บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

ส่วนคนที่ไม่รู้เรื่องราวใดๆ นั้น นาตาเซียสาวสวยดวงตาคมเข้มฉบับสาวแขกลูกครึ่งบรูไน-ฝรั่งเศส วัยยี่สิบสี่ปี เดินยิ้มอย่างสบายใจ หลังจากเสร็จธุระเรื่องเรียนต่อของตัวเองที่อิตาลีแล้วแม้จะมาแค่ไม่กี่วันก็ตามที เพราะทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง นาตาเซียนั้นสนใจเรื่องออกแบบเครื่องประดับเป็นพิเศษ หญิงสาวชื่นชอบทองคำเป็นที่สุด ใฝ่ฝันว่าอยากเข้าไปเป็นคนออกแบบให้ที่บริษัทของพ่อ แต่ยังขาดประสบการณ์อยู่มาก ชั่วโมงบินน้อยเมื่อเทียบกับนักออกแบบคนอื่นๆ จึงเลือกที่จะมาฝึกงานกับร้านจิวเวลรี่ชื่อดังและเรียนต่อด้านนี้เพิ่ม

ทุกอย่างก็ดูจะลงตัวเรียบร้อย รอเพียงวันเข้าเรียนเท่านั้น ขณะที่กำลังเดินเที่ยวดูรอบๆ เมืองซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่มาเยือน จึงพอคุ้นชินกับเส้นทาง เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวก็ดังขึ้น นาตาเซียควานหาในกระเป๋าหนังสีดำใบใหญ่สักพักก่อนจะหยิบออกมากดรับสาย

“ค่ะแม่” นาตาเซียเอ่ยทักเป็นภาษาไทยสำเนียงหวาน เพราะรู้ว่าแม่เข้าใจความหมายนั้นดี

“สรุปลูกแม่ได้ที่เรียนแล้วหรือยังจ๊ะ” ในเมื่อลูกสาวเอ่ยเป็นภาษาไทย ดารียะห์ก็ตอบกลับเป็นภาษาไทยบ้าง เรื่องนี้ต้องยกความดีให้ละออ แม่นมของนาตาเซียที่คอยสอนภาษาไพเราะแบบนี้ให้เธอและลูก แต่บางครั้งถ้าอยู่พร้อมกันหลายคน ภาษาที่ใช้สนทนาก็มีมากกว่าหนึ่ง ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจกันดี

“ได้แล้วค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับ

“ได้แล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน แม่คิดถึง”

“อะไรกันคะ หนูเพิ่งบินมาถึงโรมแค่ไม่กี่วันเอง แม่คิดถึงแล้วเหรอ กอดพ่อแทนได้หรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ยออดอ้อน ก่อนจะมองเวลาบนนาฬิกาเพราะเวลาที่โรมกับบ้านที่บรูไนต่างกันไม่กี่ชั่วโมง ถ้าที่นี่ค่ำๆ ที่บ้านเธอตอนนี้ก็น่าจะประมาณเที่ยง

“มันไม่เหมือนกัน หนูกลับมาก่อนกำหนดได้หรือเปล่า แม่จะพาไปที่ที่หนึ่ง”

“ที่ไหนคะ” คนฟังออกอาการงงเล็กน้อย ตอนนี้หญิงสาวตาคมกำลังเดินเข้าไปในร้านจิวเวลรี่แห่งหนึ่ง สนอกสนใจลวดลายของเครื่องประดับเป็นพิเศษ

“เมืองไทย”

“ให้นมไปด้วยได้หรือเปล่าคะแม่”

“ทำไมต้องเอาละออไปด้วยล่ะลูก เราไปกันแค่สามคนพ่อแม่ลูกนะ”

“แต่นาตาเซียอยากให้นมกลับบ้านด้วยนี่คะ นะคะแม่”

“นาตาเซีย อย่ามาทำตัวเป็นเด็กนะลูก”

“ถ้านมไม่ไป หนูก็ไม่ไป” นาตาเซียเอ่ยยื่นคำขาด เธอไม่รู้เหตุผลหรอกว่าทำไมแม่นมของเธอถึงได้มาอยู่ที่บรูไนแล้วไม่ยอมกลับเมืองไทยเลย ครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสดีที่ละออจะได้กลับบ้านก็เป็นได้ แถมค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องเสีย เพราะพ่อต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปแน่นอน

“อย่าพูดแบบนั้นกับแม่นะ” ดารียะห์ชักสีหน้าให้นิดหน่อย ถ้าลูกสาวอยู่ใกล้มือป่านนี้เธอจะหยิกให้ตัวเขียวเชียว

“หนูขอร้องแล้วกันนะคะ ถ้านมไม่ไป หนูก็ไม่ไปเมืองไทยอะไรนั่นเด็ดขาด” แม้จะขอร้อง แต่ลงท้ายก็เป็นคำขู่แบบอ้อมๆ อยู่ดี

“ก็ได้ แต่ถ้าละออไม่ไป แม่ก็คงบังคับเขาไม่ได้นะ”

“ขอบคุณค่ะ แม่ของนาตาเซียสวย น่ารักที่ซู้ดเลย” ปลายสายเอ่ยชม ดารียะห์จึงยิ้มให้ก่อนจะวางสายไป ความน่ารักน่าหยิกแบบนี้นาตาเซียมักจะมีให้เธอเสมอ ตั้งแต่ครอบครัวเธอสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักไป นาตาเซียก็คอยเติมเต็มให้ตลอด

“มูนา...ไปตามละออมาพบฉันหน่อย” สาวใช้พยักหน้าให้กับคำสั่งนั้น ก่อนจะเดินเลี่ยงมายังหลังบ้านเพื่อเรียกคนที่นายผู้หญิงต้องการพบให้เข้าไปหา ละออเมื่อรู้ก็ละมือจากงานที่ทำอยู่เดินเข้ามาพบดารียะห์ในห้องรับแขกทันที

“คุณผู้หญิงเรียกละออเหรอคะ”

“ใช่ ฉันจะไปเมืองไทย ละออต้องไปด้วย” ดารียะห์เอ่ยคำขาดแบบไม่ให้ละออได้คิดหรือตัดสินใจอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าละออไม่ไปแผนเธอก็พังกันพอดี

“เมืองไทย ดิฉันไม่อยากไปค่ะ” ละออเอ่ยปฏิเสธทันที เพราะตั้งแต่ก้าวออกมาจากเมืองไทย เธอก็ไม่คิดที่จะกลับไป ถึงที่บรูไนไม่ใช่ที่เกิดแต่จะเป็นที่ตายของเธอ

“นี่คือคำสั่งละออ เพราะถ้าเธอไม่ไป นาตาเซียก็ไม่ไป ฉันล่ะปวดหัวกับเธอสองคนจริงๆ ใครเป็นแม่ตัวจริงกันแน่นะ” ว่าแล้วดารียะห์ก็ถอนหายใจออกมา เธอดูออกว่าสองคนนี้ผูกพันกันมาก เพราะละออเลี้ยงลูกของเธอมาตั้งแต่พวกแกเกิด แม้ไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดแต่ก็คงเหมือนเข้าไปทุกขณะ

“ทำไมคุณผู้หญิงต้องไปเมืองไทยคะ?” หัวใจของหญิงวัยย่างเข้าห้าสิบปีเอ่ยถาม เพราะตั้งแต่เธอนั้นมาอยู่ที่บรูไนจนป่านนี้ไม่เคยได้ยินว่าดารียะห์จะไปที่นั่นสักครั้ง

“เอาเถอะน่า อย่าถามให้มากความ เตรียมตัวไว้ด้วย ถ้านาตาเซียกลับมาเมื่อไหร่ เราจะไปกันตอนนั้นเลย” ดารียะห์เอ่ยสั่ง ก่อนจะลุกกลับออกไปจากห้องรับแขก ขอเอนหลังสักหน่อย บ่ายๆ ตื่นขึ้นมาดื่มชา ชีวิตของดารียะห์ดูสุขสบายจนไม่ต้องหยิบจับอะไรด้วยซ้ำ

เมื่ออยู่ตามลำพัง ละออก็นั่งก้มหน้านิ่ง ถอนหายใจออกมาหนักๆ ถึงจะไม่อยากกลับบ้านเกิด แต่ครั้งนี้คงขัดไม่ได้จริงๆ เพราะดูท่าทางดารียะห์จะไม่ยอมแน่นอน ในเมื่อไม่มีทางเลือกก็คงต้องกลับ เมืองไทยออกจะกว้างคงไม่เจอใครง่ายๆ หรอก ละออเดินเหมือนคนกังวลมากกลับมาที่ห้องพัก เธอหยิบกล่องเหล็กในลิ้นชักโต๊ะออกมา ข้างในมีสิ่งสำคัญอยู่ นั่นคือรูปแรกเกิดของลูกชาย ตอนที่เธอจากมาเขาอายุเพียงสองวันเท่านั้นเอง ข้างๆ คือรอยเท้าของเขา สิ่งนี้คือสิ่งที่เธอใช้เป็นตัวแทนคนที่เธอรัก

“ลูกแม่จะโตแค่ไหนแล้ว แม่กลัวเหลือเกินที่จะกลับไป” น้ำตาของความกลัวไหลออกมาจากดวงตาของเธอ ละออก้มหน้านิ่ง ใช้มือที่เหี่ยวย่นเพราะอายุที่มากขึ้นสัมผัสรูปวัยทารกและฝ่าเท้าลูกชายเบาๆ เธอจากเมืองไทยมาก็นานเท่าอายุลูกชายตอนนี้ ถ้าสวนกันกลางถนนเธอไม่มีทางจำใบหน้าเขาได้เป็นแน่

“แม่รักลูกนะ” ละออเจ็บปวดที่เธอไม่สามารถอยู่เลี้ยงลูกได้ แม้แต่ชื่อของลูกชายเธอยังไม่รู้ เพราะเวลานั้นด้วยความตื่นเต้นจึงยังไม่ได้คิดว่าจะให้เด็กชายตัวน้อยชื่อว่าอะไร ความรู้สึกของการให้นมเกิดขึ้นเพียงสองวัน แต่สายใยของแม่ลูกมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่ลูกชายเธอเกิดในท้องจนถึงตอนนี้ และจะตลอดไปจนเธอสิ้นลมหายใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel