EP.14 ชั่วคราว หรือ ตลอดไป
ระหว่างนั้นตอนที่ฝ่ายไม่ได้ฟื้นขึ้นมาอีกเลย องค์ราชินีและสาวใช้คนสนิทอย่างเดซี่คอยเฝ้าร่างกายไร้วิญญาณของคุณหมออย่างไม่ยอมห่างหายไปไหน...
เดซี่นั่งอยู่ข้างๆโลงแก้วมองตรงไปยังเจ้านายสาวที่ตอนนี้หลับไปเป็นเวลาเกือบ 1 วันเต็มๆ ไม่มีแม้แต่สัญญาณชีพ สังเกตไม่เห็นการกระเพื่อมของทรวงอก แทบไม่มีจุดใดๆบ่งบอกว่าคนตรงหน้ายังมีชีวิตอยู่..จะมีก็เพียงแต่ผิวพรรณที่ไม่ได้ดูซีดเผือดเหมือนคนตายเท่านั้น..
"ท่านหญิง..."สาวรับใช้คนสนิทจับมือขาวมาลูบเบาๆ ขยับผ้าห่มเพราะกลัวเจ้านายของตนจะหนาว แม้คนตรงหน้าจะไม่มีเสียงเต้นของหัวใจเลยก็ตาม...
"นางจะฟื้นไหมเจ้าคะ"เดซี่หันไปถามองค์ราชินีอย่างมีความหวัง ถึงแม้มันจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆก็ตามที...
เธอนั่งรอคุณหมอตื่นขึ้นมาทั้งวัน พยายามหยิบอาหารต่างๆเข้ามาวางเรียงไว้ เผื่อเธอฟื้นขึ้นมาจะได้กินทันที เพราะก่อนที่คุณหมอจะหลับไปเธอไม่ได้ทานอะไรเลย เดซี่เป็นกังวลว่าเธอจะขาดอาหารจนเสียชีวิตเสียก่อน ...
"เดซี่...ต่อให้เจ้าถืออาหารมาเจ้าก็ป้อนนางไม่ได้หรอก...นางจะสำลักและอาจตายได้"องค์ราชินีกล่าวออกมาอย่างรู้สึกสงสาร สาวรับใช้คนสนิทของคุณหมอถือตะกร้าขนมรอคุณหมอทั้งวัน ไม่ยอมไปทำอะไรเลย ข้าวตัวเองก็ไม่กิน เมื่อตอนช่วงเย็นที่ผ่านมา เดซี่เข้ามาขออนุญาตนอนในห้องบรรทมของพระองค์ เพราะต้องการจะเฝ้าหมอหลวงผู้เป็นเจ้านาย..
"เจ้าดูรักนางมากเลยนะ"องค์ราชินีกล่าว มองแค่สายตายังรู้ ว่าต่อให้คนสองคนเพิ่งเจอกันในเวลาไม่นาน แต่นายบ่าวคู่นี้มีความผูกพันกันลึกซึ้งอย่างประหลาด...
ทั้งสองสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ในตอนแรกหมอหลวงเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจที่ตนเองมีข้ารับใช้แต่หลังๆด้วยความน่ารักของเดซี่ทั้งสองก็เข้ากันได้ดี จนกลายเป็นสองเกลอคู่แฝด เรียกได้ว่ามีหมอหลวงที่ไหนมีเดซี่ที่นั่น
"ข้ามีนางเป็นเพื่อนคนเดียว...แล้วตอนนี้นางก็ไม่อยู่แล้ว"กล่าวออกมาเสียงเศร้า พลางย้ายฝ่ามือนุ่มไปลูบใบหน้าเนียน เขี่ยปอยผมออกจากเปลือกตาที่ปิดสนิท
"นางยังไม่ตื่นตอนนี้หรอกน่า"
"เดี๋ยวนางก็ต้องตื่นเพคะ ตื่นมาด่ากระหม่อมก็ยังดี..."
"....."คนที่เป็นฝ่ายสั่งลงโทษถึงกับรู้สึกผิดเมื่อต้องมาเห็นภาพเหล่านี้ด้วยตัวเอง พระองค์รู้สึกเหมือนใจหาย ฝ่ามือชา ใบหน้ารู้สึกราวกับมีเข็มเป็นร้อยเล่มพันเล่ม...พุ่งเข้ามาแทงจนก่อเกิดเป็นความเจ็บปวดมหาศาล ตอนที่รู้ว่านางไม่มีสัญญาณชีพจร...
แต่ในฐานะเจ้าของแผ่นดิน ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่เหนืออำนาจของเสนาอำมาตย์ทั้งปวง องค์ราชินีไม่มีทางเลือก หากพระองค์แสดงให้เสนาอำมาตย์ เห็นว่าตนเองมีจุดอ่อนแม้แต่นิดเดียว ราชบัลลังก์จะสั่นคลอนทันที เพราะมีลูกชายของเสนาอำมาตย์อีกจำนวนมากที่ต้องการปีนป่ายขึ้นมานั่งบนราชบัลลังก์แทนพระองค์...
การเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ถืออำนาจเหนือผู้ชายทั้งอนาจักรไม่ใช่เรื่องง่าย นั่นคือสาเหตุที่องค์ราชินีตัดสินใจทำให้วังต้องห้ามมีแต่ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เพราะผู้หญิงด้วยกันเองจะต่างเคารพซึ่งกันและกันได้ง่ายกว่า แตกต่างจากเพศชาย มักมองพระองค์เป็นเพียงผู้หญิงทำหน้าที่ได้แค่เป็นไม้ประดับอยู่ข้างๆชายกางเกงของบุรุษเท่านั้น...
องค์ราชินีไม่ปรารถนาให้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมาอีกรอบ เฉกเช่นในสมัยของพระมารดาของพระองค์...อดีตราชินีหรือพระมารดาของเเมคควีน ต้องพยายามกระเสือกกระสนวิ่งเต้นแก้กฎหมาย หลังจากพบว่าตนให้กำเนิดได้เพียงบุตรสาวคือเธอคนเดียว จนกระทั่งราชอาณาจักรโครนา ตรากฎมณเฑียรบาลและกฎหมายบ้านเมือง อนุญาตให้รัชทายาทที่เป็นสตรีสามารถขึ้นครองราชบัลลังก์ได้ หากมีคุณสมบัติเหมาะสมและขาดซึ่งเพศชายในการปกครองอาณาจักร...
แน่นอนว่า..ไม่มีทางเสียหรอกที่ทั้งอนาจักรจะไม่มีผู้ชายเลย แต่กลับไม่มีใครกล้าพอที่จะตรงเข้ามาปฏิวัติ และทวงคืนราชบัลลังก์จากพระองค์นั้นเอง...
"ข้าผิดเอง เจ้านอนเฝ้านางไปเถอะ"องค์ราชินีดึงผ้าห่มให้คลุมบริเวณอกของหมอหลวง พลางย้ายสายตาโศกเศร้าหันไปมองเดซี่ ยิ่งเห็นหล่อนอยู่ในสภาพแบบนี้พระองค์ยิ่งรู้สึกผิดจนไม่สามารถทนดูเดซี่ร้องไห้ได้
"หากนางฟื้นขึ้นมาแล้ว จงรีบรายงานแก่ข้า เฝ้านางอยู่ที่นี่เจ้าห้ามไปไหนเด็ดขาด คอยขยับผ้าห่มอย่าให้นางหนาว และถ้าหากภายใน 2 วันนี้นางยังไม่ฟื้นขึ้นมา...ข้าสัญญากับเจ้าว่า ข้าจะจัดงานศพให้นางอย่างสมเกียรติ กับการที่ค่าตัดสินใจอะไรไปโดยรายการไตร่ตรอง..."
"นางจะตื่นแน่ๆเพคะ"สาวรับใช้สายหน้าไม่ยอมรับฟัง
"ข้าก็หวังเเบบนั้น...แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากนางฟื้นขึ้นมา..ข้าคือคนที่เจ้าต้องรีบมารายงานเป็นคนแรก เข้าใจที่เฝข้าพูดหรือไม่ "
"เพคะองค์ราชินี"เดซี่ สาวรับใช้ตัวเล็กผมสีน้ำตาลอ่อนก้มหน้าลงกับพื้นรับคำสั่ง
❄️
เเกรนด์เอสเตท คอนโด
ประเทศไทย
ติ้ด ...
ที่นี่มันที่ไหน...ทุกอย่างในห้องดูมืดมัวไปหมด กลิ่นพิมเสนปรับอากาศที่เธอเคยใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดหัวเวลานอน ตอนนี้มันตั้งอยู่ข้างๆและเหมือนเธอจะอยู่บนเตียงด้วย...
"ฉันกลับมาแล้วหรอ"
กริ๊ง!!!
เสียงนาฬิกาปลุกเพื่อให้คุณหมอเดินไปหาอะไรทานรองท้องและลุกขึ้นมานั่ง ปกติคุณหมอมีความเครียดสูง เธอมักจะตื่นเวลาเดิมๆและไม่สามารถนอนต่อได้ ไมอาร์เป็นโรคนอนไม่หลับ หรือ (Insomnia) ซึ่งเกิดจากความเครียด ถือเป็นอาการนอนหลับผิดปกติ ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและปรับปรุงกิจวัตรการนอนที่ดีต่อสุขภาพ แต่ไม่ว่าพยายามอย่างไร คุณหมอก็ยังรักษาอาการนี้ไม่หาย จึงทำให้คุณหมอตั้งนาฬิกาปลุกกลางดึก ซึ่งมักจะเป็นเวลาเดิมๆที่เธอนอนฝันร้ายจนต้องสะดุ้งตื่นเสมอ...
แม้ไมอาร์เองจะเป็นแพทย์ แต่เธอก็ต้องไปพบจิตแพทย์ด้วยกันเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ อาการฝันผวา และภาวะหยุดหายใจขณะหลับของตนเองอีกอยู่ดี กินเวลามานานเกือบ 5-6 ปีแล้วนับตั้งแต่สมัยเรียนจบจากคณะแพทย์ใหม่ๆ
"ตอนนี้กี่โมงแล้ว..."เพราะฤทธิ์ของยานอนหลับชนิดรุนแรงที่คุณหมอทานไปก่อนนอน ทำให้ร่างบางเสียการทรงตัว ร่างกายเวลาก้าวเดินเกือบจะเอียงเป็น 45 องศาเมื่อวัดกับพื้น ไปยังนาฬิกาที่วางไว้บนลิ้นชัก...
23.40
คุณหมอตาปรือตาขึ้นมามองนาฬิกาที่ตั้งเอาไว้ เธอยังรู้สึกง่วงมากๆเลย...
ยังไม่เที่ยงคืนเลยหรือ--
ทุกอย่างก่อนหน้านี้มันจบลงแล้วหรอ...
คุณหมองอแงมากแต่ไม่กล้าที่จะหลับลงต่อ เพราะว่าถ้าหลับแล้วจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาในห้องของตนเองอีก...เวลาของโลกปัจจุบันผ่านไปเพียง 1 ชั่วโมง เพราะคุณหมอเริ่มนอนตอน 22:00 น... เธอจำเวลานอนของตนเองได้แม่นยำเสมอ
ตีความได้ง่ายๆว่า 3 อาทิตย์ของที่นู่น เทียบเท่ากับ 1 ชั่วโมงในชีวิตจริงของคุณหมอ... ทุกอย่างดูปกติดีแล้วคุณหมอก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไร---
แมวตัวอ้วนของเธอก็ยังคงนอนอยู่บนข้างๆหมอนใบฟูๆ ที่คุณหมอซื้อมาใหม่เพื่อรองกระดูกหลังที่ชอบรวดร้าวจากการทำงานหนัก มันหลับสบายและอ้วนท้วนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของไปเจออะไรมาบ้าง...
"ชะพลู---นังหมูขน! ลงไปนอนข้างล่างนู่น"
คุณหมอเรียกจิกแมวคุณนายของตัวเอง นี่ถ้าไม่ติดว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้ก็คงจะอุ้มมานอนด้วยกัน แต่ดูท่าแล้วแมวมันคงจะสบายเกินไปหน่อย ชะพลูถึงไม่ยอมขยับตัวไปไหนเลย กลับนอนขวางที่นอนของเธอราวกับเป็นเจ้าของ คุณหมอเลยต้องทำให้เจ้าเเมวอ้วนรู้ว่าใครเจ้านาย...ใครเป็นสัตว์เลี้ยง...
แต่ใครจะไปทำลงกันล่ะ...เห็นหน้ามันก็ดุไม่ลงแล้ว ให้ตายสิ...
"เออ..ไม่ไปข้างล่างก็ไม่ต้องไป"
คุณหมอถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ พอดุมันไปแบบนั้น มันก็หันหน้ามามองเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น แต่จริงๆแล้วแมวก็ฟังภาษาคนไม่ออกอยู่แล้วนี่นา....
เดี๋ยวนะ....
ทำไมเวียนหัวอีกแล้ว
รู้สึกเหมือนกำลังจะวูบหลับอีกรอบ--- ไม่นะ!
คุณหมอพยายามเอาขวดน้ำด้านข้างมาเทใส่หน้าตัวเอง ลืมนึกไป เมื่อก่อนหน้าที่เธอจะล้มตัวลงนอน คุณหมอได้กินยานอนหลับชนิดรุนแรงเข้าไป ทำให้หลับข้ามวันได้เลยทีเดียว และในตอนนี้มันก็กำลังส่งผลอย่างมากต่อการทรงตัวของคุณหมอด้วย...
หญิงสาวเดินปัดไปปัดมา ไม่สามารถยืนเป็นเส้นตรงได้ มีอาการเวียนหัวพะอืดพะอมเหมือนจะอาเจียน แต่ขาทั้งสองข้างกับอ่อนแรงเหลือเกิน เปลือกตาหนักอึ้ง สั่นไปหมดเมื่อพยายามฝืนกล้ามเนื้อดวงตา เพื่อที่จะลืมตามองไปรอบๆห้อง สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายมาก ตัวของคุณหมอค่อยๆล้มและเซลงบนที่นอน ศีรษะสวยกระแทกหมอนอย่างแรง จนรู้สึกชาราวกับมีโซดาไหลเวียนอยู่ในหัว เสียงในหูของคุณหมอแตกพร่า เหมือนลำโพงเสีย แม้กระทั่งเสียงของแมวด้วย ตอนนี้คุณหมอไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย แม้กระทั่งการขยับริมฝีปาก...
"ไม่นะยังไม่อยากกลับ!"
คุณหมอรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น หัวสมองเริ่มเห็นภาพสลับไปสลับมาระหว่างพระราชวังในความฝัน ภาพของชุดแต่งกายแบบโบราณ กับภาพของห้องนอนของคุณหมอซึ่งมีแมวตัวน้อยนอนอยู่ข้างๆด้วย ทำให้คุณหมอพยายามตะเกียกตะกายตบหน้าตัวเอง เอาปากกาบริเวณหัวเตียงมาแทงเข้าที่แขน แต่ความเจ็บปวดนั้นไม่มากพอ คิดจะลุกไปอาบน้ำ แต่คุณหมอกลับไม่มีแรงมากพอที่จะทำแบบนั้น...
"เมี้ยว!!"
ชะพลูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างของเจ้านาย.....มันเลยเดินมาคลอเคลียฉันพร้อมกับเอาหัวแนบและนอนลงที่ตักอย่างเป็นห่วง....ถึงแม้มันจะรู้ว่าตัวมันเองเป็นแค่แมว และขนนิ่มๆที่ถูบริเวณหน้าขาไปมานั้น ไม่สามารถดึงสติของฉันออกมาจากฤทธิ์ยานอนหลับที่รุนแรงนั้นได้ก็ตาม...
เมี้ยว....
เสียงของชะพลูที่นอนอยู่บนตักดึงสติของฉันเอาไว้ได้แต่ก็เหมือนว่าจะไม่นาน....ทุกอย่างเริ่มหมุนเป็นวงกลมตัดภาพสลับไปมาระหว่างพระราชวังโบราณที่เธอเพิ่งจะตื่นขึ้นมา กับภาพปัจจุบันที่ตอนนี้คุณหมอ พยายามจะรั้งช่วงเวลาเอาไว้ให้ได้นานที่สุด
วิ้ง...
ภาพเริ่มเบลอ ไมอาร์เริ่มได้ยินอะไรไม่ชัด คุณหมอใช้สติเฮือกสุดท้ายของตัวเอง หันไปสำรวจรอบห้อง สิ่งเดียวที่เธอต้องการจะแน่ใจก็คือ แมวของเธอต้องมีอาหารกินถ้าเธอไม่ตื่นขึ้นมา...ชีวิตของเธอไม่เคยเหลือใคร คุณแม่ของเธอเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ก่อนที่เธอจะสอบเข้าได้ซะอีก ส่วนคุณพ่อของเธอที่เป็นคนออสเตรเลีย เขาก็แค่มาหลอกฟันแม่เธอเท่านั้น พ่อแม่ของเธอท้องคุณพ่อของเธอก็หนีกลับประเทศไปอยู่กับครอบครัวทันที ทิ้งให้เธออยู่กับแม่อย่างยากลำบากมาตลอด ดังนั้นชีวิตของคุณหมอในตอนนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากแมวตัวเดียว...
จะเป็นจะตายไม่รู้ แต่แมวต้องรอด..
ติ้ด
ติ้ด....ติ้ด..
คุณหมอกดตั้งค่าเครื่องให้อาหารแมวอัตโนมัติ ที่ตัวเองซื้อมาราคาเหยียบครึ่งหมื่น ดีที่มันเสียบปลั๊กไว้ตลอด และไฟในห้องคงไม่ถูกตัดต่อให้เธอหลับไปนานแค่ไหนแมวของเธอก็จะไม่อดอยาก...
"ชะพลูฉันขอโทษ...."
เมี้ยว
มันร้องรับยังไม่เข้าใจ แต่เห็นจากท่าทีที่เจ้านายของมันโอนเอนไปมา เหมือนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่...มันก็ได้แต่ส่งเสียงร้องพยายามใช้เท้ากลมๆสองข้างที่เต็มไปด้วยขนนุ่มฟูสีเทานวดกดขาคุณหมอไปมา เหมือนพยายามจะช่วยอีกแรง แต่แรงกดจากเท้านุ่มนิ่ม 2 ข้างนั้นไม่มากพอที่จะดึงสติคนน็อกยานอนหลับได้---
"ฉันไม่ไหวแล้ว...."
คุณหมอพยายามฝืนเปลือกตา แต่ว่าไม่สามารถทำได้ ยิ่งพยายามฝืน คุณหมอก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองยิ่งจมลงไปในหมอน....
มันยังไม่จบหรอ...ฉันต้องทำอะไร???
