Ep.1
ค่ำคืนนี้มีการฉลองชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ในพระราชวัง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของอดีตศัตรูมาก่อน เขารอโอกาสที่จะโค่นล้มบัลลังก์ขององค์ราชากำมะลอ โอมาร์ ราสชิด อัลฟาฮาร์ มานานนับยี่สิบปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เขาสามารถล้างแค้นให้กับคนในครอบครัวและคนในเผ่าได้สำเร็จ แต่ศึกมันยังไม่จบเพียงเท่านี้ ยังมีอีกคนที่เขาจะต้องจัดการ ‘ทายาทอีกคนของอดีตองค์ราชากำมะลอ’ ที่เกิดจากพระสนมแห่งรัฐบาร์การู
‘ได้ข่าวว่าลูกชายของมัน กำลังศึกษาอยู่ที่ฝรั่งเศส ไม่รู้ว่าจบหรือยัง’
ทายาทคนเล็กของศัตรูที่มีใบหน้าหวานละมุนราวกับผู้หญิง ไม่น่าจะเป็นชายแท้ได้เลย จากคำบอกเล่าของทหารสายสืบรายงานว่า ลูกชายคนเล็กของโอมาร์คนนี้มีรูปร่างสูงโปร่งบอบบางราวกับผู้หญิง หากไม่แต่งกายด้วยชุดนักศึกษาชายก็คงดูไม่ออกว่าเป็น ‘ผู้ชาย’ ชีคซาฮิมมองดูรูปถ่ายในมือด้วยสายตาอำมหิต
‘น่าจะเป็นชายใจหญิงล่ะสิ’
แต่แว่นสายตากรอบใหญ่ที่บดบังครึ่งหน้าของเจ้าของรูปถ่าย ทำให้คิ้วเข้มดุจปีกกาขมวดเข้าหากันด้วยความขัดใจ เมื่อทหารสายสืบของเขามารายงานครั้งล่าสุดว่ายังตามหาตัวราเชลไม่พบ
‘ไม่ว่าลูกชายของแกจะไปซ่อนตัวอยู่มุมไหนของโลก ข้าก็จะตามไปกำจัดมันให้สิ้นซาก ให้เหมือนกับที่แกสั่งให้ทหารมาฆ่าพ่อแม่ของข้าและทำให้น้องชายที่ข้ารักหายสาบสูญไป ข้าจะล้างแค้นให้กับทุกคน รวมทั้งญาติคนอื่นๆ ในเผ่าของข้าด้วย เพราะฉะนั้น สายเลือดของแกเพียงคนเดียวข้าก็จะไม่ละเว้น’
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมฉายวาบขึ้นมาบนใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่แดงก่ำเต็มไปด้วยเพลิงแค้น ดวงตาคมแข็งกร้าววาวโรจน์ขึ้นราวกับมีไฟนรกหลายกองสุมอยู่ในนั้นเมื่อมองรูปถ่ายใบเล็กในมือ ไม่ยากหรอกที่เขาจะกำจัดมัน ‘ไอ้ผู้ชายบอบบาง’ คนนี้
‘แต่ว่ามันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนวะ’
“ซาฮิม ข้าว่าเจ้าควรหยุดทำหน้าบึ้งสักวันเถอะนะ วันนี้เป็นวันฉลองชัยชนะของเรา อีกสักครู่จะมีนางระบำจากปันจาร์ที่เขาเล่าลือว่านางสวยงามหยาดฟ้ามาดิน จะมาแสดงโชว์เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับเรา เจ้าตรากตรำการศึกมานาน ควรจะหาความสำราญให้กับตนเองบ้างนะสหายรัก” ไฮซาลทหารคู่ใจเปรยยิ้มๆ
“อาก็เห็นด้วยกับไฮซาลนะหลานรัก เจ้าควรเปิดหูเปิดตามองสิ่งสวยๆ งามๆ เสียบ้าง” ญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของซาฮิมเอ่ยสำทับ แต่ชีคหนุ่มที่หัวใจด้านชาดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับใครทั้งนั้น
“ข้าไม่สนใจพวกนางระบำมานานแล้ว เจ้าก็รู้” ผู้ที่ได้รับฉายาว่า ‘สิงห์แห่งทะเลทราย’ ยิ่งหน้าบึ้งมากกว่าเดิมเมื่อหันไปพูดกับมือขวาคนสนิท ภาพแห่งความหลังที่เจ็บปวดยังไม่เลือนหาย พวกผู้หญิงร้อยเล่ห์มารยา หลอกล่อให้เขาหลงระเริงจนเกิดเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีกแน่
“แต่นางระบำคนนี้ เป็นลูกครึ่งไทย-ซาร์เนเวียร์นะสหายรัก และเพิ่งเรียนจบแฟชั่นดีไซน์จากฝรั่งเศสมาหมาดๆ ด้วย แบบนี้เจ้าไม่คิดจะสนใจนางจริงๆ หรือซาฮิม”
ทหารผู้รู้ใจถามด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ความจริงตัวเขาเองก็สนใจนักท่องเที่ยวสาวลูกครึ่งที่มีความสามารถในการเต้นระบำหน้าท้องคนที่พูดถึงไม่น้อย และอยากจะจัดการซักฟอกนางให้ได้ความก่อนที่จะมาถึงมือของซาฮิม แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว เขาคิดว่าหญิงสาวผู้นี้อาจจะสร้างความสำราญให้กับสหายรักผู้เย็นชาของเขาได้
ดวงตาสีสนิมมีแววครุ่นคิด ก่อนจะหันมามองหน้าสหายรักที่คอยเจ้ากี้เจ้าการหาผู้หญิงมาบรรณาการเขาแทบทุกอาทิตย์คล้ายไม่พอใจ เพราะผู้หญิงทุกคนที่ไฮซาลพามาปรนนิบัติเขา พวกนางมีนิสัยเหมือนกันหมด น่าเบื่อ น่ารำคาญ และเขาก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนเกินหนึ่งครั้ง แล้วผู้หญิงที่ไฮซาลกำลังพูดถึงคนนี้จะน่าสนใจสักแค่ไหนกัน
‘เพราะนางเป็นลูกครึ่งไทย-ซาร์เนเวียร์ ที่เพิ่งจบมาจากฝรั่งเศสอย่างนั้นหรือ เขาถึงต้องสนใจ ก็อาจจะใช่ แต่ว่าการศึกษาของนางก็สูง แล้วทำไมนางถึงมาเป็นนางระบำเต้นยั่วผู้ชายด้วยล่ะ’
“ก็ได้ ข้าจะลองเชื่อเจ้าว่านางน่าสนใจ แต่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะไฮซาลที่เจ้าจะพาผู้หญิงมาบรรณาการข้า เพราะข้าหาผู้หญิงที่ข้าสนใจเองได้”
ทหารมือขวาหนุ่มยิ้มมุมปากนิดๆ มองผู้ที่เป็นทั้งเจ้านายเป็นทั้งสหายรักแล้วก็โคลงศีรษะไปมาอย่างระอา ซาฮิมน่ะหรือจะยอมเสียเวลาไปหาผู้หญิงที่ไหนที่ถูกใจ เวลาว่างก็แทบจะไม่มี หากว่างเมื่อไหร่ถ้าไม่ชวนกันไปแข่งม้า ก็ต้องไปตลาดค้าอูฐ แล้วท่านชีคของเขาซึ่งตอนนี้ก็มีฐานะไม่ต่างกับพระราชาที่ปกครองนครซาร์เนเวียร์แทนราชากำมะลอองค์ก่อนที่ถูกปลงพระชนม์ไปแล้ว จะมีชายาเคียงข้างและจะมีทายาทสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไปได้อย่างไรหากชีคหนุ่มไม่คิดจะสนใจผู้หญิง
อายุอานามของชีคซาฮิม อัล ฟาร์ฮาน ก็ไม่น้อยแล้ว หากเป็นรุ่นเดียวกันก็คงแต่งงานมีลูกไปหลายคนแล้วเช่นเดียวกับเขาที่มีภรรยาถึงสามคน มีลูกตั้งครึ่งโหล จึงอดรู้สึกเป็นห่วงสหายรักที่เป็นถึงเจ้าผู้ครองนครไม่ได้ ที่ยังครองความโสด ไม่ยอมเปิดใจรับผู้หญิงคนไหนเข้ามาเป็นชีคคาสักคน อย่าว่าแต่ชีคคาเลย ตั้งแต่คบกันเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งนานเขาก็ยังไม่เคยเห็นซาฮิมทำท่าสนใจผู้หญิงคนไหนเลยสักคน
“ตกลงสหายรัก ตอนนี้เจ้าเป็นถึงเจ้าผู้ครองนคร ข้าจะขัดใจเจ้าได้อย่างไรล่ะ ฟีน่า เจ้าไปบอกให้นางระบำที่ข้าพามา ให้เข้ามาแสดงโชว์ได้” ท้ายประโยคหันไปออกคำสั่งกับสาวใช้เก่าแก่ที่เปลี่ยนมาสวามิภักดิ์ต่อราชาองค์ใหม่ของซาร์เนเวียร์ ซึ่งก็คือนางกำนัลขององค์ราชาองค์ก่อนที่ยังรักตัวกลัวตายและไม่มีที่ซุกหัวนอนนั่นเอง ที่เต็มใจจะเป็นสาวใช้ให้กับเจ้าผู้ครองนครคนใหม่ เพราะนางไม่มีที่ไป
“เจ้าค่ะ”
เมื่อคล้อยหลังสาวใช้วัยสี่สิบต้นๆ ท่านชีคจากรัฐโอลัลนาร์และรัฐบาร์การูและผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็เริ่มทยอยกันมาร่วมงานเลี้ยงฉลองชัยชนะครั้งนี้ด้วย ตามจดหมายเชิญของผู้ครองนครซาร์เนเวียร์คนใหม่ ไม่นานนักในท้องพระโรงก็คึกคักไปด้วยอาคันตุกะคนสำคัญและผู้ติดตามมากมาย รวมถึงคนสนิทที่ร่วมสู้รบกับชีคซาฮิมก็มากันพร้อมหน้า
พรีมรตายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าต่างด้วยสีหน้าหงุดหงิด การเข้ามาเยือนประเทศที่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนจัดแบบนี้เธอคิดว่ายุ่งยากใจพอแล้ว แต่การถูกจับมาเป็นเชลยด้วยข้อหางี่เง่า ว่าเธอเป็นพวกของกบฏ มันทำให้เธอปวดหัวและปวดใจเกินจะบรรยายจริงๆ ทั้งที่พ่อของเธอก็สั่งห้ามแล้วว่าไม่ควรมาประเทศนี้ แต่เธอก็ไม่ฟัง เพราะกำลังตามหาคนๆ หนึ่ง ที่ได้ข่าวว่าเขาอาจจะกลับมาที่ประเทศซาร์เนเวียร์ ‘บ้านเกิด’ ของเขา
หญิงสาวไม่คิดเลยว่าประเทศนี้จะมีความป่าเถื่อนซ่อนอยู่ในสถานที่ที่เธอคิดว่ามันน่าจะปลอดภัย ‘ปันจาร์’ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ปู่ของเธอบอกว่าอีกไม่นานก็คงจะขึ้นเป็นรัฐที่สามของประเทศซาร์เนเวียร์เร็วๆ นี้ เพราะที่นี่มีโอเอซิสที่อุดมสมบูรณ์พอสมควร และชาวบ้านมีอาชีพเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพปลูกผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ ทอผ้าจากขนสัตว์ การทำเครื่องปั้นดินเผา มีตลาดนัดเล็กๆ กลางหมู่บ้าน ที่สำคัญปู่ของเธอได้ข่าวแว่วๆ มาว่าสันทรายที่อยู่ไม่ห่างไปจากหมู่บ้านมากนักอาจมีน้ำมันดิบจำนวนมากมายอยู่ใต้ผืนทราย
