ตอนที่5. สัญญา
สาริศา พิชชา และกวินต่างนั่งล้อมคุณพรพิมลเพื่อรับประทานอาหาร แม้จะเป็นอาหารง่ายๆ แต่ก็เป็นของโปรดที่ถูกปากคุณพรพิมลเป็นอย่างยิ่ง เสียงหัวเราะพูดคุยระหว่างพิชชาและสาริศาทำให้คุณพรพิมลมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นจนกวินสังเกตได้
กวินมาอาศัยอยู่กับคุณพรพิมลราวๆ หกปีก่อน ขณะนั้นเขาอายุเพียงสิบสองปีแต่ก็ตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าที่มีเพียงไม่กี่ชุดใส่เป้เดินทางจากอยุธยามาหาญาติคนเดียวที่ป้าเลยเล่าให้ฟังที่กรุงเทพฯ แม้ตอนนั้นเขาจะเป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กซ้ำยังกำพร้าพ่อและแม้ต้องมาอาศัยกับป้า แต่ทั้งสองก็ยากจนไม่เงินทาองส่งเสียให้เราร่ำเรียน จนทำให้เขาต้องลองเสี่ยงมาขอความช่วยเหลือจากคุณพรพิมล ด้วยความเมตตาของคุณพรพิมลทำให้เขาได้กินดีอยู่ดีและได้ร่ำเรียนหนังสืออย่างที่ตั้งใจหวัง เขาพยายามช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณที่คุณพรพิมลมีต่อเขา แต่เมื่อในครอบครัวมีเหตุวุ่นวายจนพี่สาริศาหรือริต้าต้องขายบ้านหลังใหญ่โตมาซื้อหลังเล็กๆ แบบนี้
‘สัญญานะว่ากวินจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด” สาริศาเอ่ยขึ้นในวันที่ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ พี่มองกวินเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง กวินจะดูแลคุณแม่แทนพี่สาวคนนี้ได้ไหม’
‘ครับพี่ริต้า ผมให้สัญญา ผมจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุดครับ’
กวินรู้สึกดีใจที่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวที่แสนอบอุ่นนี้ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องพ่อเลี้ยงละก็...ทุกอย่างในบ้านคงสงบสุขมากกว่านี้เป็นสิบเป็นร้อยเท่าแน่ๆ เขาเองก็เข้าใจดีในความจำเป็นที่ทำให้พี่สาริศาของเราต้องไปอยู่คอนโดแทนที่จะได้อยู่ใกล้ชิดคุณแม่พรพิมล
พ่อเลี้ยงชีกอแถมถูกพี่พนันเข้าสิงแบบนั้น อยู่ห่างเป็นดีที่สุด
กวินเองก็เคยนึกสงสัย ทำไมคุณพรพิมลยังอดทนต่อสามีคนนี้เสียเหลือเกิน เขายอมรับว่าแรกๆ ที่ได้รู้จักคุณอานนท์ เขาช่างเป็นคนดีเสียจริงแต่เวลาผ่านไปไม่นานนัก ทุกอย่างก็กลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ คุณพรพิมลก็ตรอมใจแต่ทำเหมือนยอมรับโชคชะตาและมักพร่ำเสมอว่ามันเป็นเรื่องของเวรกรรม
“ได้เวลาเสิร์ฟของหวานแล้วจ๊ะกวิน”
เสียงพิชชาทำให้กวินตื่นจากภวังค์ กวินตอบรับแล้วรีบลุกขึ้นไปยกถ้วยของหวานที่เตรียมไว้มาเสิร์ฟทุกคน
“ได้ยินว่ากวินทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม จะเอาเงินไปทำอะไรหรือจ๊ะ” พิชชาถามพลางตักลอดช่องน้ำกะทิเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“ก็...” กวินยิ้มเขิน
“กวินอยากได้อะไรหรือจ๊ะ” สาริศาถามพร้อมรอยยิ้ม เธอรู้ว่ากวินเป็นเด็กดีไม่มีทางที่จะเอาเงินไปทำเรื่องไม่ดีแน่ๆ
“ผมตั้งใจว่าจะเก็บเงินแล้วเดินทางท่องเที่ยวครับ”
“จริงเหรอ จะไปเที่ยวที่ไหนล่ะ” พิชชาถามอย่างตื่นเต้น
“ผมอยากไปประเทศเทซาเนียครับ” กวินพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ผมดูสารคดีท่องเที่ยว ที่นี่เป็นประเทศเปิดใหม่ มีวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรามาก ผมรู้สึกอยากลองไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้งในชีวิตครับ”
น้ำเสียงร่าเริงของกวินทำให้สาริศาฝืนยิ้มออกมา มีแต่พิชชาเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสาว เธอจึงพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ก็ดูเหมือนจะสายไปแล้วเพราะแววตาของสาริศาหม่นร้าวเหลือเกิน ถึงเธอจะเป็นเพื่อนรักที่สุดของสาริศา แต่ก็เหมือนว่าสาริศาจะมีบางอย่างปิดบังเธออยู่ เพราะตั้งแต่ที่สาริศาไปท่องเที่ยวที่เทซาเนียเมื่อหลายปีก่อน สาริศาก็ทำเหมือนว่าไม่ต้องการพูดถึงชื่อประเทศนี้อีก
“เอ่อ...อีกสองสามวันพี่ต้องไปทำงานที่ญี่ปุ่น กวินกับแม่อยากได้อะไรไหมคะ”
“แม่ไม่เอาอะไรหรอกลูก แค่ได้เห็นหน้าลูกแม่ก็มีความสุขแล้ว”
“ผมก็ไม่เอาอะไรครับ รองเท้าที่พี่ริต้าซื้อมาให้ก็ยังสภาพดีอยู่เลย”
สาริศาหันมาทางพิชชา “เธอคงเหมือนเดิมใช่ไหมล่ะ”
พิชชาหัวเราะคิกคัก “ถ้าเจอหนังสือภาพสวยๆ ซื้อมาเลยนะ”
“หนังสือจะทับตายอยู่แล้ว ยังอยากได้หนังสืออีก”
“ก็อย่าถามซิว่าฉันอยากได้อะไร”
“ฉันถามแม่กับน้องชายต่างหาก
“ยัยริต้า!”
คุณพรพิมลอดหัวเราะไม่ได้ นอกจากพิชชาแล้วก็ไม่เห็นลูกสาวของตัวเองจะสนิทสนมกับใครเลย หลังจากทานอาหารและยาแล้วนางก็เริ่มจะง่วงนอน สาริศาประคองแม่กลับไปที่ห้องนอน แต่เมื่อเดินออกมากลับเจอหน้าพ่อเลี้ยงที่นั่งที่โต๊ะอาหารอย่างไม่ได้รับเชิญ
“มีของกินดีๆ ไม่คิดจะเรียกกันเลยนะ” คุณอานนท์แสยะยิ้มที่มุมปาก
“ของเหลือบนโต๊ะ ถ้าจะกินก็เชิญตามสบายเลย”
“นังนี่! พูดจาให้มันดีๆ หน่อย ยังไงฉันก็เป็นพ่อเลี้ยงของแกนะ!!”
