ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
“คุณพ่อคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกเหรอคะ” พรรษกรถามบิดาเมื่อท่านยังไม่พูดอะไรตั้งแต่แม่เลี้ยงออกไป
“ลูกก็รู้ว่าบ้านเรากำลังประสบปัญหาการเงิน”
“เกรซทราบดีค่ะ แล้วเกรซก็พยายามจะหางานที่ได้เงินเยอะๆ มาแบ่งเบาภาระทางบ้าน แต่ก็…” พรรษกรไม่พูดอะไรต่อทั้งที่อยากพูด เพราะกลัวจะทำให้ทะเลาะกับบิดา ที่ตอนนี้เธอรู้ดีว่าบิดากำลังเครียดกับปัญหาที่เกิดขึ้น
“เป็นนักแสดง มันจะได้สักเท่าไหร่กัน!” คนเป็นพ่อฟังแล้วก็หงุดหงิดเลยโต้กลับไปเสียงแข็ง
“แต่ก็ดีกว่าเราอยู่เฉยๆ นะคะคุณพ่อ”
“พอที! แล้วไม่ต้องไปแอบแคสงานที่ไหนอีก เพราะอีกไม่นานแกจะไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ”
“ที่คุณพ่อพูด หมายความว่าไงเหรอคะ”
“ก็เรื่องหนี้สินที่ครอบครัวเรากำลังประสบปัญหา มีคนยื่นมือมาช่วยเหลือแล้ว”
“คุณพ่อไปกู้เงินเหรอคะ” พรรษกรย้อนถามอย่างแปลกใจ
“พ่อไม่ได้กู้ แต่คนทางนั้นเขาให้”
พรรษกรฟังแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าใครจะใจดีให้เงินฟรีๆ “เขาที่ว่าเป็นใครเหรอคะคุณพ่อ”
“ก็คนรู้จักนี่แหละ แต่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เผอิญเขาได้รู้เรื่องครอบครัวของเรา เขาก็เลยยื่นมือเข้ามาช่วย”
“แล้วทำไมคุณพ่อต้องบอกว่าเกรซจะไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ด้วยคะ”
คนเป็นพ่อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบลูกสาว “เพราะทางนั้นเขามีข้อแลกเปลี่ยนนิดหน่อย”
พรรษกรฟังแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ คิดอยู่แล้วว่าคนช่วยคงหวังผลอะไรบ้าง ไม่งั้นคงไม่ยื่นมือมาช่วย
“แล้วทางนั้นเขามีข้อแลกเปลี่ยนอะไรเหรอคะคุณพ่อ”
“เขาอยากให้แกแต่งงานกับเขา แล้วพ่อก็ตอบตกลงไปแล้ว”
“คุณพ่อ!” พรรษกรตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดไม่ฝันว่าต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายแบบนี้ นี่มันยุคไหนแล้ว จะมาบังคับแต่งงานได้ยังไง
“แกเตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน”
“นี่มันเรื่องใหญ่สำหรับเกรซเลยนะคะ ทำไมคุณพ่อไม่ถามเกรซก่อนคะ”
“ทำไมฉันต้องถามแกด้วย แกเป็นลูก แกจะทำเพื่อครอบครัวไม่ได้หรือไง แล้วแกก็เรียนจบแล้ว ยังจะห่วงอะไรอีก”
“เกรซยังไม่อยากแต่งงานค่ะ”
“แกจะอยากหรือไม่อยาก ยังไงแกก็ต้องแต่ง เพราะฉันตอบตกลงกับทางนั้นไปแล้ว แกออกไปได้แล้ว แล้วก็เตรียมตัวให้พร้อม กำหนดแต่งงานของแกคือวันที่เก้าเดือนหน้า” คนเป็นพ่อตัดบทสนทนาด้วยกันหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน ส่วนคนเป็นลูกก็ได้แต่มองคนเป็นพ่อน้ำตาคลอ ก่อนจะลุกแล้วเดินออกไป
กุลจิราที่แอบฟังอยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาหาสามีทันทีที่ลูกเลี้ยงเดินออกไปในสภาพน้ำตาคลอ แม้จะเห็นใจลูกเลี้ยงแต่เพื่อความอยู่รอดของคนอื่นๆ ในครอบครัว ทำให้กุลจิราตัดใจไม่ไปพูดปลอบลูกเลี้ยง อีกทั้งก็โล่งใจที่ไม่ต้องส่งลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองไปแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ แม้สามีจะบอกว่าเป็นลูกชายของเพื่อนก็เถอะ แต่สามีก็บอกว่าไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว ทำให้เธอไม่อยากส่งลูกในไส้ไปเผชิญชะตากรรม ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน เนื่องจากไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับผู้ชายคนนั้น
