บทย่อ
เมื่อเธอจะทวงทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อคืนจาก ‘ราจีฟ โฮแกน แบรนครอฟต์’ เขาคือผู้ทรงอิทธิพลของสเปนและได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าพ่อค้าอาวุธสงครามแห่งกรุงมาดริด ความเย่อหยิ่งทะนงตนในศักดิ์ศรีของ ‘เจสสิก้า คาล์ก’ ทำให้เขาอยากจะครอบครองเธอไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือหัวใจ แต่ข้อเสนอของเขาไม่ใช่การที่เธอจะต้องเป็นนางบำเรอบนเตียง แต่เป็นเพียงกระโถนรองความใคร่ก็เท่านั้น ทุกสิ่งอย่างพันธะกันเพียงข้อตกลง ทว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่าจะมีพันธะบางอย่างที่ผูกรั้งเขาและเธอไว้ตลอดไป
1 เจ้าพ่อมาเฟียแห่งกรุงมาดริด[1]
กรุงมาดริด ประเทศสเปน
การเจราจาธุรกิจสีเทาในมหาสมุทรริโอเดจาเนโรสิ้นสุดลงทำให้ ‘ราจีฟ โฮแกน แบรนครอฟต์’ กลับมายังบังเหียนที่ตนอยู่ในจุดสูงสุด การพักผ่อนในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมากับเพื่อนรักอีกสองคน ทำให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันมากมาย และผลกำไรที่แปลเป็นเม็ดเงินมหาศาลทำให้การลงเรือสำราญครั้งนี้ไม่สูญเปล่าจริงๆ
แว่นสีดำถูกสวมใส่เพื่อป้องกันรังสียูวีทำให้ใบหน้าคมคายดูน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว สายตาคมเฉียบภายใต้สิ่งที่บดบังแสงแดดกวาดมองบรรยากาศรอบด้านก่อนจะก้าวลงจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว โดยมีลูกน้องนับยี่สิบกว่าคนยืนต้อนรับกันเป็นแถวเพื่ออารักขาความปลอดภัยแก่เจ้าพ่ออาวุธสงคราม
“ไปพักผ่อนครั้งนี้ใบหน้านายดูอิ่มเอมกับบรรยากาศมากเลยนะครับ”ครูซลูกน้องมือซ้ายโค้งศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยแซวผู้เป็นนาย การเดินทางไปยังทวีปอเมริกาใต้ในครั้งนี้ไร้เขาเป็นผู้ติดตามเพราะต้องคอยดูแลการขนส่งอาวุธสงครามแทนเจ้าพ่อมาเฟียที่นี่
“ก็ถือว่าคุ้มกับการเดินทางครั้งนี้มากๆ อีกไม่นานคงได้ไปงานแต่งงานของไอ้ราฟอีกแน่”กล่าวในขณะที่เดินไปยังรถลีมูซีนหรูและหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ราฟาเอลโอบอุ้มเด็กสาววัยกระเตาะเข้าไปในห้องวีไอพีก็ทำให้ขนลุกขึ้นมาทันที ดูท่าว่าเจ้าพ่อมาเฟียแห่งเมืองซุมบ้าจะหลงเมียเด็กถึงขั้นบ้าไปแล้วล่ะมั้ง
“คุณราฟน่ะหรือครับจะแต่งงาน?”
“เออน่ะสิ...นึกถึงตอนที่หลงเมียเด็กถึงขั้นอุ้มไปนู้นไปนี่แล้วขนลุกชะมัด แต่เด็กคนนั้นก็น่ารักดี”เอ่ยบอกลูกน้องมือซ้ายเพราะความสนิทสนมกันทำให้สามารถกระเซ้าเย้าแหย่กันได้
“พอนายพูดผมชักอยากจะเห็นเจ้าสาวของคุณราฟจังเลยครับ”
“อย่าคิดว่าจะได้มองนานเกินห้าวินาทีเลย ไอ้หมาบ้ามันจ้องควักลูกกะตาอยู่นะ หึๆ”ไม่ได้พูดเป็นเล่นเพราะราฟาเอลหวงเอริดาเป็นที่สุดจนเขาเองยังต้องยอมความหลงเมียเด็กจนหัวปรักหัวปรำของไอ้เจ้าพ่อค้ายานรกนั่น
“อุ้ย! งั้นผมรอเห็นเจ้าสาวของนายดีกว่าครับ”
“หึ!...ชาตินี้ทั้งชาติแกก็ไม่มีทางเห็นฉันมีความรักหรอกครูซ แค่คิดก็ดูไร้สาระชะมัด!!”ราจีฟถึงกับพ่นลมหายใจยาวเหยียด ก่อนจะสาวเท้าก้าวเดินไปยังรถลีมูซีนคันหรูที่จอดรอไม่ไกล
“ไม่แน่หรอกครับนาย...เดี๋ยวนี้สาวๆ อายุน้อยกำลังมาแรงนะครับ”
“หึๆ ฉันมันพวกชอบแม่สาวทรงโตจัดจ้านมากกว่าเด็กอมมือเสียอีก”รสนิยมของเขาไม่ชอบเด็กสาวที่อ่อนประสบการณ์เสียด้วยสิ เสียเวลาและเสียอารมณ์ในการปลดปล่อยกำหนัดแห่งชายชาตรีที่ไม่ต่างจากหนุ่มวัยกลัดมันก็ไม่ปาน
“เด็กแต่อาจจะเด็ดก็ได้นะครับนาย”
“หึๆ ตามสบายเถอะครูซ...”ไม่ใช่ว่าไม่เคยร่วมสังวาสกับเด็กสาวแรกรุ่น เขาไม่สนใจเรื่องอายุแม้แต่น้อยเพียงแค่พวกหล่อนปลดปล่อยกำหนัด ทำให้เขาซาบซ่านถึงใจก็เท่านั้น ไม่มีการสานสัมพันธ์หรือผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น
ราจีฟเป็นพวกเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำคนเสียด้วยสิ เพราะขี้เบื่อและไม่ได้ติดใจใครเป็นพิเศษ แต่ทุกครั้งที่ขึ้นสังเวียนสวาทเขาไม่เคยพลาดท่าโดยการไร้เครื่องป้องกันเลยสักครั้ง และไม่อยากให้ผู้หญิงหน้าไหนมาแอบอ้างว่าท้องกับเขา อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญนั่นก็คือโรคต่างๆ ทางเพศสัมพันธ์ที่น่าสะอิดสะเอียนที่พวกหล่อนมั่วไม่เลือกหน้าตัวผู้ก็ด้วย
เหล่าบอดี้การ์ดต่างพากันให้การต้อนรับการกลับมาของเจ้าพ่อมาเฟียแห่งกรุงมาดริด ทันทีที่ราจีฟขึ้นรถลีมูซีนและเคลื่อนตัวช้าๆ รถยนต์ยี่ห้อหรูนับสิบคันก็ตามออกมาจากสนามบินกันเป็นขบวนจนดูหวือหวาละลานตาเลยก็ว่าได้
“พ่อคะ...นั่นขบวนรถของมาเฟียหรือไงกันทำไมดูเว่อร์จังเลยคะ”ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังบนท้องถนนที่มีขบวนรถลีมูซีนขับผ่านไปหลายสิบคัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกมีอิทธิพลเป็นแน่
“แน่นอนสินั่นน่ะคุณราจีฟมาเฟียที่มีอิทธิพลมากเลยนะเจสซี่”โฆเซ่บอกลูกสาวที่นั่งอยู่เคียงข้าง หลังจากพวกเขาทั้งสองใช้เวลาพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ
“อ้อ...มาเฟียที่พ่อร่วมทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เมืองบาร์เซน่าใช่ไหมคะ?”
“ใช่! อีกไม่นานโรงแรมที่พ่อถือหุ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ก็จะเริ่มก่อสร้างขึ้นภายในสิ้นปีนี้”การได้ร่วมธุรกิจกับผู้กุมบังเหียนและมีอำนาจถึงขั้นกฎหมายไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆ
แต่ความเป็นจริงแล้วเขาถือหุ้นการสร้างโรงแรมในกรุงบาร์เซโรน่าเมื่อยี่สิบปีก่อน ในตอนที่ ‘รามิเรช โฮแกน แบรนครอฟต์’ อดีตนักธุรกิจที่บริหารงานด้านอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมทั่วแถบยุโรป
การบริหารของโฆเซ่เริ่มถดถอยลงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเขาเริ่มย่ำแย่ลง ผลกำไรเริ่มลดน้อยแถมลูกสาวก็ยังแบเบาะมาก จึงต้องขายหุ้นให้กับรามิเรชถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือทั้งหมดก็ขายในตลาดหุ้นเพื่อให้นักธุรกิจรายใหม่ได้ปันผลกำไร

