บทที่ 3
แม้วันเวลาจะผ่านไปสักแค่ไหน แต่สำหรับรณพีร์แล้วภาพความทรงจำของเขาตั้งแต่เด็กจนโตกลับยังคงชัดเจนเสมอในความรู้สึก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ถูกกลืนหายไปพร้อมเวลาที่เลยผ่าน โดยเฉพาะเรื่องของใครบางคนที่เขาเคยคิดเอาเองว่าเวลาจะช่วยทำให้ลืมทุกเรื่องราวของเธอไปได้ แต่สุดท้ายมันก็เปล่าประโยชน์
ยิ่งพยายามลืมมากเท่าไรภาพความทรงจำนั้นกลับยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น สุดท้ายเขาจึงเลิกพยายามปล่อยเลยตามเลยไปแทน
ชายหนุ่มกลับมาจากอังกฤษได้หลายวันแล้วโดยมีพ่อกับแม่ไปรับที่สนามบิน เมื่อกลับมาถึงก็พบกับร่างบอบบางของขวัญนรียืนยิ้มรอต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้าน ต่างจากพี่สาวของเธอที่คอยแต่จะหลบหน้า ทำให้เขาได้เห็นเธอแค่ผ่าน ๆ เท่านั้น เป็นอย่างนี้หลายครั้งจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวถึงต้องมาหาถึงบ้าน แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง
“ข้าวล่ะครับ ตั้งแต่กลับมาผมยังไม่เจอน้องเลย” คำถามเรียบง่ายดังขึ้นพร้อมกับสายตาคมเข้มที่กวาดมองไปรอบ ๆ บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยมีสภาพน่าอยู่กว่านี้ แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือภาพอย่างที่ว่าให้ได้เห็น นั่นอาจเป็นเพราะวันเวลาที่เปลี่ยน หลายสิ่งก็เลยเปลี่ยนตาม ตัวเขาเองยังเปลี่ยน นับประสาอะไรกับบ้านที่สร้างด้วยอิฐปูน
“พี่ข้าวไปทำงานค่ะ ยังไม่กลับ” ขวัญนรีเป็นคนตอบคำถามนี้แทนมารดาที่เอาแต่นั่งเงียบ ก่อนจะลอบมองท่าทีของพี่ชายคนสนิทไปพร้อมกัน
ยอมรับว่าพี่พีดูดีขึ้นมาก มันทำให้เธอรู้สึกอยากได้เขาเป็นคนรัก ซึ่งมาคิด ๆ ดูแล้วเขาเองก็น่าจะพอมีใจให้เธออยู่บ้าง เพราะตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วที่เขาดูแลเธอเป็นอย่างดี ไม่ว่าเธออยากได้อะไรเขาก็จะหามาให้ไม่เคยบ่น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดบางทีการกลับมาของเขาในครั้งนี้อาจทำให้เธอได้ใส่ชุดเจ้าสาวอย่างที่เคยวาดฝันไว้ก็ได้ใครจะรู้ หญิงสาวคิดอย่างมีความหวัง
ห้าทุ่มโดยประมาณ
“ขอบคุณนะบีมที่อุตส่าห์มาส่งเรา” ขวัญข้าวเอ่ยขอบคุณเพื่อนสนิทที่มักอาสามารับมาส่งกันเป็นประจำทุกวันทันทีที่ถึงบ้าน ไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตเลยสักนิดว่าอีกฝ่ายนั้นมีบางสิ่งแอบแฝงมากับการกระทำของเขาด้วย นั่นเป็นเพราะสำหรับเธอแล้วเขาคือเพื่อนที่ดี
“เรื่องเล็กน้อยน่ะ ดึกแล้วข้าวรีบเข้าบ้านเถอะ จะได้พักผ่อน แล้วเจอกันที่ทำงานพรุ่งนี้นะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้เพื่อนก่อนจะยืนส่งจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหายลับสายตาไปแล้วเธอถึงหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อพบกับร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเข้า ใครบางคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ตรงนี้ เวลานี้ได้
“พี่พี” อารามตกใจทำให้เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกมาเบา ๆ
“ดึกขนาดนี้ไปไหนมา เลิกงานตั้งแต่ห้าโมงไม่ใช่หรือไง แล้วเมื่อกี้ผู้ชายที่ไหนมาส่ง” คำถามที่ยาวเหยียดทำให้เธอสับสนจนไม่รู้ว่าจะตอบคำถามไหนก่อนดี กระทั่งนึกขึ้นมาได้ว่าเธอจะไปไหนมาไหน หรือไปทำอะไรกับใคร มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมานั่งรายงานให้เขารู้ จึงตอบกลับไปด้วยท่าทีเย็นชา
“เพื่อนของข้าวเองค่ะ” ไม่มีคำอธิบายอะไรมากไปกว่านี้ นั่นยิ่งทำให้รณพีร์รู้สึกไม่พอใจที่ ‘น้องสาว’ มองข้ามความสำคัญของเขาไป ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนั้นเขาคือคนที่เธอให้ความสำคัญมากกว่าใครแท้ ๆ
“ถ้าพี่พีไม่มีอะไรแล้วข้าวขอตัวก่อนนะคะ” เพราะเขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ขวัญข้าวจึงตัดบทก่อนจะรีบเดินหนี ติดแต่แค่เพียงขยับต้นแขนกลับถูกคว้าเอาไว้ ทำให้เธอต้องหันกลับไปมองเขาอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“คะ?”
“ของฝาก ส่วนของขวัญพี่ให้ไปแล้ว นี่เป็นส่วนของข้าว” ถุงเล็ก ๆ ที่ดูน่าจะมีราคาถูกยื่นมาให้ ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงดีใจจนเนื้อเต้น แต่วันนี้เวลานี้เธอกลับไม่แม้แต่จะอยากได้อะไรจากเขา
หากจำไม่ผิดครั้งสุดท้ายที่เธอรับของจากเขามันกลายเป็นต้นเหตุทำให้พ่อของเธอต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อของเธอไม่ใช่ความผิดเขา แต่ลึก ๆ ในใจก็อดรู้สึกไม่ได้อยู่ดีว่าถ้าหากวันนั้นเธอไม่รับของจากเขา ไม่แน่ว่าเรื่องร้าย ๆ นั้นอาจจะไม่เกิดขึ้น บางทีพ่อเธออาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ใครจะรู้
“พี่พีเก็บไว้เถอะค่ะ ข้าวไม่อยากได้” เธอตอบกลับไปในขณะที่สายตาไม่ได้ให้ความสนใจกับของฝากของเขาเลยแม้แต่น้อย
