทางตั้งแต่ต้น คุณพ่อยินดีสูญเงินที่จะใช้ในการทดลองวิจัยเพื่อแลกกับการได้คำตอบที่แน่ชัด”
ทรงพิชิตนึกถึงบุคคลที่ชายหนุ่มพูดถึง ก็ถึงกับหัวเราะหึๆ
เขารู้จัก เฮนรี่ โอ ฮาเบอร์ นักอุตสาหกรรมระหว่างประเทศชาวอเมริกันมากว่ายี่สิบปี ในฐานะสามีของเพื่อนรักในวัยเยาว์ของเขา อรจิรา ภาณุทัต
เมื่อเฮนรี่ได้รู้จักอรจิรา นักเรียนไทยในอเมริกา กระทั่งเกิดความรักและแต่งงานกันในที่สุด ชื่อของเขาติดอันดับเศรษฐีอเมริกันเป็นที่เรียบร้อย
การเป็นนักลงทุนที่กล้าได้กล้าเสีย และกล้าเสี่ยง ทำให้เขาได้เปรียบนักลงทุนคนอื่นๆ
ดูเหมือนคุณสมบัติข้อนี้เอง ทำให้เขากลายเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จในอันดับต้นๆ ปีหนึ่งๆ บริษัท ‘โอ ฮาเบอร์ อินดัสเทรียล’ ของเขา สร้างงานให้ประชากรทั่วโลกนับแสนคน
ทรงพิชิตพอจะทราบว่าเฮนรี่ โอ ฮาเบอร์ มีบริษัทย่อยทำงานเกี่ยวกับสูตรลับต่างๆ และผลิตผลที่ได้ทำกำไรให้ไม่น้อย แต่สูตรลับที่ว่าก็ต้องเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด เพราะถ้าบริษัทคู่แข่งขโมยสูตรไปได้ก่อนจะทันจดทะเบียนสิทธิบัตรก็จะเสียหายเป็นอย่างมาก
การขโมยสูตรผลิตภัณฑ์ก่อนมีการผลิตในวงอุตสาหกรรมใหญ่ๆ มีอยู่บ่อยๆ ผู้ที่ทำการขโมยจะเรียกกันว่า ‘อินดัสเตรียล สปาย’ อาจจะพอแปลเป็นไทยได้ว่า จารชนสืบความลับในวงการอุตสาหกรรม
เพื่อเป็นการป้องกันสูตรโดนขโมย บริษัทใหญ่ๆ ระดับระหว่างประเทศ จึงต้องมีหน่วยรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพราะกว่าจะได้สูตรและผลิตผลที่หามาได้ก็เปลืองทั้งแรง เวลา และเงินไม่น้อย จึงไม่แปลกหาก‘โอ ฮาเบอร์ อินดัสเทรียล’ จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับฝีมือพระกาฬ นอกเหนือจากระบบสัญญาณป้องกันด้านอิเล็กทรอนิกส์อันทันสมัย
ล่าสุดเท่าที่เขารู้ บุตรชายคนเดียวของเฮนรี่ โอ ฮาเบอร์ กับภรรยาชาวไทย ได้เป็นผู้ควบคุมดูแลการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยให้กับห้องทดลอง รวมถึงห้องเก็บข้อมูลของบริษัทใหม่ทั้งหมด ซึ่งก็คือชายหนุ่มวัยเพียงยี่สิบสามที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเขาขณะนี้
อชิรวิศถือสัญชาติอเมริกัน เกิดและโตบนแผ่นดินสหรัฐฯ แต่ก็ไม่เคยลืมว่าสายเลือดกึ่งหนึ่งในตัวคือสายเลือดไทย ซึ่งก็ต้องให้เครดิตมารดาของชายหนุ่ม
อรจิราไม่เคยยอมให้บุตรชายหลงลืมความเป็นไทยครึ่งหนึ่งในตัว หล่อนสอนบุตรชายให้เรียนเขียนอ่านภาษาไทย โดยให้เหตุผลว่า ‘เผื่อต้องใช้ในวันข้างหน้า’ ทั้งยังสอนให้รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมแบบไทยๆ หลายอย่าง ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามจึงดูเหมือนเป็นคนไทยพลัดถิ่นมากกว่าจะเป็นเด็กลูกครึ่งอเมริกันที่เกิดและโตบนแผ่นดินพ่อ ถึงแม้ว่าพออายุเลยสิบสามสิบสี่มาได้หน่อย เขาก็โตเอาๆ กระทั่งมีรูปร่างสูงใหญ่ทัดเทียมฝรั่งโตๆ
อรจิรา โอ ฮาเบอร์ ภาณุทัต คนไทยพลัดถิ่นที่สามารถรักษาความเป็นไทยของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ลืมที่จะหาชื่อไทยๆ มาตั้งให้บุตรชาย โดยที่เจ้าตัวก็มักจะใช้เวลาเดินทางมาเมืองไทย
“อชิรวิศ หมายถึง ผู้เรียนรู้ได้รวดเร็ว” เจ้าของชื่อ ‘ไทยๆ’ บอก ‘อาทรง’ เมื่อนานมาแล้ว
ตามด้วยคำอธิบายขันๆ
“แม่บอกว่าผมเป็นคนไทยครึ่งฝรั่งครึ่ง มีชื่อฝรั่งที่พ่อตั้งให้แล้วก็ควรจะมีชื่อไทยด้วย... คุณอาเชื่อไหมครับ ตั้งแต่ผมจำความได้ แม่ไม่เคยเรียกผมชื่ออื่นเลย เรียกชื่อไทยตลอด ถ้าไม่เรียกอชิ ก็เรียกอชิรวิศเต็มยศไปเลย พ่อยังขำ ถึงกับล้อแม่ว่าชาตินิยมจ๋าขนาดนี้ไม่รู้หลวมตัวมาแต่งงานคุณพ่อที่เป็นฝรั่งได้ยังไง”
ฟังแล้วทรงพิชิตก็ถึงกับหัวเราะก่อนถามกลับไป
“แล้วแม่เราเขาว่ายังไงล่ะ”
“งอนสิครับ ไม่ยอมพูดกับพ่อตั้งหลายชั่วโมงจนพ่อสัญญาว่าจะไม่ล้ออีกแล้ว แม่อยากปั้นผมให้เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแม่ พ่อก็ไม่ว่า ผมเลยกลายเป็นเด็กไทยพลัดถิ่นในหมู่เด็กฝรั่งแทนที่จะเป็นเด็กลูกครึ่งอเมริกัน-ไทยที่เกิดบนแผ่นดินอเมริกา”
ถึงแม้เจ้าตัวจะทำเสียงละห้อยละเหี่ย สีหน้าแววตากลับไม่ดูเดือดร้อนสักนิด
ทรงพิชิตนึกถึงที่เขาเคยได้สนทนากับเด็กชายวัยจวนรุ่น แล้วก็บอกตัวเองว่า เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
ไม่ทันไรเด็กชายที่เขาคุ้นเคยดีในอดีตคนนั้น ก็เติบใหญ่เป็นชายหนุ่มร่างสูงเพรียว ดูแข็งแรงและทรงพลังจากการเล่นกีฬาที่เจ้าตัวชอบพอๆ กับเป็นหนอนหนังสือ
ในด้านการศึกษานอกจากจะเรียนจบปริญญาตรี วิศวกรไฟฟ้าในวัยเพียงยี่สิบ ในปีถัดมายังจบโทสาขาอิเล็กทรอนิกส์
ปัจจุบันรับหน้าที่ควบคุมดูแลด้านความปอดภัย มีบริษัทรักษาความปลอดภัยของตัวเองที่กำลังไปได้สวย มีลูกค้าให้ความสนใจใช้บริการเป็นจำนวนไม่น้อย
“ตกลงเถอะนะครับ คุณอา”
เสียงห้าวมีกังวานทุ้มของชายหนุ่มพูดขึ้น เมื่อเห็นผู้อาวุโสกว่ายังคงนิ่งเงียบ
“โอกาสดีๆ แบบนี้ผมไม่อยากให้คุณอาปล่อยผ่าน งานในบริษัทของคุณอาตอนนี้ก็ดำเนินไปด้วยดีไม่ใช่หรือครับ”
“ก็ได้” ทรงพิชิตตอบรับ“อาจะรับงานนี้ แต่มีข้อแม้”
“เชิญคุณอาว่ามาเลยครับ”
“การทำงานของอาเป็นเอกเทศน์”
“ตกลง คุณอาได้ตามนี้!”
