บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ลักพาตัว

“หายไปไหนของแกกันนะสมายล์” ณิชาจ้องจอโทรศัพท์ เธอกระหน่ำโทรหาเพื่อนหลายสาย แต่ไร้วี่แววที่คนปลายสายจะกดรับ ทำเอาอดแปลกใจไม่ได้เพื่อนหายไปไหนกันแน่ ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวาน กระทั่งวันนี้ยังติดต่อไม่ได้

“ช่างเหอะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ที่มหาลัย” เธอหย่อนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าผ้า จากนั้นเตรียมตัวเดินทางกลับห้องพัก หลังจากทำงานพาร์ทไทม์เสร็จช่วงเวลาสามทุ่มครึ่ง

หญิงสาวไม่อาจล่วงรู้สักนิด ขณะนี้กำลังมีสายตาคู่หนึ่งมองทุกอิริยาบถของเธอ ตั้งแต่รอรถเมล์กระทั่งขึ้นรถและจากไป เขายังคงจับตามองอย่างไม่ละสายตา ก่อนสั่งลูกน้องให้ขับรถตาม

“บอสครับ เอาไงต่อดี” ไททันถามขึ้นหลังจากรถหรูแล่นจอดหน้าตึกหนึ่งค่อนข้างทรุดโทรม ซึ่งเป็นสถานที่ที่ณิชาเพิ่งเดินเข้าไปข้างในได้ไม่นาน

“คืนนี้ปล่อยไปก่อน พรุ่งนี้พวกนายค่อยมาดักรอแล้วพาผู้หญิงคนนั้นมาหาฉัน” เจย์เดนบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ครับ”

“ไปเถอะ พาฉันไปหาคริส”

“ครับบอส”

หลังจากณิชาจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เธอจึงแบกร่างกายอ่อนเพลียล้มตัวลงบนเตียงขนาดเล็กภายในหอพัก

“เฮ้อ…เหนื่อยจัง” แขนเรียวยกขึ้นก่ายหน้าผาก ดวงตากลมโตมองดูเพดานห้องสีขาวล้วนด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

เธอใช้ชีวิตเดียวดายมาตลอดตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย ดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้อยู่รอด แม้จะได้รับทุนการศึกษาแต่ค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น ต้องออกเองทั้งหมด ฉะนั้นหลังเลิกเรียนต้องไปทำงานทุกวัน กว่าจะได้นอนก็ล่วงเลยเกือบเที่ยงคืน

ณิชาแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาออกจากห้องพักเวลาหกโมงครึ่งดั่งทุกครั้ง หญิงสาวไม่รู้เลยวันนี้ช่างแตกต่างกว่าทุกวัน เนื่องจากมีรถตู้คันหนึ่งกำลังจอดรอเธออยู่หน้าตึกหอพัก เมื่อร่างเล็กปรากฏคนในรถรีบเปิดประตูลงมาพร้อมประชิดตัวเธอ

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ตามมา”

“คุณเป็นใครคะ” หันหน้ามองตามเสียงของคนอยู่ข้างหลัง

“ไม่ต้องถามมาก รีบตามมา” ชายหนุ่มแต่งกายคล้ายบอดี้การ์ดเปิดเสื้อสูทออกเล็กน้อย พอให้เห็นปลายกระบอบปืนสั้นเหน็บเอวเพื่อขู่ณิชาให้กลัว

คนตัวเล็กไม่มีทางเลือกมากนัก จำยอมเดินตามหลังชายร่างสูงใหญ่ไปขึ้นรถตู้กระจกสีทึบ

ขณะรถกำลังแล่นบนท้องถนน หญิงสาวพยายามจดจำเส้นทางเผื่อมีโอกาสหนีจะได้ไม่หลง เธอไม่รู้ด้วยซ้ำคนพวกนั้นจับตัวเธอมาทำไม วินาทีนี้ทำได้แค่สงบปากและสงบคำเพื่อคิดหาวิธีเอาตัวรอด

“ถึงแล้ว ลงมา” เสียงห้วนของชายชุดดำคนเดิม เรียกสติของณิชาหันมองคนเปิดประตู

“คุณจะพาฉันไปไหน จับตัวฉันมาทำไม”

“ลงมา”

“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” ณิชาขยับกายชิดมุม มองคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดระแวง

“อย่าให้ผมต้องใช้กำลังเลย”

“ฉันขอร้องนะคะ ปล่อยฉันไปเถอะ” มือเรียวพนมไหว้คนตรงหน้าอย่างขอความเห็นใจ

“เชิญลงมาเถอะครับ อย่าให้เสียเวลามากกว่านี้”

สุดท้ายณิชายอมลงจากรถ เพราะท่าทางกับสีหน้าของอีกฝ่ายน่ากลัวยิ่งนัก จนคิดว่าหากยังขัดขืนและไม่ยอมทำตาม มีหวังคงโดนทำร้ายแน่นอน

“เชิญครับ” ผายมือเชิญแก่เธอให้เข้าข้างในเพนท์เฮ้าส์ แล้วพาไปหาใครคนหนึ่งซึ่งกำลังรออยู่

“บอสครับ มาแล้วครับ”

คนยืนหันหลังมองบรรยากาศในยามเช้า หมุนตัวตามเสียงของลูกน้องคนสนิท ก่อนสายตาสะดุดกับหญิงสาว ทั้งคู่บังเอิญสบตากัน ก่อนความรู้สึกหนึ่งแล่นผ่านหัวใจ ทำให้เธอและเขาปวดหนึบราวกับถูกบีบรัด

“เมื่อกี้คืออะไร” เสียงหวานพูดพึมพำพลางยกมือจับหน้าอกข้างซ้าย นัยน์ตาคู่งามมองเขาแวบหนึ่งอย่างต้องการคำตอบ

“พามานั่ง” เจย์เดนสลัดความรู้สึกเมื่อสักครู่ทิ้ง จากนั้นเอ่ยพูดกับไททันก่อนเขาจะนั่งลงบนโซฟาตัวหรูกลางห้อง

“เชิญครับ”

“ค่ะ” ณิชาทำท่าจะนั่งตรงข้ามกับเจย์เดน ทว่าเสียงทุ้มของอีกคนดังขึ้นทำเอาชะงักทีเดียว

“นั่งพื้น”

“คะ” คิ้วโก่งสวยเลิกขึ้นเชิงสงสัย แค่อยากรู้ว่าตนเองไม่ได้หูฝาด

“ฉันบอกให้นั่งพื้น” คราวนี้เจย์เดนจ้องเขม็งหน้าสวยหวานด้วยสายตาดุดันปนความเกลียดชัง จนคนตัวเล็กรู้สึกเย็นยะเยือกทั่วสรรพางค์กาย

“ทำตามคำสั่งบอสเถอะครับ” ไททันกระซิบบอกเธออย่างหวังดี

“ค่ะ” พยักหน้าเล็กน้อย แล้วหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น

นาทีนี้เธอต้องทำตามคำสั่งไปก่อนถ้าอยากมีชีวิต เพราะท่าทางของอีกคนไม่น่าจะใช่คนธรรมดา จากความรู้สึกของเธอบ่งบอกอย่างนั้น

“เธอชื่อณิชาใช่ไหม” คนตัวเล็กนั่งได้ไม่นาน เขาถามขึ้นทันที

“ค่ะ” แม้จะงุนงงที่เขารู้จักชื่อเธอได้อย่างไร กระนั้นก็ยอมตอบคำถาม

“ดี ถือว่าไม่ผิดตัว” เจย์เดนยกยิ้มมุมปากดั่งคนร้ายกาจพลางมองคนตรงหน้าด้วยแววตาชิงชัง

“พูดเรื่องอะไรของคุณ ฉันไม่เข้าใจ”

“ทำอะไรไว้ก็รู้ดีแก่ใจ” เจย์เดนสวนกลับทันควัน แค่มองหน้าเธอขณะนี้แทบอยากจะพุ่งไปฉีกร่างเธอเป็นชิ้น ๆ ให้สาสม

“ฉันทำอะไรคะ ฉันมั่นใจว่าฉันไม่รู้จักพวกคุณ” จ้องคนตัวโตโดยไม่หลบสายตาคม เมื่อไม่ได้ทำอะไรผิดจะกลัวไปทำไม เธอเชื่ออย่างนั้น

“เฝ้าไว้ดี ๆ อย่าให้หนี” เขาไม่ตอบคำถามของเธอ แต่หันไปกล่าวกับลูกน้องแทนพลางเด้งตัวลุกขึ้น

“คุณจะไปไหน มาจับฉันไว้ทำไม” เธอเริ่มโวยวาย

“…” เจย์เดนไม่สนใจ เขาตั้งท่าจะก้าวเท้าจากไปแต่หยุดชะงัก

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาจับตัวฉันแบบนี้ ถ้าญาติพี่น้องของคุณโดนบ้างจะรู้สึกยังไง”

“หุบปาก!!” ชายหนุ่มหันหลังไปประชันหน้ากับเธอพร้อมหยิบปืนเหน็บเอวจ่อศีรษะของคนตัวเล็ก “ถ้าพูดอีกสักคำ ฉันยิงแน่”

เพราะณิชาเอ่ยคำว่าน้อง ทำให้เขาเผลอนึกถึงคริสตัลที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บและสูญเสียลูกน้อยในครรภ์หมาด ๆ ถ้อยคำของเธอราวกับตอกย้ำไม่ให้เขาลืมผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับน้องสาวตัวเองไว้บ้าง

บรรยากาศภายในห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด ณิชาตกใจสุดขีดอย่างคาดไม่ถึงผู้ชายตรงหน้าจะโหดร้ายถึงขั้นนำปืนมาขู่กัน

“เฝ้าไว้ให้ดี ไททัน” เขาเก็บปืนไว้ดั้งเดิมและจากไปทันทีอย่างหัวเสีย

“คุณครับ”

“คะ” คนสติหลุดค่อย ๆ แหงนหน้ามองไททัน

“ผมขอกระเป๋าด้วยครับ”

“กระเป๋าเหรอ” ณิชาเหลือบมองกระเป๋าผ้าที่สะพายไว้ตรงหัวไหล่มน “ไม่ให้” กอดกระชับแน่น

“อย่าให้ผมต้องใช้กำลังเลย”

“คุณคะ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันทำอะไรผิดเหรอถึงจับตัวฉันไว้แบบนี้” ส่งสายตาอ้อนวอนคนตรงหน้า

“ผมจะปล่อยก็ต่อเมื่อเจ้านายผมสั่งเท่านั้น ขอกระเป๋าด้วยครับ” ยื่นมือใหญ่ขอกระเป๋าผ้า

“ไม่เอาไปได้ไหมคะ”

“ไม่ได้ครับ” ส่ายหัวเล็กน้อย

“คุณอยากได้อะไรในกระเป๋าฉันคะ” กระเป๋าของเธอแทบไม่มีสิ่งมีค่าใดเลย อย่างมากแค่โทรศัพท์เครื่องเก่า ๆ เท่านั้น พอจะมีค่าขึ้นมาหน่อย

“ทุกอย่างที่อยู่ในนั้น ผมจำเป็นต้องยึดไว้ก่อน” ไททันอธิบายเพิ่มเติม

“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหม” ณิชาจำยอมยื่นกระเป๋าให้แก่คนตรงหน้า แต่ไม่วายหยิบสร้อยคอเส้นหนึ่งออกมาเก็บไว้กับตัว ซึ่งไททันไม่ได้ต่อว่ายอมให้เธอทำตามความปรารถนา

“เชิญลุกขึ้นและตามผมมาด้วยครับ”

“ค่ะ” เธอเชื่อฟังคำสั่งชายหนุ่มอย่างง่าย แล้วพยุงกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินตามหลังไททันไปห้องหนึ่ง

เหตุการณ์เมื่อสักครู่ยังคงไม่เลือนหายจากความทรงจำ จึงไม่กล้าขัดขืนไม่ว่าคนเหล่านั้นสั่งอะไรก็ต้องทำอย่างไม่มีทางเลี่ยง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel