กระชากรักนางซิน

84.0K · จบแล้ว
บุษบาบัณ/นศามณี
47
บท
7.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ศศิกาญจน์ หนีลูกชายของแม่เลี้ยงที่จ้องจะงาบเธอด้วยความกระหืดหระหอบจนเกือบถูกรถชน ไม่สิ! เธอหลอกชายหนุ่มเคราะห์ร้ายเจ้าของรถว่าเธอถูกเขาชนจะได้พ้นภัย นี่คงเป็นพรหมลิขิตหรือเพราะหลังแห่งจักรวาลที่ดึงคนที่เป็น ‘เนื้อคู่’ มาเจอกันละมั้ง...เพราะนอกจาก จะได้เขาช่วยไว้จากเหตุอันตราย พ่อเลี้ยงจอมทัพ ยังเป็นเจ้าของไร่ทับตะวันที่เธอกำลังจะไปสมัครงานอีกด้วย ผู้จัดการไร่ คือตำแหน่งที่เธอเล็งไว้แต่แรก แต่ไหง...พ่อเลี้ยงเจ้าเล่ห์ ขี้เก็ก มาดกวน ถึงได้เอาคืนเธอด้วยการมอบตำแหน่งงานที่ไม่ได้สมัคร ถูกเขาสั่งการพร้อมเสนอเงินเดือนให้ในฐานะ ‘เมียกำมะลอ’ และงานแรกของเมียกำมะลอก็คือ การเป็นคู่ซ้อม...ซ้อมการเป็นเมียจริงๆ ที่น่าจะได้เลื่อนขั้นในอีกไม่กี่วันนี้! “จะดิ้นทำไม” “ปล่อยค่ะ ไม่ต้องกอดฉันแนบแน่นแบบนี้ก็ได้ เพราะในห้องนี้ไม่มีคนสักหน่อยนอกจากคุณกับฉัน” “อย่าดิ้นสิคุณ ดิ้นไม่หยุดเลย เป็นผัวเมียกันแล้ว เขาต้องกอดกัน แล้วนี่คุณดิ้นเหมือนลูกไก่ถูกงูรัดแบบนี้ คุณคิดว่าจะมีใครเชื่อไหมว่าคุณเป็นเมียผมจริงๆ” ดวงหน้าสวยหลับตาข่มอารมณ์โกรธ ในเมื่อที่เขาพูดมา มันก็มีเหตุผล “เอ่อ...แต่ตอนนี้ ไม่มีใครเห็นนี่คะ” “มันก็ต้องซ้อมไว้ก่อน ถึงเวลาจะได้ไม่เขิน เดี๋ยวถูกจับได้ว่าเราสองคนไม่ใช่ผัวเมียกันจริงๆ” “แน่ใจนะคะ ว่านี่คือการซ้อม” “แต่จำไว้ว่า ผมจ้างคุณเดือนละแสน ครั้งต่อไป ถ้าผมต้องกอดคุณ คงรู้นะว่าต้องกอดตอบ ไม่ใช่แบบนี้ คุณอ่อนซ้อมแบบนี้ ระหว่างนี้ ผมคงต้องเป็นคู่ซ้อมบทผัวเมียให้คุณบ่อยๆ แล้ว” “คู่ซ้อม” หญิงสาวมองหน้าเขาสายตาหวาดหวั่น “ใช่ คู่ซ้อม”

นิยายรักโรแมนติกทหารผู้ชายอบอุ่นแต่งงานสายฟ้าแลบสัญญาทางรักปลูกผักพระเอกเก่งมาเฟีย

ตอนที่ 1-1 นางซินในสวนผัก

สวนผักนางซิน

ผู้คนที่สัญจรไปมา หากไม่ใช่คนในพื้นที่มักจะเหลียวหลังเพื่อหันกลับมาอ่านป้ายไม้สี่เหลี่ยมหน้าสวนผักขนาดยี่สิบไร่ อย่างนึกเดาไม่ถูก ว่าเหตุใดเจ้าของไร่ถึงตั้งชื่อว่า

‘สวนผักนางซิน’

ทว่า ‘ซอ หรือ ศศิกาญจน์’ หญิงสาววัยยี่สิบสองปี ที่เพิ่งผ่านรั้วมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังในจังหวัดมาเมื่อไม่กี่สัปดาห์นั้นรู้ที่มาที่ไปเรื่องนี้ดี เพราะ ‘ศรีนวล’ มารดาที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน เล่าให้ฟังว่าตอนที่ท่านกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ได้ฝันว่า ขณะกำลังเก็บกวางตุ้งและผักคะน้าบนพื้นที่กว่าห้าไร่ เพื่อรอส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่เข้ามารับซื้อถึงในไร่ แต่กลับมีรองเท้าแก้วข้างหนึ่งตกลงมากลางสวนผัก ปรากฏแสงระยิบระยับราวกับรองเท้าแก้วของนางซิน นิทานที่ศรีนวลมักจะเล่าให้ลูกน้อยในครรภ์ฟังก่อนนอน นางจึงเก็บรองเท้าแก้วนั้นขึ้นมา

เมื่อตื่นจากความฝัน ศรีนวลนำไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง ได้รับการตีความว่า นางจะได้บุตรสาวที่นำโชคมาให้ ศรีนวลที่ไม่คุ้นเคยกับการพนัน มีนิสัยประหยัด มัธยัสถ์ จึงยอมเจียดเงินส่วนหนึ่งไปซื้อหวยรัฐบาลหนึ่งใบ แล้วก็แทบช็อกเมื่อพบว่าตนเองถูกรางวัลที่หนึ่ง

ทำให้พื้นที่ปลูกผักเลี้ยงชีพจำนวนห้าไร่เศษที่ได้รับมาเป็นมรดกถูกพัฒนากลายเป็นพื้นที่ปลูกผักกว่ายี่สิบไร่จากเงินก้อนนั้น ส่วนที่เหลือ ศรีนวลและสามีได้ฝากเข้าธนาคารเอาไว้เป็นทุนการศึกษาให้แก่บุตรในครรภ์ที่มั่นใจว่าจะต้องเป็นลูกสาว และก็เป็นจริงอย่างที่คาดไว้

ช่วงวัยเด็ก ศศิกาญจน์มีความสุขมากที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสามคนพ่อแม่ลูกในบ้านสวนสไตล์วิลเทจที่แวดล้อมไปด้วยผักกว่ายี่สิบชนิด จนกระทั่งสามปีก่อน ความสุขของเธอก็เริ่มจางหายกลายเป็นความอึดอัดใจเข้ามาแทนที่ เมื่อแม่ของเธอเสียชีวิตกะทันหันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และบิดาของเธอก็ได้พบรักใหม่กับ ‘นวลปราง’ แม่หม้ายสาวสวยที่มีลูกติดหล่อเหลา

และเวลานี้ ‘นายณรงค์’ ผู้เป็นบิดาพาสองคนแม่ลูกเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวเดียวกันกับเธอได้ราวหกเดือนเศษแล้ว เป็นหกเดือนที่ศศิกาญจน์รู้สึกอึดอัดใจ

เช้านี้ก็เช่นกัน บัวแดงบานชูช่อรอรับแสงแดดยามเช้าตรู่ พื้นที่หน้าบ้านราวสองงานเศษมีแปลงผักคะน้า ผักกวางตุ้ง และพืชผักสวนครัวพื้นบ้านอีกหลากหลายชนิด ซึ่งมีผลผลิตเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงทุกชีวิตและกำลังจะกลายเป็นรายได้หลักของครอบครัว ทดแทนเงินเดือนเกษตรอำเภอของผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่จะเกษียณในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เสียงร้องกะต๊ากๆ จากกรงไก่พันธุ์ไข่ที่กำลังออกไข่และรอคอยอาหารดังมาจากหลังบ้าน เป็นสัญญาณว่าบุตรสาวคนเดียวของครอบครัวได้เข้ามาเก็บไข่และให้อาหารพวกมันเหมือนทุกๆ วันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หญิงสาววางตะกร้าไม้ไผ่สานใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยไข่ไก่ขนาดมาตรฐานลง ข้างๆ กันมีบรรดาพืชผักสวนครัวอีกหลายตะกร้าที่เธอเก็บมาไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อจัดเตรียมไว้รอพ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อถึงหน้าสวน ผักที่สวนนางซินนั้นนอกจากปลอดสารพิษแล้วยังสวย เพราะได้รับการดูแลอย่างดี พ่อค้านำไปส่งที่ตลาดไทและสี่มุมเมืองเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย

ไม่นานนัก บิดาของเธอก็เดินออกมาพร้อมกับภรรยาใหม่ที่ควงแขนเดินขนาบข้างเขาไม่ห่าง

“เหนื่อยไหมซอ พ่อบอกแล้วไง งานพวกนี้เป็นหน้าที่ของคนงาน ซอไม่จำเป็นต้องทำก็ได้นะลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย ถึงจะมีภรรยาใหม่ แต่ความรักที่มีต่อลูกสาวคนเดียวอันเกิดจากภรรยาคนแรกก็ไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลย

“ค่ะพ่อ วันนี้ ผักงามมาก และคนงานก็ยุ่งจนไม่ได้พักเลย เพราะพ่อค้าที่มารับผักเพิ่มออเดอร์ผักคะน้ากับผักกวางตุ้ง มากกว่าเดิมถึงสามเท่า คงเป็นเพราะใกล้ตรุษจีนค่ะ” เครื่องหน้างดงามสวยหวานที่เลือกจะรับสิ่งดีๆ จากบิดาและมารดาไปรวมไว้ที่ตนจนหมดหันมายิ้มอ่อนกับบิดา ขณะที่กำลังนั่งจัดแจงพืชผักใส่ถุงอย่างเป็นระเบียบอย่างชำนาญ

“ดีจ้ะหนูซอ หัดขยันเอาไว้ ผักสวยแบบนี้เราต้องได้ราคาดีแน่เลย” แม่เลี้ยงกล่าวยกยอลูกเลี้ยงคนสวยอย่างเอาใจ ซึ่งแตกต่างกับเวลาที่พ่อของเธอนั้นไม่อยู่อย่างสิ้นเชิง

“ค่ะน้าปราง” เสียงตอบรับสั้นๆ เป็นการรักษามารยาท ทั้งที่ความจริงไม่อยากจะมองหน้าหรือเสวนาด้วยซ้ำ

ส่วน ‘กร หรือ กรวิชญ์’ ลูกติดของน้าศรีนวลที่เดินตามเข้ามาร่วมวงสนทนาก็รีบรุดเข้ามานั่งใกล้ๆ ร่างสวยหวาน น่ากินราวขนมปุยฝ้าย

ชายหนุ่มรีบคว้าบรรดาถุงผักที่อยู่ในมือหญิงสาวมาช่วยอย่างกุลีกุจอ ในมุมมองจากที่บิดายืนอยู่เห็นศศิกาญจน์สะดุ้งเล็กน้อยและดูเหมือนจะกำลังยื้อแย่งถุงผักกับกรวิชญ์ แต่ในความเป็นจริง ใต้ถุงผักนั้น มือของกรวิชญ์ ไอ้พี่เลี้ยงที่จ้องจะงาบน้องเลี้ยงแสนสวยอยู่ทุกวินาทีกำลังเกาะกุมมือของเธอไว้

“ปล่อยนะพี่กร”

กรวิชญ์ไม่กล้าบุ่มบ่าม เพราะมีพ่อเลี้ยงแสนดีอย่างนายณรงค์ ที่เขารอวันจะเปลี่ยนสถานะให้เป็นพ่อตายืนอยู่ด้วย แม้ว่าเข้าใกล้น้องเลี้ยงที่ไรแล้วรู้สึกมันเขี้ยว อยากจะฟัดให้จมเขี้ยวทุกที อีกทั้งมารดาของเขาก็คอยบอกเสมอว่า อย่างไรเสีย ศศิกาญจน์ก็ไม่มีวันรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปอย่างแน่นอน กรวิชญ์จึงยอมคลายมือออก

“ก็พี่กลัวซอเหนื่อย แค่อยากจะช่วย”

ศศิกาญจน์จ้องหน้าชายหนุ่มด้วยสายตารู้ทันและไม่ชอบใจ แต่ที่ยังไว้หน้า ไม่ด่าออกมาเพราะเกรงใจบิดาที่ให้ความรักและเอ็นดูสองคนแม่ลูกนี้มาก

ทันทีที่มือของเธอหลุดจากการเกาะกุมได้ ดวงตากลมโตก็จ้องมองพี่เลี้ยงของเธออย่างเอาเรื่อง และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามีพฤติกรรมล่วงเกินแบบนี้

“เขียว บ่ายนี้ คุ้มวิมานให้ไปส่งผักคะน้า กวางตุ้ง ตั้งโอ๋ อย่างละยี่สิบกิโลฯ อย่าลืมให้คนงานเอาไปส่งให้เขาด้วยนะ”

“ครับคุณณรงค์” หัวหน้าคนงานวัยสี่สิบเศษค้อมรับคำสั่งเจ้าของสวนผักแล้วเดินแยกออกไป

ในจังหวะที่นายณรงค์เผลอหันไปพูดสั่งงานกับหัวหน้าคนงานที่เดินผ่านมา กรวิชญ์ก็ได้โอกาสโน้มร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบลงไปกระซิบข้างใบหูเล็กๆ ของน้องเลี้ยงที่เขานึกอยากจะขบกัดติ่งหูสาวเจ้าเล่นนัก

“มองพี่ตาดุแบบนี้ อยากเป็นแม่หรืออยากเป็นเมียพี่ล่ะจ๊ะ น้องซอคนสวย แต่แม่พี่มีแล้ว เหลือแต่ตำแหน่งเมียที่พี่กำลังรอให้น้องซอมารับตำแหน่ง”

ดวงหน้าสวยตกตะลึง กำมือแน่น ไม่คิดว่านับวัน ปลิงสองแม่ลูกยิ่งย่ามใจ แม้บิดาจะยืนอยู่ตรงนี้ก็ตาม “ไอ้ปากสวะ”

นวลปรางหันมาเห็นดังนั้นจึงรีบแทรกเพื่อตัดบท

“หนูซอให้พี่กรเขาช่วยยกถุงผักดีกว่านะลูก พี่เขาก็แค่ห่วงหนู ไม่อยากให้ทำงานหนัก” ก่อนจะหันไปชี้ชวนสามีคุยต่อเพื่อเบี่ยงประเด็น “พี่น้องคู่นี้น่ารักน่าเอ็นดูนะคะ คุณพี่” น้ำเสียงออดอ้อนชี้ชวนให้สามีเห็นดีเห็นงามด้วยกับเธอ

“จริงอย่างที่แม่ปรางเขาว่า ซอให้พี่เขาช่วยเถอะลูก อุตส่าห์มีน้ำใจ” ผู้เป็นพ่อหันไปยิ้มหวาน เออออห่อหมกกับภรรยาใหม่ แล้วหันมาบอกบุตรสาวให้ทำตามคำแนะนำของนวลปราง เพราะไม่เคยรับรู้ว่า ลับหลัง ไอ้ลูกเลี้ยงที่ท่านวางใจคิดว่าเป็นสุภาพชนนั้น จะทำตัวเป็นหมาป่าล่าเนื้อ หาโอกาสแทะเล็มกินเนื้อสมันน้อยอย่างเธอตลอดเวลา ทว่าถึงแม้ศศิกาญจน์จะมีรูปร่างบอบบาง อ้อนแอ้น แต่กลับรู้หลบรู้หลีก หาทางเอาตัวรอดได้เสมอ

หญิงสาวถอนใจ ลอบเบะปากใส่ไอ้คนหื่นตรงหน้า

“ถ้าอย่างนั้น ซอไม่ขัดศรัทธา ฝากพี่กรทำต่อเลยละกันนะคะ ซอขอตัวไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวไปสัมภาษณ์งานไม่ทัน” น้ำเสียงแข็งกร้าวกล่าวอย่างไม่พอใจในพฤติกรรมของเขานัก